29 เมษายน 2546 06:22 น.
ซินดี้
ณ. คอฟฟี่ช็อปแห่งหนึ่งกลางใจเมืองใหญ่
เช้าวันนี้ทำไมดูไม่ค่อยสดใสเลยมีฝนโปรยปรายตั้งแต่เช้ามืดเฮ้อทำไมน่าเบื่อขนาดนี้น้อเธอคิดในใจพร้อมกับถอนหายใจเฮือกใหญ่ แล้วก็จิบกาแฟไปเรื่อยๆหนังสือพิมพ์ฉบับเดิมยังอยู่ในมือของเธอ
ข่าวนี่ก็ไม่ได้มีอะไรสร้างสรรค์เอาซะเล้ย วันๆก็มีแต่ข่าวฆ่ากันชิงดีชิงเด่นกันซะเอง น่าเบื่อจริงๆพูดไม่พูดปล่าว เธอโยนหนังสือพิมพ์เบาๆลงไปที่โต๊ะที่เธอใช้วางถ้วยกาแฟของเธอนั่นเอง เ่อ่อ ขอโทษค่ะ ดิฉันขอเก้าอี้ว่างตัวนี้ได้มั้ยค่ะสาวรุ่นราววัยเดียวกันกับเธอถามเธออย่างเกรงใจอ๋อได้ค่ะ ตามสบายเลย ไม่มีใครนั่งหรอกค่ะ เธอพูดพร้อมกับยิ้มให้อย่างจริงใจ ฝ่ายนั้นก็ยิ้มตอบมาอย่างจริงใจเช่นกันพร้อมกับคำกล่าวขอบคุณเธอยังคงนั่งจิบกาแฟไปเรื่อยๆโดยที่หารู้ไม่ว่ามีสายตาอีกคู่นึงจับจ้องเธออยู่
เฮ้อวันนี้ดูอากาศแย่จังนะค่ะ สาวคนเดิมยังคงหันมาชวนเธอคุยเหมือนเดิมด้วยน้ำเสียงที่บ่งบอกความเป็นมิตร
ใช่ค่ะพี่ ดูสิฝนตกตั้งแต่เช้า จะออกไปไหนก็ไม่สะดวกเลยสาวคนเดิมขยับเก้าอี้เข้ามาใกล้พอที่จะคุยกันได้โดยที่ไม่ดูเหมือนว่าตะโกนคุยกัน
แล้วคุณทำงานแถวๆนี้เหรอค่ะสาวผู้มาทีหลังก็ตั้งคำถามมาถามเธออีกเอ่อป่าวค่ะ มาเยี่ยมเพื่อนน่ะค่ะเค้าพักแถวๆนี้ พอดีวันนี้เค้าไปธุระกะแม่เค้า คิมเลยมาันั่งที่นี่คนเดียวอ่ะค่ะอ๋อน้องชื่อคิมเหรอค่ะ สาวคนเดิมก็ถามมาที่เธออีกใช่ค่ะ พี่ล่ะค่ะ ขออนุญาตเรียกพี่แล้วกันค่ะ คิมจึงเป็นฝ่ายเริ่มมีบทสนทนากับสาวคนเดิมบ้าง พี่ชื่อแววค่ะ เรียกว่า พี่แววแล้วกันค่ะ เธอตอบคิมมาด้วยเสียงสดใสน่าฟัง พร้อมกับรอยยิ้มที่ใบหน้าของเธอ คิมยิ้มตอบพร้อมกับเผลอพิจารณาใบหน้าของเพื่อนใหม่ของเธออย่างลืมตัว แววมีใบหน้าที่คมเข้มคล้ายๆคนใต้ แต่ผิวของเธอขาวใสจนดูไม่ออกว่าเธออยู่ในวัยไหนกันแน่ แต่ที่แน่ๆเธอเป็นผู้หญิงที่น่ารักคุยสนุก และรู้สึกจะอารมณ์ดีเสมอ
