21 พฤศจิกายน 2552 08:06 น.
ฐปนวุธ
มือสัมผัสปากกาสู่หน้ากระดาษ
แต้มรอยวาดด้วยรักแห่งอักษร
ความรู้สึกลึกซึ้งถึงอาทร
เขียนเป็นกลอนลึกล้ำสัมผัสจาร...
โอ้สายลมเวลามาแผ่วพัด
ภาพความชัดย่อมเลือนเหมือนแก่นสาร
เหลือแต่รอยขาดวิ่นของชิ้นงาน
ที่รอการหันดูจากผู้คน
ฉันมิได้หวังชื่อเพราะมือเขียน
เพียงเพื่อเพียร...รู้สึกและฝึกฝน
เพียงเพื่อเผยเชื้อไฟแห่งใจตน
ให้คุข้นด้วยหวังอีกครั้งครา
เพื่อแสงแดดสีทองรองอรุณ
จะแผ่อุ่นไออวลมวลพฤกษา
เพื่อเสรีแห่งรักจักทาบทา
ให้โลกล้าแห่งกวีมีชัยเอย...
9 พฤศจิกายน 2552 11:24 น.
ฐปนวุธ
๑ แสงสุดท้ายของตะวันผันลาแล้ว
เหลือแต่แววดาวคว้างอยู่กลางหาว
บ้างเจิดจ้าบ้างหรี่ริบกระพริบพราว
อยู่เต็มราว...ม่านฟ้ายามราตรี
๒ ลมบางเบาแผ่วพัดสงัดเงียบ
ส่งความเยียบย็นไปไกลเหลือที่
ฉันเติมฟืนไฟเชื้ออุ่นเนื้อดี
แต่ไม่มีอุ่นให้หัวใจเลย
๓ ความเจ็บปวดรวดร้าวหนาวเหน็บนัก
เพราะพิษรักฝังในหัวใจเอ๋ย
รสสัมผัสละมุนที่คุ้นเคย
กลับมาเผยรสพิษอนิจจา
๔ รอเพียงแสงตะวันอันอบอุ่น
ส่องอรุณด้วยสีทองผุดผ่องหล้า
โปรดเปิดม่านหัวใจและนัยน์ตา
เช่นเปิดฟ้าให้กระจ่างเหมือนอย่างเคย...