11 ธันวาคม 2552 08:58 น.
ฐปนวุธ
กาละแห่งคะนึง
๑ ใบไม้ปลิดขั้วพลิ้วปลิวไหวว่อน
สื่อสะท้อนความบางที่เบาไหว
หากชีพหนี่งไร้หลักพักพิงใด
ก็คล้ายใบไม้พลิ้วปลิวตามลม
๒ ณพุ่มพฤกษ์วสันต์พรูดูเขียวสด
ชุ่มฉ่ำรดใบบางอย่างเหมาะสม
ลำเลียงแร่จากดินถิ่นอุดม
คอยประคบประหงมใบไม้เยาว์
๓ ได้แสงแดดอย่างเหมาะสังเคราะห์แสง
เสริมก้านแกร่งเร่งขยายผิวใบเก่า
จนวันผ่านเอิบอิ่มยิ่งพริ้มเพรา
สีเขียวเคล้าประกายเข้มโตเต็มใบ
๔ แล้วสัจจะนิรันดร์ก็พลันเผย
ใบไม้เอย...เขียวเด่นเป็นเหลืองไหม้
เคยทะนงสูงล้ำค้ำฟ้าไกล
ก็ปลิดใบลอยคว่ำต่ำสุดดิน
๕ นี่หละหนอ...ชีวิต...พินิจเถิด
การก่อเกิดผันแปรแค่ดับสิ้น
เพียงรู้ทุกข์รู้ธรรมนำชีวิน
ก็รู้สิ้นรู้ชัด...อนัตตา
1 ธันวาคม 2552 13:32 น.
ฐปนวุธ
เหมือนมุ่นเมฆบางบางลอยคว้างฟ้า
ว่อนทิวาไหววุ่นกลางอุ่นแสง
เหมือนน้ำค้างละเลียดหล้าเมฆาแปลง
ประโลมแหล่งบุปผานานาพันธุ์
เหมือนสายลมหอบดินหอมกลิ่นหญ้า
กระซิบฟ้าด้วยรักของนักฝัน
เหมือนพายุฝนชื่นลงครืนครัน
ชุ่มดินอันอ่อนล้ากลับมาดี
เหมือน "ความรัก" ลึกซึ้งเพียงหนึ่งให้
ฤดูกาลหัวใจ....ให้เปลี่ยนสี...
รอสายลมแสงอุ่นหมุนอีกที
ต้นรักนี้คงเติบตนพ้นตาเอย...
21 พฤศจิกายน 2552 08:06 น.
ฐปนวุธ
มือสัมผัสปากกาสู่หน้ากระดาษ
แต้มรอยวาดด้วยรักแห่งอักษร
ความรู้สึกลึกซึ้งถึงอาทร
เขียนเป็นกลอนลึกล้ำสัมผัสจาร...
โอ้สายลมเวลามาแผ่วพัด
ภาพความชัดย่อมเลือนเหมือนแก่นสาร
เหลือแต่รอยขาดวิ่นของชิ้นงาน
ที่รอการหันดูจากผู้คน
ฉันมิได้หวังชื่อเพราะมือเขียน
เพียงเพื่อเพียร...รู้สึกและฝึกฝน
เพียงเพื่อเผยเชื้อไฟแห่งใจตน
ให้คุข้นด้วยหวังอีกครั้งครา
เพื่อแสงแดดสีทองรองอรุณ
จะแผ่อุ่นไออวลมวลพฤกษา
เพื่อเสรีแห่งรักจักทาบทา
ให้โลกล้าแห่งกวีมีชัยเอย...
9 พฤศจิกายน 2552 11:24 น.
ฐปนวุธ
๑ แสงสุดท้ายของตะวันผันลาแล้ว
เหลือแต่แววดาวคว้างอยู่กลางหาว
บ้างเจิดจ้าบ้างหรี่ริบกระพริบพราว
อยู่เต็มราว...ม่านฟ้ายามราตรี
๒ ลมบางเบาแผ่วพัดสงัดเงียบ
ส่งความเยียบย็นไปไกลเหลือที่
ฉันเติมฟืนไฟเชื้ออุ่นเนื้อดี
แต่ไม่มีอุ่นให้หัวใจเลย
๓ ความเจ็บปวดรวดร้าวหนาวเหน็บนัก
เพราะพิษรักฝังในหัวใจเอ๋ย
รสสัมผัสละมุนที่คุ้นเคย
กลับมาเผยรสพิษอนิจจา
๔ รอเพียงแสงตะวันอันอบอุ่น
ส่องอรุณด้วยสีทองผุดผ่องหล้า
โปรดเปิดม่านหัวใจและนัยน์ตา
เช่นเปิดฟ้าให้กระจ่างเหมือนอย่างเคย...
20 ตุลาคม 2552 10:03 น.
ฐปนวุธ
แผ่นกระดาษสีเทาวางเอาไว้
แต่ละหน้าแน่นไปใส่อักษร
บรรยายเหตเจตนาความอาวรณ์
ถามทุกข์ร้อนหนาวเย็น...อยู่เช่นไร
เรามิได้พบกันมานานนัก
นับแต่วันความรักเราหม่นไหม้
นับแต่ที่ฉันบ้าเพราะปราชัย
เขายังดีกับเธอไหมโปรดไขความ
เพราะยินข่าวร้าวฉานเธอบ้านแตก
จำต้องแบกทุกข์ทนอย่างล้นหลาม
เขาปันรักครั้งใหม่เช่นไฟลาม
ความดีงามเธอสรรค์เขาบั่นทอน
เหมือนอดีตรอยกรรมซ้ำรอยบาป
มาฉายภาพสองเราวันเก่าก่อน
วันที่ฉันทิ้งศักดิ์ศรีพลีอ้อนวอน
เธอกลับรอนรักเรา...ตามเขาไป
ฉันมิได้ส่งผ้าเพื่อมาเย้ย
เพราะฉันเฉยไม่ทุกข์ร้อนไม่อ่อนไหว
ปล่อยวางเถิดรักช้ำทนทำใจ
ก่อนหัวใจเธอจบสิ้นไร้ชิ้นดี...