พี่แววอยู่แถวไหนค่ะเนี้ย คิมมาที่คอฟฟี่ช็อปนี้ทุกเช้าอ่ะค่ะ ถ้าอย่างงัยเราอาจจะได้เจอ
กันอีก คิมเริ่มคลายความเครียดลงไปบ้าง หลังจากที่ได้คุยกับเพื่อนใหม่
พี่อยู่ไม่ไกลหรอกค่ะ นี่เบอร์โทรบ้านพี่แวว เหงาๆหรืออยากมีเพื่อนคุยก็โทรหาพี่ได้นะค่ะแววพูดพร้อมกับส่งนามบัตรให้กับคิม คิมรับมาและไม่ลืมที่จะกล่าวขอบคุณแวว และได้ให้
นามบัตรของเธอกลับไปให้แววด้วยเหมือนกัน
พี่แววน่ะเอง สวัสดีค่ะ ไม่ได้เจอกันหลายวันเลย เป็นงัยบ้างค่ะ คิมพูดพร้อมกับเดินเข้า
ไปทักแววอย่างใกล้ชิด พี่สบายดีค่ะ แต่พักนี้ยุ่งๆเรื่องงานพี่เลยไม่ค่อยได้ไปไหน แววตอบ
คิม โดยที่สีหน้าของเธอรู้สึกตื่นเต้นหรือว่าด้วยเหตุใดยากเกินที่คิมจะทันสังเกตุ
แล้วนี่พี่แววมาช็อปปิ้งเหรอค่ะ ซื้ออะไรบ้างเอ่ย คิมถามอย่างเป็นกันเอง
มาดูเสื้อผ้าน่ะค่ะ ไม่ได้ซื้อเสื้อผ้าใส่มานานแระ ไม่ค่อยมีเวลากับเรื่องพวกนี้เลย แย่จังเนอะ
เนี้ยอีก2วันคิมก็จะกลับไปต่างจังหวัดแระค่ะ พี่แวว คิมพูด พร้อมกับก้มหน้า เหมือนคิม
กำลังปิดบังอะไรอยู่ หว้า แล้วอย่างนี้เมื่อไรเราจะเจอกันอีกล่ะค่ะแววพูดออกมาบ้าง
เอางี้คืนนี้เราไปทานอาหารค่ำกันดีมั้ยแววพูดพร้อมกับจูงมือคิมมานั่งที่เก้าอี้สำหรับลูกค้าที่มาช็อปปิ้งที่นี่
แล้วเพื่อนจะว่ามั้ยค่ะถ้าเอ่อคิมไปทานข้าวกะพี่แวว
ไม่หรอกค่ะ เพื่อนคิมเค้าก็ไม่ค่อยอยู่บ้านหรอก เค้าบ้างานจะตายค่ะ รายนั้นอ่ะ คิมตอบออกมาอย่างสดใสร่าเริงเหมือนเดิม
งั้นคืนนี้เอาเป็นว่าเราไปทานข้าวด้วยซักมื้อเนอะแววพูดออกมาอย่างดีใจ
19 กุมภาพันธ์ 2546 03:56 น.
ซินดี้
เรายังจำคำที่เราคอยบอกเพื่อนอยู่เสมอได้ไม่ลืม....
