9 พฤษภาคม 2551 02:43 น.
ณ.คลองฉวาง
เช้าแล้วตะวันเคลื่อนจากขอบฟ้า
ความมืดจากมนตราราตรีเลือนจางหาย
เหล่าสรรพชีวิต สรรพสัตว์มากมาย
ตื่นจากการหลับไหลในค่ำคืน
เหล่านกกาบินไปหาอาหาร
ส่วนผู้คนออกไปหารายได้
ต่างชีวิตต่างหน้าที่ต่างกันไป
วิถีชีวิต วันใหม่ ใน โลกา
9 พฤษภาคม 2551 02:30 น.
ณ.คลองฉวาง
เดินอยู่บนท้องถนน
เป็นคนคนจรหมอนมิ่น
ไร้ซิ่งที่อยู่ที่กิน
ชีวินเผชิญโชคผจญภัย
คำไหนคงต้องนอนนั้น
หลับฝันข้างบาทวิถี
หนังสือพิมพ์เป็นดังที่นอนชั้นดี
สองแขนนี้คือที่หนุนกาย
นอนคิดถึงวันข้างหน้า
มุ่งทางใดเล่าหนาวันพรุ่งนี้
คงต้องเดินก้าวไปผจญภัยชีวี
ตามหนทางวิถีคนจร
คำนี้มีแต่ความเหน็บหนาว
อ้างว้างเงียบเหงาราวอยู่ในป่าช้า
ความเงียบให้รู้สึกกลัวกับโชคชะตา
หนทางวันหนาเป็นเช่นไร
ขดตัวฝืนทนหลับไหล
ความหนาวจับไปถึงขั่วกระดูก
เมื่อไหรจะได้เจอะเจอความสุข
ทนทุกหลับตาน้ำตาริน
6 พฤษภาคม 2551 22:07 น.
ณ.คลองฉวาง
ฉันเกลียดความไปไปบางอย่างในโลกนี้
ฉันเกลียดคนที่ต้องตามอย่างห่วงสมัย
ฉันเกลียดที่ต้องตามอย่างเขาเรื่อยไป
ฉันเกลียดที่ใครเหยีดหยามกัน
ฉันเกลียดคนที่วัดคนด้วยวัตถุ
ฉันเกลียดคนที่มองคนทะลุด้วยเสื่อผ้า
ฉันเกลียดคนที่ยกย่องคนด้วยสิ่งของมีราคา
ฉันเกลียดคนที่วัดค่าคนด้วยรูปกาย
ฉันเกลียดคนที่เหยียดหยามในตระกูล
ฉันเกลียดคนที่คิดว่าพงประยูรณ์นั้นยิ่งใหญ่
ฉันเกลียดคนที่เอาเปรียบคนอยู่รำไป
ฉันเกลียดคนที่หัวใจเห็นแก่เงิน
ฉันเกลียดคนที่เอาคนมาบังหน้า
ฉันเกลียดคนที่อำนาจศักดินาสร้างรายได้
ฉันเกลียดคนที่ปล้นเงินคนยากคนจนไป
ฉันเกลียดคนที่ปากกับใจไม่ตรงกัน
6 พฤษภาคม 2551 21:48 น.
ณ.คลองฉวาง
สร้างภาพเบื้องหน้าปิดบังไว้
ภาพเบื้องหลังจัญไรใครจะรู้
กูคนดีมีแต่คนเชิดชู
ไม่นานกูจะเป็นรัฐมนตรี
แหละทีนี้นี่แหละเสร็จกูแน่
ใครจะจนจะแย่กูไม่ใสใจ
เข้ามากอบโกยผลประโยชน์มากมาย
นี้คือหวังวาดไว้ นักการเมือง
ตุลาคม2543
6 พฤษภาคม 2551 05:17 น.
