7 เมษายน 2551 20:33 น.
ฐปนวุธ
สองมือกร้านที่ผ่านกรำงานหนัก
เหนื่อยมิพักฝังใจไว้บนบ่า
ร้อยภาระหน้าที่ที่มีมา
ต้องเดินหน้าซับเหงื่อเพื่อปากท้อง
ยายมิได้เข้าโรงเรียนหัดเขียนอ่าน
หญิงชาวบ้านที่บวกลบจบปอสอง
เป็นแม่ค้า ค้าขาย ไม่เป็นรอง
เพียงสมอง กับแรงใจ ใช้ทำกิน
จากเรื่องเก่า เล่าใหม่ ยายให้คิด
ว่าชีวิต สิ่งมีค่า กว่าทรัพย์สิน
คือมานะ บากบั่น อันชาชิน
ฝึกให้สิ้นจะรู้ค่ากว่าสิ่งใด
ดอกไม้จันทร์เปลวไฟ ในมุมเงียบ
เย็นยะเยียบ แต่กระจ่าง สว่างใส
หญิงแก่แก่ที่ยิ้มสบ สงบใจ
จดหมายได้ ตอบกลับ หลานรับคำ...
นี่เป็นสิ่งหลานคนนึงอยากเขียนถึงยายบ้าง...
5 เมษายน 2551 19:15 น.
ฐปนวุธ
หยิบพู่กันวาดฝันของวันนี้
เติมด้วยสีเทาหม่นปนฟ้าใส
โลกมีรักขื่นขมและสมใจ
ฟ้ากว้างไกล มืดมน สิ้นหนทาง
เถอะวันหนึ่งข้างหน้า ต้องคว้าถึง
ใครคนหนึ่ง จะยิ้มรับ กับรุ่งสาง
รอตะวัน อุ่นอบ ส่องพลบพลาง
โลกใหม่ใส กระจ่าง เพียงอย่างเดียว
28 มีนาคม 2551 22:57 น.
ฐปนวุธ
เรียงเม็ดทรายริมหาดวาดภาพใส่
เขียนเอาไว้แทนเวลาที่ว้าเหว่
ฝังความเหงาเนิ่นนานผ่านทะเล
เดินเตร็จเตร่ปล่อยอารมณ์อย่างสมใจ
ละลอกคลื่นกลืนหายทรายชื้นฉ่ำ
จนมืดค่ำครอบฟ้าเพลาใหม่
ลมทะเลเห่กล่อมพัดย้อมใจ
สบายใจ ปลดปล่อย ล้านถ้อยคำ
25 มีนาคม 2551 03:27 น.
ฐปนวุธ
ริมขอบฟ้าแสนไกลคว้าไม่ถึง
ใครคนหนึ่งเดินตามความสงสัย
ฟ้าหนอฟ้าช่างไม่สนคนเดินไกล
ขอบฟ้าใยมิหมดลดสั้นลง
ฉันเป็นเพียงคนตัวเล็กเด็กตัวจ้อย
กับมือน้อยจะคว้าฝันอันสูงส่ง
พร้อมหัวใจแกร่งกล้าทรนง
จะบรรจงเขียนฟ้าด้วยฝ่ามือ
ด้วยความรักและศรัทธาอันกล้าแกร่ง
ด้วยเรี่ยวแรงแห่งเสรีที่ยึดถือ
ด้วยไฟฝันต่างพู่กันลั่นระบือ
ด้วยความซื่อ...แห่งหัวใจและไมตรี
ริมขอบฟ้าวันนี้มีใครอยู่
เถอะให้รู้ ว่ายิ่งใหญ่ไว้ศักดิ์ศรี
บันไดกลอนสู่ลำนำคำกวี
ฟ้าแห่งนี้มีพลัง อหังการ์
22 มีนาคม 2551 10:17 น.
ฐปนวุธ
สร้างภาพลวงล้นหลากปากปลิ้นปล้อน
สร้างภาพหลอนหวังศรัทธาว่าเหมาะสม
สร้างภาพลักษณ์แย่งความดีที่คารม
สร้างสังคมตกต่ำด้วยคำลวง
สะเออะหน้า คว้าเก้าอี้ สร้างหนึ้สิ้น
แล้วพลิกลิ้นกลับกลอกหลอกสร้างบ่วง
ประชนชนทนรับกรรมสุดช้ำทรวง
คนตักตวงเอาประโยชน์พ้นโทษไป