30 เมษายน 2551 22:19 น.
ช่ออักษราลี
๏ ละอองวรรษโปรยปรายหยาดสายฝน
อัสสุชลนางฟ้าอำลาหาว
โบกโบยบินรินหลั่งจากฝั่งดาว
พาใจหนาวมาคว้างกลางเผลียง
๏ ละไอรักเพรียกหาท่ามฟ้าหม่น
คิดถึงคนฟากไกลไร้ส่งเสียง
ถวิลหาใครหนึ่งซึ่งเคยเคียง
นิราศแล้วจึ่งเพียงจำเรียงมา
๏ คือความรักไม่สิ้นสุดบ่หยุดรัก
เช่นทอถักรุ้งสายพรายสิเน่หา
เป็นสายใยเชื่อมคล้องสองชีวา
มธุรสรักนำพาเราหากัน
๏ ทุกเขตแดนนคราจบหล้าโลก
เรียมอโศกรอเพลามาเสกสรร
ประโลมถ้อยร้อยคำเฝ้าจำนรรจ์
เสกสวรรค์ร่วมสร้างไป่ร้างลา
๏ แม้นสิ้นฟ้าสิ้นดินสิ้นสมุทร
รักบ่หยุดสุดสิ้นถวิลหา
เฉกวรุณพรมพฤกษ์ตรึกอุรา
ย้อยหยาดมาชุบชีวินให้ถิ่นไพร
๏ ละอองพรรษโปรยปรายหยาดสายฝน
ธารเมฆหม่นเวหาสปราศสดใส
ส่งสำเนียงเรียงร่ายถึงคนไกล
ฟากหทัยมิหม่นดั่งคนรอ
27 เมษายน 2551 15:21 น.
ช่ออักษราลี
๏ ราตรีหนึ่งตรึงใจในนิรมิต
ยาตรสถิตพิศิษฐ์แคว้น ณ แดนสรวง
ริ้วเมฆขาวพราวแสนแดนดาวดวง
เพลาล่วงบุพกาลสู่พิมานเมือง
๏ ย่ำนพรัตน์ประกายเก็จเพชรแววแสง
มณีแดงบุษราคัมน้ำงามเหลือง
เขียวมรกตสดใสไพฑูรย์เรือง
มุกดาเฟื่องเพทายพรายอำไพ
๏ ท่องจักรวาลเขตสถานวิมานฟ้า
สู่นิมมานรดีนิรัติศัย
วอนสถิตนิรันดรอัมพรใน
นิราลัยไร้ทุกขะอนิวรณ์
๏ สัญจรไปไตรภพจบวิถี
อมราวดีเทพสรวงปวงอัปสร
สยมภูกฤษดาสถาพร
อมรตระการฟ้าเหนือคงคาลัย
๏ เอนกายสุดขอบปลายฟ้า
ท่องในจินตนาละเมอสมัย
เหนื่อยล้าลาเรื่องการเมืองไทย
เที่ยวไปในดิถีรัชนีจร
๏ ล่องเภตราทองลอยฟ่องตระกองฝัน
แต่งเรียวจันทร์แย้มแต้มสิงขร
ม่านฟ้างามพิศุทธิ์รุจอัมพร
ศศิธรแย้มเยื้อนก่อนเลือนราง
๏ ยังหิมพานต์แดนภูสู่หิมาลัย
ลุในเขตกินนรก่อนฟ้าสาง
เจื้อยแจ้วแว่วเสภาทั่วสรรพางค์
จากนวลนางเทพินกินรี
๏ ยามอุษาบูรพารุจาใส
ผ่องอำไพทั่วหล้านภาศรี
ตื่นนิทราคลายตรมรื่นรมณีย์
สุขเสรีจากผองละอองดาว
24 เมษายน 2551 10:59 น.
