๐ นานกาลนานเนิ่นล้า ... แรมไกล คืนค่ำวาเลนไทน์ .......... ทาบเศร้า ออกปากมิสนใจ ........... โกหก ตนเฮย ใจลึกรื้นแรงเร้า ............. อดีตชื้นอัสสุชล ฯะ เนิ่นนานกาลผ่านคืนเหมือนยืนย่ำ ณ คืนค่ำแห่งรักปักใจฝืน ปากเอ่ยว่าไม่สนแสร้งทนกลืน น้ำตารื้นตกในใส่รอยจำ ------------- ณ ภาณุ
๐ นานกาลนานเนิ่นล้า ... แรมไกล คืนค่ำวาเลนไทน์ .......... ทาบเศร้า ออกปากมิสนใจ ........... โกหก ตนเฮย ใจลึกรื้นแรงเร้า ............. อดีตชื้นอัสสุชล ฯะ เนิ่นนานกาลผ่านคืนเหมือนยืนย่ำ ณ คืนค่ำแห่งรักปักใจฝืน ปากเอ่ยว่าไม่สนแสร้งทนกลืน น้ำตารื้นตกในใส่รอยจำ ------------- ณ ภาณุ
บนเส้นทางหนึ่งสายจรดปลายรุ้ง พบกี่รุ่งกี่ค่ำย้ำความหมาย กี่ทุกข์สุขร้อนหนาวให้ก้าวกราย กว่าถึงสายรุ้งงามตามต้องการ บ้างอาจท้อทั้งยืนสะอื้นไห้ บ้างทิ้งรอยเจ็บไว้ให้สมาน บ้างในทางอาจว้าง .. คว้างเนิ่นนาน เงียบสงัดคำขานหว่างวารวัน ก่อนพบว่าสายรุ้ง ณ วุ้งฟ้า ที่ล่อตาลวงใจให้คิดฝัน แท้จับต้องไม่ได้ไร้ชิ้นอัน เพียงถูกสรรค์เอาไว้ .. ไร้ตัวตน …………………………………………. แท้เพียงแสงสุกใส .. ไร้ตัวตน ………………………………………….
เล่ห์อุบายหลายกลวนเวียนยุ่ง ใช้แต่งปรุงแสดงกลพอทนไหว แต่เล่ห์ลวงบ่วงรัดเพื่อมัดใจ หลงยอมใครมัดตนคงทนกลืน กี่ครั้งครานอกใจให้ใจเจ็บ กี่ใครเก็บบังไว้ให้สะอื้น กี่คำหวานหว่านไว้ใช้เป็นฟืน กี่พันหมื่นคำลวงรอท้วงทาย คำคลุมเครือเผื่อไว้ให้ไกลผิด บรรจงคิดบิดคำซ่อนความหมาย ทั้งเผื่อหน้าเผื่อหลังอย่างแยบคาย แล้วฟังดูคล้ายคล้ายว่าชอบธรรม พูดทั่วทั่วถัวไว้ให้กว้างกว้าง ดูกลางกลางนัยนัยให้ถลำ สร้างความหมายใหม่ใหม่ใช้ครอบงำ วาทกรรมล่อหลอนให้อ่อนลง เล่ห์ลมรั้งขังใครให้ใจอ่อน เล่ห์ลมซ่อนความจริงสิ่งประสงค์ แสร้งเปิดเผยกลบเกลื่อนเหมือนซื่อตรง แท้คือลงกลอนลวงขังดวงใจ หนึ่งอุบายหลายนัยหนึ่งใครพร่ำ หนึ่งเล่ห์คำคลุมเครือเผื่อเฉไฉ หนึ่งคนโง่เคว้งเขวเพราะเล่ห์ใคร หนึ่งหัวใจไขว้เขว ... เพราะเล่ห์ลม
กอรักกอก่อก็.................ไมตรี กอพุดก่อปรานี...............นี่นี้ แก้วว้างว่างวางที่............รวมช่อ แทนใจ คอยค่อยคล้อยไป่ลี้........แอบเฝ้า เพียงมอง ------------------- แต่งไว้ตั้งแต่สมัยเรียนมัธยม 6 น่ะครับ (ผ่านมา 6 ปีแล้ว)ไม่ค่อยเพราะเท่าไหร่ครับ แต่ก็ทำให้ระลึกถึงชีวิตในช่วงนั้น ๆ ได้ดีเลยทีเดียว