๏ ล่องลอยเอยจากแคว้นแดนไกลลิบ ห้วงหาวทิพย์เทพสถานพิมานสรวง สู่หัตถานคราหมายมาทวง สัญญาบ่วงวิญญาณร้อยสานกัน กรีดสายขิมพริ้มพรายจากปรายภพ ยามได้สบสร้อยศุภางค์กลางใจฝัน ขับลำนำผ่านฟ้ามาสัมพันธ์ เชื่อมชีวันล่องลิบทิพยา ข้ามเขตขัณฑ์มหรรณพสู่ภพนี้ ด้วยฤดีนิราศวาสนา เคลื่อนเลยล่วงบ่วงกระแสกาลเวลา สู่ลานหอมดวงผกา...จำปาลาว รัถยาจดจารตำนานรัก ซึ้งประจักษ์พรากกี่กัลป์ต้องทัณฑ์ร้าว ดวงยิหวาชาตินี้หวังดั่งดวงดาว หมายปองสาว..ชาวฟ้า..ราชาวดี ล่องลอยเอยตระการฟ้ามาเสกสรร ขอเทพแห่งคนธรรพ์ขับพิณสี ข้ามฝั่งฝันสีทันดรมาไมตรี หมายฤดีพิศวาสทุกชาติไป ขอทวยเทพเทวาเป็นพยาน จะรักมั่นนิรันดร์กาลทุกชาติไซร้ เจ้านางน้อย "ม่านแก้ว" เฉิดไฉไล สมหทัยภพพิลาส ชาติ...อันตรา ๚ะ๛ ขอทวยเทพเทวาเป็นพยาน จะรักมั่นนิรันดร์กาลตลอดไป คาราโอเกะ / หนัง 1. เพลงลาวม่านแก้ว http://koongnang.multiply.com/video/item/43 2. เพลงแต่ปางก่อน http://koongnang.multiply.com/video/item/44 3. เรื่องแต่ปางก่อน http://www.yenta4.com/entertainment/show_lakorn2.php?id=102
๑ ฝน...ฝัน...หวั่นไหว ละอองไอแห่งฝนรดจนฉ่ำ พิรุณร่ำจากเบ้าตาของฟ้าหม่น ธารเทาเมฆร่วงขจายจากปลายบน อัสสุชลนางฟ้าก็ลาคืน วันนี้ที่นี่ยังมีฝน มาเติมดวงกมลให้ฉ่ำชื่น พรุ่งนี้....แล้งร้อนร้าวจะยาวยืน โลกจะตื่นจากหลับใหลเมื่อไหร่....ฤๅ...??? ๒ จันทร์เจ้าขา..ขอจันทร์ จันทร์เจ้าขา คือเพลงพรายพิมานแห่งเวหา คือสร้อยฟ้ามาลาแดนสวรรค์ คือแสงทิพย์ส่องหล้าล้ำลาวัณย์ คือฟากฝันแดนภพบรรจบกาล ขอจันทร์ คืนนี้ข้าขอสิ่งหวงจากดวงโสม มาประโลมวิญญาณ์ที่พร่าพล่าน มิขอแก้วทรัพย์ทุกสิ่งศฤงคาร ขอดวงมานไทยนั้นอย่าพลันโรย ๓ กล่อมขวัญ..จงฝันดี หลับตานะคนดี...... มาฟังพี่เล่านิทานจากม่านฟ้า สิ่งทั้งหลายโลกนี้คือมายา จะเสาะแสวงหาสิ่งใดกัน จงเก็บฝันมากมายระบายแก้ม แต่งแต้มภวังค์นี้มีสีสัน ฟังดนตรีแมกไม้ปลายตาวัน เหนื่อยล้านั้นพักก่อนจักผ่อนคลาย ๔ เมืองในฝัน เมืองงามในเงาฝัน ฉันจะดั้นไปตามหา สุดหล้าจะคว้ามา ใจเหนื่อยล้าจักราแรง ปลดพันธนาการ ใฝ่สถานพิสุทธิ์แสง ไร้โลภให้สำแดง โน้มแรงฝันนำชีวี สงบในภพเย็น ฤาโลกเป็นเช่นไร้สี มีเพียงเสียงดนตรี กล่อมฤดีให้คลี่คลาย ๕ บันไดดาว ดวงดาวทออยู่นะที่รัก.... มาทายทักดาริการาตรีนี้ อยากตะกายจากหล้าพ้นธาตรี หาฝันแห่งชีวีที่ฟ้าไกล เถอะ...