28 กรกฎาคม 2551 16:45 น.

บทเพลงแห่งความเถื่อน

ฐปนวุธ

เมื่อพายุฝนซัดพัดผ่านพ้น
พังชีวิตผู้คนทนเศร้าสุด
เพียงหนึ่งนานกาลเวลาเดินหน้ารุด
ชีพที่ทรุดย่อมสดใส ไม่นานนัก...

หนึ่งพายุแห่งอธรรมทำลายล้าง
โลกสว่างกลับสิ้นแสงแจ้งประจักษ์
ความยากจนย่ำแย่แผ่ทายทัก
คนยึกยัก ถูกปล่อยให้ลอยนวล...

เมื่อชีพไร้แสงธรรมส่องนำหน้า
มีสองตาคงไม่มีเห็นถี่ถ้วน
เมื่อมักใหญ่ใจดับยิ่งทรัพย์ยวน
ทุกสิ่งล้วนเป็นไปง่ายนิดเดียว

จึงประชาทุกข์ล้นทนรับเคราะห์
โดนปล่อยเกาะไม่มีที่ยึดเหนี่ยว
แพะรับบาปโดนขูดรีดหน้าซีดเซียว
จะแลเหลียวรอยหวังยังไม่มี

ดาบในมือเธอชี้ชัดบำบัดทุกข์
เสริมสร้างสุขตามศรัทธาแห่งหน้าที่
วันนี้ดาบเฉือนเชือดเลือดคนดี
เธอจะมีคำตอบใด ให้ผองชน

จะวางดาบกราบขมาช้าไปไหม !?
เบื้องหน้าไร้ความสุขอยู่ทุกหน
หากไม่เห็นไม่เข้าใจ  ไม่ทุกข์ทน
เธอไม่สน ไม่เห็น ไม่เป็นไร

เถอะวันหนึ่งวันนั้นที่วันนี้
คนจนตรอกต้องอยากมีชีวิตใหม่
ประชาชนจะทวงหนี้ที่เสียไป
ฆ่าเธอให้...ชีพลับลงกับมือ				
26 กรกฎาคม 2551 10:25 น.

อรุณรุ่ง

ฐปนวุธ

แสงเหลืองอ่อนเรื่อริมปริ่มพ้นน้ำ
ร่ายระบำปลอบปลุกทุกชีพตื่น
ความสงัดงดงามยามค่ำคืน
ดับและฟื้นมาใหม่อีกไม่นาน

แสงเหลืองลอยพ้นผิวน้ำพริ้วไหว
เป็นวันใหม่ที่มีค่ามหาศาล
เพราะชีวิตมิอาจรู้อยู่ชั่วกาล
มีร้าวรานสุขปลื้มแล้วลืมเลือน

จึงมาหามาถามไถ่มาใกล้ชิด
มาสร้างมิตรภาพเห็นขอเป็นเพื่อน
แม้นมีรักปิดตายิ่งพร่าเตือน
ก็ยิ่งเหมือนขายคำรอช้ำใจ

เธอไม่รักไม่ชอบไม่ตอบสนอง
ใยจะต้องไปเฝ้าเอาใจใส่
เธอไม่ห่วงไม่เห็นจะป็นไร
จะยอมให้อดทนอีกหนเดียว

อรุณรุ่งข้างหน้าฟ้าสดใส
อรุณรุ่ง ข้างในใยเปล่าเปลี่ยว
ฤาแบกหน้าไปตามจิตชีวิตเดียว
ฤาจะเลี้ยวกลับหลัง...ลังเลนัก...

วางชีวิตเป็นเดิมพันอันใหญ่หลวง
แพ้ก็หน่วงหนาวเหน็บทนเจ็บหนัก
แต่มิได้ลงนามสงครามรัก
คงกระอักเลือดสิ้นชีวินเดียว				
21 กรกฎาคม 2551 16:52 น.

ให้แม่นะ

ฐปนวุธ

หอมมะลิผลิดอกออกสะพรั่ง	
ริมสวนหลังบ้านเก่ายังเคล้ากลิ่น
ชูช่อชั้นเบ่งบานกลางลานดิน		
เห็นชาชินจึงด้วยค่ากว่าควรมี

เก็บมะลิดอกขาวพราวตะกร้า		
เก็บเอามาเสียบใส่ผูกบายศรี
ใบตองรองเรียงรอบขอบพอดี		
วางไว้ที่ริมหน้าต่างข้างเตียงนอน

ดึกดื่นแล้วแม่ใยยังไม่กลับ		
หนูรอหลับฝันยิ้มอยู่ริมหมอน
หอมมะลิริมรวงดาวร่วงคลอน		
จันทร์สะท้อนคลื่นระลอกอยู่นอกเรือน