บุ๋ม คือเพื่อนสนิทที่เรามีตั้งแต่เล็กๆ จนเราสองคนเหมือนกับเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวของกันและกัน ตอนเล็กๆเรามักจะพากันไปเล่นซนตามไร่ ตามสวนประจำ ตามประสาของเด็กบ้านนอก เราจะเป็นเด็กที่ดูค่อนข้างจะซนและดื้อมาก ส่วนบุ๋มจะเป็นเด็กที่ค่อนข้างขี้ใจน้อย อ่อนแอ เรามักต้องคอยปกป้องบุ๋มเสมอเวลาที่เพื่อนๆที่โรงเรียนรังแกบุ๋ม และเราก็มักจะทำอะไรตลกๆให้บุ๋มดูเสมอเวลาที่บุ๋มร้องไห้
10กว่าปีผ่านไป อะไรๆก็เปลี่ยนแปลง เราสองคนต่างก็เป็นผู้ใหญ่ขึ้น เราแต่งงานมีครอบครัวที่มีความสุข บุ๋มมีแฟนที่อยู่ด้วยกันเฉยๆยังไม่แต่งงาน
ทุกอย่างเปลี่ยนไป แต่ความเป็นเพื่อนของเราสองคนยังเหนียวแน่นเหมือนเดิม
เราจะโทรศัพท์ไปคุยกับบุ๋มเสมอ ส่งอีเมลล์บ้าง เขียนจดหมายไปบ้าง
พักหลังๆมานี้บุ๋มพูดให้เราฟังเสมอว่าความรักเริ่มระหองระแหง บุ๋มเหนื่อยที่ต้องคอยเอาใจ ต้องคอยเป็นที่รองรับอารมณ์แฟนเวลาที่แฟนโกรธ บุ๋มทำอะไรก็ไม่ค่อยถูกใจแฟนเสมอ ทะเลาะกันบ่อยๆ แฟนชอบออกไปข้างนอก ชอบคบเพื่อนมากๆ แต่บุ๋มคบเพื่อนไม่ได้เพราะแฟนจะโกรธมาก บุ๋มต้องคอยง้อแฟนตลอดถึงแม้ว่าบางครั้งบุ๋มจะไม่ผิด แฟนได้ทำอะไรตามใจตัวเอง
โดยที่เค้าไม่แคร์ความรู้สึกของบุ๋มเลยว่าบุ๋มจะรู้สึกอย่างงัย
ไม่รู้เป็นแบบนี้มานานแค่ไหน แต่เราก็ยังคุยกับบุ๋มสม่ำเสมอ คอยเมลล์หา โทรหา ส่งข้อความตลกๆไปให้อ่าน เพื่อที่จะทำให้บุ๋มสบายใจขึ้นมาบ้างเพราเราไม่สามารถทำอะไรไปมากกว่านี้ เรารู้สึกสงสารบุ๋มอย่างจับใจที่ต้องมาทนทุกข์กับเรื่องแบบนี้มานาน สงสารเพื่อนจัง
เช้ามืดของวันที่28พฤศจิกายน2545 ตามเวลาของท้องถิ่น(อเมริกา)ตื่นงัวเงียขึ้นมาเพราะเจ้าเสียงโทรศัพท์ข้าง
เตียงมันดังปลุกซะลั่นเชียว พอดูเบอร์ก็ดีใจเพราะเป็นเบอร์ที่บ้านที่เมืองไทย
โทรมา แต่พอเรารับสาย....ขาอ่อน มือสั่น ใจสั่น น้ำตาไหล ร้องไห้ออกมาดังๆ
บุ๋มตายแล้ว เป็นไปได้อย่างงัย ทำไมบุ๋มคิดสั้นอย่างนี้ ทำไม....ทำไม...
ทุกอย่างสายเกินแก้ ก่อนตายบุ๋มเขียนข้อความไว้ว่า บุ๋มรักทุกคน และบุ๋มก็รู้ว่าทุกคนรักบุ๋มด้วย แต่ทำไมคนบางคนไม่รักบุ๋มเลยล่ะ บุ๋มเหนื่อยจังเลย บุ๋มอยากนอนหลับนานๆ บุ๋มอยากนอนหลับฝันดีทุกๆคืน บุ๋มไปนอนก่อนนะ อย่ากวนบุ๋มล่ะ บุ๋มไม่อยากตื่น บุ๋มอยากนอนมากๆเลย ต่อไปนี้บุ๋มคงไม่คิดมากอีกแล้วล่ะ ถ้าชาติหน้ามีจริงบุ๋มอยากมีครอบครัวที่ดี มีเพื่อนที่ดีแบบนี้อีก แต่อย่าขอให้เจอรักแบบนี้อีกเลยนะ บุ๋มเหนื่อย
ลาก่อนเพื่อนรัก...หลับให้สบาย...เราจะคิดถึงบุ๋มตลอดไป....