30 พฤศจิกายน 2551 02:31 น.
ณ.คลองฉวาง
แม้หนทางเต็มด้วยขวากหนามจงก้าวต่อไป......ไป
ถึงแม้สิ่งใดกีดขวางตรงหน้าอย่ากลัวสู้ต่อไป.....ไป
ทำเพื่อสิ่งที่ดีงามขอให้ทำต่อไป......ไป
เดินก้าวหน้านำหน้าสู้ต่อไป......ไป
สิ่งชั่วร้ายจะพินาศสูญสิ้นหมดไป......ไป
ความเลวร้ายจะสลายหมดสิ้นหมดไป....ไป
เงาแห่งความชั่วร้ายจะเคลื่อนออกไป....ไป
ขอแค่เธอไม่ยอมแพ้และสู้ต่อไป......ไป
ทำเพื่อความดีจงทำต่อไป............ไป
ทำเพื่อไทยด้วยใจจงทำต่อไป.....ไป
ไทยก้าวหน้าหากคนก้าวหน้าจงก้าวออกไป....ไป
พลังศีลธรรมนั้นดีงามจงเชื่อและก้าวออกไป...ไป
ความเสียสละนั้นดีงามจงเชื่อและก้าวออกไป...ไป
แผ่นดินของเราใช่ของใครจงเชื่อและก้าวออกไป..ไป
ความจริงยอมคือจริงจงเชื่อและก้าวต่อไป.....ไป
ธรรมะชนะอธรรมจงเชื่อและก้าวต่อไป....ไป
บ้านเมืองจะดีต้องให้คนดีปกครอง คำพ่อ จงเชื่อและสู้ต่อไป.....ไป
(แด่นกประชาธิปไตยผู้แบกคุณธรรม)
28 พฤศจิกายน 2551 19:19 น.
ณ.คลองฉวาง
หลายคนล้มลงทรุดกาย
นอนตายสิ้นลมหายใจ
ภาพการละทิ้งร่างไป
เห็นได้เหมือนความคุ้นเคย
ช่วงชิงแก่งแย่งแข่งขัน
ไล่ฆ่าไล่ฟันจนสูญสิ้น
เกลื่อนกลาดไปทั่วแผ่นดิน
ทรนินเต็มด้วยกลิ่นความตาย
ระรินหอมกลิ่นดอกโศก
ดั่งโลกใกล้สิ้นสลาย
ผู้คนต่างพาล้มตาย
เห็นได้ทั่วทั้งแผ่นดิน
ระเนระนาดกลาดเกลื่อน
ลืมเลือนไมตรีที่มีให้
เพียงตนไม่คิดถึงใคร
ภาพของความตายจึงคุ้นเคย
28 พฤศจิกายน 2551 10:27 น.
ณ.คลองฉวาง
ทักทอความเป็นห่วงรักนี้มาให้
จากใจชายคนนี้ทีมีความหวง
ทั้งหัวใจมอบให้ไปทั้งดวง
อยากให้เธอคอยห่วงช่วยดูแล
28 พฤศจิกายน 2551 02:20 น.
ณ.คลองฉวาง
จึงรู้ชะตา บ้าคลั่ง มันนั่งหัวเราะเราอยู่
มันยิ้มเย้ยเยาะหัวเราะขำ ระยำชะตากรรมใครสร้าง
ณ.เวลานั้นฉันยังเพ้อฝัน คิดสรรค์คิดสร้างหลายอย่าง
เหมื่อนโง่เหมือนบ้าไม่รู้ทาง แรมร้างจากสายตาระอาใจ
ณ.เวลาหนึ่งจึงรู้เขาใจ ใครคิดอย่างไรช่างเขา
ใครยิ้มใครเยาะหัวเราะเรา อาจโงอาจง้าวกว่าเรานั้น
บางเวลาก็ยังรู้ว่า ความคิดนั้นหนาช่างเขลา
บางคนเขาคิดดีกว่าเรา ยังโงยังง้าวเขลาเกิน
คิดแต่ว่ากูนั้นเก่ง ร่องสมองมีไฟแรงพุ่งพลวด
โงเง่าเรายังจะโอ้อวด เราหยุดสำรวจตัวเอง
24 พฤศจิกายน 2551 01:29 น.
ณ.คลองฉวาง
ในป่าไพรแสนไกลชายแดน
ลำบากแสนเมื่อถึงฤดูหนาว
ในพื้นที่หุบแห่งเทือกเขา
ความเหน็บหนาวพัดลมโรยริน
กระทอมกลางไพรสองยายกับหลาน
ชั้งน่าสงสารและน่าเห็นใจ
ด้วยความที่รักหลานยิ่งกว่าอื่นใด
ผ้าห่มมีไว้ให้หลานอุ่นสบาย
ผ้าห่มผืนน้อยห่มให้หลานไว้
ส่วนตัวของยายขดกายทนหนาว
ลมโชยพัดมาสะท้านทุกคราว
โอ้สายลมหนาวช่างร้าวรานเกิน
หน้าหนาวปีนี้หนาวกว่าปีไหน
ในที่ห่างไกลธุรกันดาร
ยังมีผู้คนเหมือนยายกับหลาน
โปรดช่วยส่งสารและช่วยเห็นใจ
ลมหนาวของคนที่ขาดแคลนผ้าห่ม
นั้นเปรียบกับจมความทรมาน
ในฤดูหนาวแห่งความร้าวราน
เราโปรดช่วยกันด้วยความอารีย์
เธอมีผ้าห่มผืนเก่าผืนนั้น
โปรดเอาให้กันส่งมอบให้ไป
ฝากความเป็นห่วงและความเห็นใจ
ให้พี่น้องไทยกลางไพรชายแดน
แสนเป็นห่วงเมื่อถึงยามหน้าหนาว
ฉันกลัวพวกเขาจะหนาวเกินจะทน
แต่คิดอีกทีก็คลายความสบสน
เพราะเมืองนี้คน แบ่งปันน้ำใจไมตรี