ณ.คลองฉวาง
เดินทางมาจากกรุงไกล
กลับไปหวนซบไอดิน
อีกไม่นานฉันก็ถึงถิ่น
ดินแดนบ้านเกิดเที่จากไป
รถจอดตรงหน้าถนนสายนี้
ที่ๆเคยวิ่งเล่นกับเพือนฉัน
นานเท่าไหรแล้วที่เราไม่เจอกัน
คิดถึงวันที่ฉันยังวัยเยาว์
ฉันมองไม่เห็นต้นหว้าใหญ่
คงหักโคนล้มไปนานแล้วหนา
ผืนดินรกร้างเปลียนเป็นสวนยางพารา
บ้านของป้าศรีนั้นก็ไม่มี
เหลือบมองเห็นเด็กปั่นจักรยานผ่าน
นึกถึงวันวานกับถนนสายนี้
เงาอดีดหวนกลับมาทันที
วิถีชีวิตวัยเยาว์ยิ่งชัดเจน
เมื่อมองเห็นคลองผ่านนา
ก็นึกถึงเวลาเมือครั้งนั้น
เคยแหวกว่ายในสายน้ำเล่นทุกวัน
เนื้อตัวมอมแมมกันไปท้วนทั่ว
มองเห็นสายน้ำแล้วใจหาย
แห้งเหือดไปไม่เหมือนเมือวันวาน
เมือฉันกวาดสายตามองผ่าน
หญ้าปกคลุมลำคลองนั้นจนหายไป
ฉันหยุดดูลำคลองอยู่พักหนึ่ง
ก็นึกถึงถอดใจทรุดนั่ง
แล้วจะมีอะไรอีกกีอย่าง
ที่เปลียนแปลงวิถีทางของมันไป
ถอนใจชันกายแล้วลุกเดิน
มองเกินเลยไปวันข้างหน้า
วิถีเปลียนไปตามกาลเวลา
ปู่ยา คงชราลงทุกที
พ่อแม่คงเริ่มแก่เฒ่า
เด็กๆนั้นเล่าคงจะเติบใหญ่
หลายคนคงล้มตายไป
เด็กมากมายคงเพิ่งเกิดมา
ถึงทางแยกที่เป็นทางสามแพร่ง
เคยวิ่งแซงวิ่งหนีจ้าละหวั่น
เพราะมีคนบอกเราเมื่อครั้งนั้น
ว่ามันมีผีร้ายอาศัยหลอก
ที่ตรงนี้เคยเป็นที่รกร้าง
สองข้างทางเต็มไปด้วยดงไผ่
ถ้าเดินผ่านจะเกิดกลัวขึ้นในใจ
ต้องรีบเดินให้พ้นไปเร็วยิ่งดี
ตอนนี้ไม่มีแล้วดงไผ่
ไม่เหลือไว้ภาพเดิมในครั้งนั้น
ความหน้ากลัวก็สลายไปพร้อมกัน
ภาพเหล่านั้นคงฝังไว้ในวัยเยาว์
เดี๋ยวนี้มีไฟส่องสองข้างทาง
แสงสว่างคงส่องไปจนเฉิดฉาย
หมดความมืดความกลัวก็จากไป
ความเปลี่ยนแปลงมากมายที่ได้เจอ
ถึงทางแยกเข้าบ้านฉัน
จิตใจนั้นแสนปิติ และยินดี
ฉันกลับบ้านมาในครั้งนี้
นานกี่ปีที่จากบ้านเกิดไป
ภาพเดิมฉันยังจำได้
ที่ตรงนี้เคยมีตะเคียนใหญ่
และตรงนั้นเคยมีต้นมะไฟ
คงจะโค่นหรือตายไปเมื่อหลายปี...