จะไต่บันไดดารา ผ่านวิมานเมฆาฟ้าไสว พร้อมวาดฟ่องฝันอันไฉไล สู่นวลใยแห่งวัง....บัลลังก์ดาว แล้วเหตุใด...ร่าง...... จึงแหวกว่ายเวิ้งว้างอยู่กลางหาว จักรวาลไพศาลดูงามพราว ไฉนหนาว, มืด ร้าวรัดกัดกร่อนใจ.....??? ๖ บินหลา ตาวันลับเหลี่ยมผา นกบินหลาเจ้าบินไหน หลงถิ่นดินดานใด เจ้าไฉนไม่กลับมา หลงเพลินในเมืองใหญ่ ศิวิไลซ์ที่ใฝ่หา ลืมเขาลำเนานา ทุกเถื่อนท่ารอมาเยือน ทะเลยังพลิ้วคลื่น ต้นยางดื่นรอกรีดเฉือน ผู้เฒ่าคอยเฝ้าเตือน อย่าลืมเลือนด้ามขวานไทย รอวันแดดเช้าพรุ่ง สีสายรุ้งจะฉ่ำใส ทาทาบวนาลัย บินหลาไพรจะกลับรัง
๏ มาร่วมเรียงร้อยรักอักษรา ขับกล่อมขวัญชีวาหาความหมาย ด้วยศรัทธาแรงกล้าใช่ท้าทาย เพื่อโปรยปรายดอกไม้ให้ลำเนา จงพลีใจอิสระ ณ ลานนี้ แล้วปลดปล่อยดวงฤดีที่ขลาดเขลา เอาหัวใจกล้าแกร่งแบ่งบรรเทา ความทุกข์เศร้าให้ปลดด้วยรสกรอง แม้นเป็นเพียงดอกหญ้ากลางป่าแก้ว ไม่เพริศแพร้วดั่งมณฑาบุหงาสวรรค์ แซมประดับดานดินถิ่นไพรวัลย์ ให้ลานนั้นร่มรื่นก็ชื่นแล้ว ๚ะ๛ ฟังเสียงน้ำสาดเซาะเสนาะพริ้ง หยาดหยดดิ่งย้อยระย้าดารดาษ ดั่งดนตรีลีลาไพรที่ไหววาด เรียงระนาดลำนำไผ่ไล้ดวงดาว ละเลียดคำล้ำค่าวรรณศิลป์ ฝันระรินจากรุ้งฟ้าเวหาหาว เสพย์กาพย์หอมมณีคำร่ำเรื่องราว สู่ทิพย์หัตถ์รัดรอยร้าวให้คราวคืน ฟังนิยายเพรงพระพายจากปลายฟ้า สอยดารามาห่มเป็นพรมผืน เพชรน้ำค้างว้างกลางจิตทุกพิศคืน มาแตะตื่นร้อยห่วงบ่วงอารมณ์
เพียงคีตเสียงเรียงสายมิวายซึ้ง ร้อยคำนึงสู่เวียงดาวงามราวฝัน ฟากผืนฟ้าตระการตาวิลาวัณย์ แพรสวรรค์พิลาสวาดคะนึง อยากเด็ดดาวดื่นดวงไว้ในอ้อมแขน หมายกอปรแทนล้านความนามคิดถึง ร้อยเป็นสร้อยดาราคำแห่งรำพึง ส่งไปถึงเธอซึ่ง ณ ฟากฟ้า เข้าทายทักจักรวาลแห่งความเหงา เก็บซากดาวซากเดือนเกลื่อนเวหา ผ่านภูผาไร้เสน่ห์ทะเลน้ำตา สุดขอบฟ้าคว้าหารักไม่เจอะเจอ ฝ่าลมคลื่นเดียวดายริมปลายหาด รักมิวาดดั่งหวังสุดพลั้งเผลอ แม้นจะกู่สุดหล้าเพรียกหาเธอ พานพบเจอแต่เหว่ว้าโศกาดูร ร้อยเพลงฝันวันคืนที่แสนเหงา รักสองเราดั่งแรมเดือนฟากเลือนสูญ เป่ามนต์พลิ้วล่องลิ่วไปในกองกูณฑ์ โหยอาดูรฤทธิ์รักยากจักคลาย