ช่ออักษราลี
๏ ขอให้ฟ้าพร่างดาวเป็นพยาน
ด้วยดวงจิตอธิษฐานแห่งข้าฯนี้
เทิดกตัญญุตาบุพการี
ค้ำธานีด้วยชีวินตราบสิ้นใจ
๏ ปณิธานจากศรัทธาแห่งชีวิต
จักอุทิศร่างกายตังวายให้
นคเรศไพร่ฟ้าประชาใน
จำนงใจรักมั่นนิรันดร
๏ ด้วยบัลลังก์สีทองละอองรัก
สามิภักดิ์ดวงหทัยไป่ถ่ายถอน
แนบสถิตเคียงอยู่คู่นคร
ห่มอาภรณ์รักทั้งปวงด้วยดวงจินต์
๏ เป็นรากไม้ค้ำฤดีทุกชีวิต
แม้นโลหิตหลั่งหยดจนหมดสิ้น
ผิว่าใจปวดประดังจนพังภินท์
มอบชีวินอุทิศด้วยจิตงาม
๏ ขอครองคู่เธอชั่วฟ้ากัลปาวสาน
ทุกห้วงกาลภักดีมิผลีผลาม
เคียงขวัญแก้วแล้วทอรักให้จักงาม
ทุกข์เทวษใดไป่คร้ามฤๅขามกลัว
ไร้ราก ก็ไร้กิ่ง ก้าน ดอก ผล ใบ และชีวิต
ปิยะพร ศักดิ์เกษม
หากบ้านเมืองของเราเกิดอะไรขึ้น
ขอให้พวกเราทุกคนเป็นรากฝอย
ช่วยกันยึด ค้ำ นครา ของเราจักให้มั่นคง
ช่ออักษราลี
20 เมษายน 2551 11:51 น.
ช่ออักษราลี
๏ พลิ้วลำนำเพลงรักหวานข้ามผ่านฟ้า
ขับเสภารัตติกาลบรรสานฝัน
ราวเห่กล่อมภพช่วงจากจวงจันทร์
ล้อมดวงขวัญแนบสนิททุกนิทรา
๏ หลับตาเถิดคนดีนะที่รัก
จักทอถักเรียงร้อยสร้อยบุปผา
มาเคียงข้างบรรจถรณ์ผ่อนอุรา
ปลอบวิญญาณ์อย่าหวั่นจงฝันดี
๏ ณ คืนนี้จักถนอมกล่อมเคียงร่าง
จนรุ่งสางทิวาวารผ่านดิถี
ทุกทุกคำที่ร้อยสร้อยวจี
จากใจที่ประจักษ์รักทั้งปวง
๏ เจ้าเดือนดาวพราวฟ้าราตรีนี้
ฤๅจักที่ทอแสงมาแต่งสรวง
ขอเพียงนวลปลายหาวจากดาวดวง
มาแต้มทรวงหวามไหวในพี่ยา
๏ อันความรักฉ่ำหวานปานหยาดผึ้ง
งดงามตรึงหนึ่งทรวงให้ห่วงหา
ส่งใจไปพร่ำพลอดตลอดเวลา
น้อมกายาเคียงร่างมิสร่างรอย
๏ หอมประทิ่นกลิ่นดอกแก้วยังหอมกรุ่น
หวานละมุนละไมในทุกถ้อย
ขลุ่ยเพียงออพลิ้วเพรียกขานผ่านฝนปรอย
ร่วมเพลงร้อยประทับขวัญม่านราตรี
15 เมษายน 2551 11:38 น.
ช่ออักษราลี
๏ ม่านละไอขาวบางลอยคว้างคว้าง
สีแดดจางแต่งหล้าทาบทาฝัน
เผยอาภาแย้มแสงแห่งแวววัน
สดับขวัญล่องลิบทิพยา
รังสีชมพูแห่งรักจักลอยล่อง
สู่บัลลังก์เรณูทองผองปรารถนา
ขอเคียงคู่สวาสดิ์มิคลาดคลา
เป็นสร้อยขวัญแก้วชีวามาลาใจ
แม้นเพลาเลยผ่านนานเท่าไหร่
ห้วงหัวใจครองขวัญมิหวั่นไหว
รักอย่าป่นเป็นภัสมธุลีฤทัย
จักล่องไปรายล้อมห้อมใจเธอ
สะท้อนทกแวบวับทุกหลับตื่น
เงาของใครเคียงวันคืนชื่นเสมอ
เปลวแห่งรักโชติงามทุกยามเจอ
ในละเมอซาบซึ้งเพียงหนึ่งใคร
พยับโพยมฟ้าครามท่ามไอหมอก
ลอยระลอกขาวคว้างควันบางใส
หมอกไอรักละล่องสู่สองฤทัย
ปรารถนาแห่งหัวใจเนาให้งาม ๚ะ๛