ฉันเห็นเพียงต้นยางใหญ่
แหงนขึ้นไปไม่เห็นแม้เพียงใบ
คงเพียงอยู่แต่ต้นที่ใกล้ตาย
ไม่เท่าไหรก็คงจะโค่นลง
ไม่กี่ก้าวก็จะเข้าถึงบ้าน
ห่วงแห่งกาลเวลาพาเปลี่ยนผัน
มองเผอนๆก็เหมือนเมื่อครั้งนั้น
มองนานๆจะเห็นบ้านทรุดโทรมลง
เมื่อตัวฉันเหยียบถึงชายคาบ้าน
ความสุขสันต์เปรมปรีมีท้วมท้น
แม่และพ่อรับขวัญเข้าปลอบโยน
ให้ฉันพ้นทุกทนที่ฝังใจ
ในวันนั้นนอนหวนคิดถึงวัยเยาว์
ภาพครั้งเก่าคงประทับอยู่ในใจ
ฉันนอนคิดจนเวลาเลยล่วงไป
จึงทำให้เห็นภาพในห่วงนิวรณ์
เห็นตัวฉันวิ่งเล่นอยู่ในไร
เห็น ไอ้ดำ วิ่งไล่ติดตามฉัน
เห็นพ่อแม้ลงข้าวกล้าในไรนั้น
ภาพความฝันนั้นคือฉันในวัยเยาว์
เขียนเสริมหลังกวี
"จักรยาน เมื่อสมัยที่ผมยังเป็นเด็กๆจะนิยมจักรยาน BMXและจะรวมกลุ่มเที่ยวเล่นตามประสาเด็กๆเช่นไปหาปลา ยิงนก "
คลองผ่านนา เป็นคลองขุดที่เช้าบ้านขุดขึ้นในสมัยอดีดเพื่อปันน้ำ
ในการทำนาแม้การทำนาในแถวบ้านจะเลิกมานานแต่คลองแห่งนี้ก็ยังอยู่
ในตอนที่ยังเป็นเด็กน้ำใส มีปลามาก เคยเล่นน้ำและหาปลาในคลองนั้น
แต่เมื่อมีถนนตัดผ่านทำให้มีการถมและวางท่อซิเมนต์น้ำที่เคยไหลสะดวกก็
ตื้นเขิน ตลอดจนสารเคมีทางการเกษตร ทำให้ไม่สามารถใช้ประโยชน์จากคลองแห่งนี้ได้ คลองแห่งนี้ชาวบ้านเรียกว่า คลองคู
บ้านป้าศรี ป้าศรีเป็นคนที่สมมุติขึ้นแต่จริงแล้วเป็นผัวเมียชาวอีสาน
คู่หนึ่งทีไปทำงานแถวบ้านปลูกบ้านตรงหน้าถนนทางเข้าบ้านเป็นคนมีน้ำใจและใจดี
อาลัย " หลายคนคงล้มตายไป " ในระยะเวลาที่เปลียนแปลงคนที่รู้จักคนที่นับถือก็ได้จากไปหลายคน ขอแสดงความอาลัยกับคนเหล่านั้น
ทางแยกสามแพร่ง ที่บริเวณแห่งนี้เคยมีความเชื่อว่ามีดวงวิญญาน
สิงสถิตอยู่ กอร์ปกับมีคนผูกคอตาย และมีคนโดนยิงเสียชีวิตบริเวณนั้น
ทำให้คนแถวบ้านจะกลัวและไม่กล้าเดินผ่านโดยเฉพาะเด็กๆแต่เมื่อ ชาวบ้าน
ตัดดงไผ่ทิ้งพื้นที่ตรงนั้นก็สว่างขึ้นและมีความหน้ากลัวลดลง
ไอดำ หมาที่เคยเลี้ยงเป็นหมาของชาวบ้านแต่ชอบมาอยู่ที่บ้านจนคิดว่าเป็นหมาของตัวเอง
ไร้ข้าว สมัยก่อนชาวบ้านแถวแถวภาคใต้จะนิยมปลูกเข้าไว้กินเองแต่
ลักษณะพื้นที่นามีน้อยดังนั้นจึงมีการปลูกข้าวที่เรียกว่า ข้าวไร้และบรรยากาศ
ในการทำข้าวไร่จะสนุกมีการรวมคนในหมู่บ้านมาช่วยเก็บเกี้ยวต่างกับคนสมัยนี้ที่ต่างคนต่างอยู่ และน้ำใจลดลง ไม่เว้นแม้แต่ในชนบท