เด็กน้อยหลับแล้วฝันคืนวันแม่		
อบอุ่นแดดดวงหนึ่งซึ้งใดเหมือน
ริมหน้าต่างยามนี้มีแสงเดือน		
กับหน้าเปื้อนยิ้มสุขทุกมุมใจ

ดูลูกน้อยตรงหน้าตาหลับพริ้ม		
แม่เก็บยิ้มอบอุ่นหนุนหมอนให้
เด็กหญิงตื่นชื่นหน้ารู้ว่าใคร		
แล้วร้องไห้แม่จ๋าแม่มาแล้ว

หอมมะลิผลิดอกนอกหน้าต่าง		
กลางลานร้างหมอกจัดลมพัดแผ่ว
แสงแรกแห่งตะวันวอนสะท้อนแวว	
ดูเพริศแพรวสดใสให้มารดา

เป็นคนดีนะลูก...ดีที่สุด		
ก้าวอย่าหยุดอย่าเขินจงเดินหน้า
แม่เพียงให้ชีวัน...และปัญญา		
เจ้าจงกล้าจะฝันเท่านั้นพอ				
12 กรกฎาคม 2551 22:16 น.

ยิ้ม

ฐปนวุธ

เพียงรอยยิ้มแจ่มใสบนใบหน้า
คงคุณค่างดงามความรู้สึก
เพียงมีมิตรภาพนำในสำนึก
ยังรำลึกยิ้มสุขอยู่ทุกวาร

ยิ้มให้กันเข้าไว้แม้ใจหม่น
ยิ้มหนึ่งคนได้หนึ่งใจไว้อีกด้าน
เรื่องแย่แย่ในวันนี้ที่เมื่อวาน
จะพัดผ่านแผ่วแผ่วแล้วเลิกลา

เติมความสุขอิสระกล้าจะคิด
เต็มชีวิตเก่าเก่าให้ก้าวกล้า
เดินตีนเปล่าอุ่นดินอย่างชินชา
สำนึกว่าตัวเราก็เท่านี้

รู้สึก รู้สึก ให้ลึกล้ำ
ต่างคน ต่างทำ ตามหน้าที่
ฝันกล้า ฝ่าฟัน ฝันสักที
ยิ้มวันนี้ อีกหน ให้ตนเอง...				
4 กรกฎาคม 2551 16:29 น.

ปราสาททราย

ฐปนวุธ

ระยับยิบวิบไหวสดใสแสง
ตะวันแรงสาดวับระยับสาย
ระเรื่อยเลาะเลี้ยวลัดริมหาดทราย
ทะเลรายรุ้งล้อมอยู่พร้อมเพรียง

ประหนึ่งเม็ดเพชรรัตน์ประภัสสร
สาดสะท้อนส่องจันทร์ตะวันเที่ยง
กว่านานนับกัปกัลป์กระชั้นเรียง
เป็นขอบเคียงเรียงแน่นเป็นแผ่นทราย

ทะเลงามยามเย็นยิ่งงามล้ำ
พระพายร่ำแรงลามกว่ายามบ่าย
ม่านราตรีคลี่ล้อมอยู่พร้อมพราย
น้ำวับไหวเดียวดายอยู่ริมคืน

มาร้อยเกร็ดเม็ดพร่างสร้างปราสาท
วางแนวพาดกำแพงอันแข็งขืน
บันไดเรียงริมวางข้างป้อมปืน
ปั้นยามยืนริมทางอยู่ข้างกัน

เป็นเคหาสน์เนื้อละเอียดละเมียดละไม
ด้วยแดดไล้ดาววับขนาบคั่น
ทะเลล้อมกล่อมเห่กลางเหมันต์
ยะเยียบสั่นอุราอนาทร

อยู่กลางค่ำน้ำค้างลงพร่างพร้อย
ชะเง้อคอยคอเหลียวทั้งคืนค่อน
เกรงน้ำฟ้าฟ้อนหยาดปราสาทคลอน
มิกล้าจรจากไกลกระไรเลย

แล้วน้ำปริ่มริมรับอรุณรุ่ง
ที่ริมรุ้งร่อนนกวิหคเอ๋ย
ฤามาแลปราสาทพิลาศเชย
ใยล่วงเลยโลดแล่นมาแสนไกล

พอน้ำขึ้นเพลาปราสาทร้าว
อำลาแล้วเดือนดาวตะวันใส
เป็นเม็ดทรายย้ายแยกกันแปลกไป
กลับมาใหม่อีกครั้งจะ ยัง รอ...				
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟฐปนวุธ
Lovings  ฐปนวุธ เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟฐปนวุธ
Lovings  ฐปนวุธ เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟฐปนวุธ
Lovings  ฐปนวุธ เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงฐปนวุธ