6 กรกฎาคม 2551 16:19 น.
ช่ออักษราลี
๏ ท่ามความมืดมรรคาพร่าสลัว
ใจพรั่นกลัวเหวลึกนึกประหม่า
เพ่งดวงจิตทอดกรายสุดสายตา
โคมแห่งฟ้าสุกใสในอันธการ
๏ หากหลงทางเวียนวนดลชีวิต
ให้จมมิดมืดบอดสอดประสาน
เดินทางมาไกลแล้วแก้วอย่าลาญ
อธิษฐานสักวันฝันเป็นจริง
๏ เขียนรอยแผลลึกร้ายบนทรายขาว
บอกเรื่องราวโศกครองหมองทุกสิ่ง
ยามนทีตรลบไหลซบอิง
จึงลบทิ้งคราบน้ำตากับสาคร
๏ จารึกวันสดใสในหินแข็ง
แม้นลมแรงสะบัดพัดสิงขร
มิอาจลบคำน้อยถ้อยอาทร
อนุสรณ์ประทับอยู่กับใจ
๏ หากอยู่ท่ามราตรีที่มืดมิด
เราฝันถึงอาทิตย์วิจิตรใส
รัตติกาลทอดฟ้ามายาวไกล
แต่หทัยขจ่างเช่นกลางวัน
๏ จิตวิญญาณว่ายวนดั่งกลโลก
รำพันโศกฤๅสุขทุกเสกสรร
เราจับมือทั้งผองต้องฝ่าฟัน
จักสำเร็จยึดมั่นสามัคคี
สวัสดีบ้านวรรณกรรมไทย ๒๕๕๑
ช่ออักษราลี
๖ กรกฎาคม ๒๕๕๑
ขอขอบคุณ
เพลง If we hold on together
ขอบคุณ ป.มิตรรัก
สำหรับโค้ดเพลง และเนื้อร้อง
IF WE HOLD ON TOGETHER
---Daina Ross---
Don't lose your way
With each passing day
You've come so far
Don't throw it away
Live believing
Dreams are for weaving
Wonders are waiting to start
Live your story
Faith, hope & glory
Hold to the truth in your heart
If we hold on together
I know our dreams will never die
Dreams see us through to forever
Where clouds roll by
For you and i
Souls in the wind
Must learn how to bend
Seek out a star
Hold on to the end
Valley, mountain
There is a fountain
Washes our tears all away
Words are swaying
Somebody is praying
Please let us come home to stay
If we hold on together
I know our dreams will never die
Dreams see us through to forever
Where clouds roll by
For you and i
When we are out there in the dark
We'll dream about the sun
In the dark we'll feel the light
Warm our hearts, everyone
If we hold on together
I know our dreams will never die
Dreams see us through to forever
As high as souls can fly
The clouds roll by
For you and i
21 มิถุนายน 2551 08:23 น.
ช่ออักษราลี
๏ พลิ้วลมโชยกลิ่นหอมล้อมกอหญ้า
พวงลัดดาบานเบ่งเปล่งเครือเถา
สร้อยอักษรขจรไหวในลำเนา
กลีบจักเคล้าวลีฟ้ามาโปรยดิน
๏ หอมบุปผามาลัยในโลกหล้า
ไม่หอมกว่าภาษาสรรค์วรรณศิลป์
โชยละมุนไหลล่วงจากดวงจินต์
ขจรกลิ่นหอมหวานบนลานกลอน
๏ ลายสือไทยไหวพลิ้วดั่งริ้วเมฆ
งามราวเสกสวรรค์สู่บรรจถรณ์
ดอกสร้อยศิลป์ผลิช่ออรชร
เรณูกลอนปลิวฟุ้งรุ้งกวี
๏ อิ่มไหนเล่าเท่าอิ่มทิพยรส
ยามเสพบททุกตอนอักษรศรี
ดั่งเสวยสวรรค์อันรุจี
ชั้นกวีเพริศแพร้วแก้วกรองกานท์
๏ ร่ายสำเนียงสังคีตคำทำนองเสนาะ
หวานไพเราะดุจคนธรรพ์นั้นวาทย์ขาน
พลิ้วจังหวะฉันทลักษณ์กล่อมสำราญ
บนวิมานลานทองของกลอนไทย
๏ บรรเลงถ้อยร้อยรักวาดจินตนา
ฤๅกำสรวลครวญอุราพิลาปไหน
บ่มความคิดปรัญชามาแทรกใน
วากย์วิไลตามครรลองทำนองกานท์
๏ ชนรุ่นหลังพึงสังวรให้ตระหนัก
สำเหนียกรักษ์รักษาไว้ให้สืบสาน
วัฒนธรรมบ่มภาษามาช้านาน
จนแตกฉานถักถ้อยเป็นร้อยกรอง
บทกวีสำหรับฉันนั้นคือมิตร
อิ่มเอมจิตยามประจักษ์วรรคเฉลา
ดั่งผลิช่อดอกไม้ไหวเอนเงา
หวานนำเจ้าผึ้งภู่มาสู่เชย
ฉันซ่อนตัวในโลกสรรพอักษร
หนุนตักกลอนสล้างต่างเขนย
ทิพย์ดนตรีบรรเลงเพลงเช่นเคย
สุขเกินเอ่ยเอื้อนคำจำนรรจา
หอมเอยหอมเสาวคนธ์มนต์แห่งคำ
เสพรสล้ำถวิลหิมวันต์ฟ้า
ร่ายวลีลออช่อยามา
หัวใจพาร้อยร่ำลำนำกรอง
โลกกวีสำหรับฉันนั้นคือมิตร
ยามลิขิตรจนามาทั้งผอง
ราวบุปผาคลี่บานบนลานทอง
ไหวละอองงามล้ำชื่นฉ่ำใจ
14 มิถุนายน 2551 08:56 น.
ช่ออักษราลี
๏ เด่นพราวรุ้งจรุงทิพย์แลลิบลิ่ว
เพียงเมฆพลิ้วราวพรางทางสวรรค์
ระยิบระยับจับแสงแดงตะวัน
เพริศแพรวพรรณเลื่อมลับสลับลาย
๏ อ่าอำไพในนิมิตวิจิตรพร่าง
โค้งสล้างเจ็ดสีมณีสาย
แดดทอรุ้งปรุงฟ้ามาระบาย
ราวเก็จเพชรประกายเฉิดฉายฟ้า
๏ พรายแสงงามเมลืองรองผ่องวิจิตร
เคล้าชีวิตดอกใบไหวบุปผา
นาฏกรรมปวงผีเสื้ออะเคื้อลีลา
ร่ายรับฟ้าบรรเลงดินถิ่นวิไล
๏ วิลาสสล้างยางยูงหงส์ลงฟ่องฟ้อน
อรชรฉะอ้อนรับขับสมัย
นางเนื้อทรายเยื้องย่างสำอางไฉไล
แว่วเพลงไพรกังสดาลขับขานแล้ว
๏ หอมไอดินกำจายมาร่ายหอม
โชยขับกล่อมเถาลดาบุหงาแพร้ว
เพียงลมฝนหล่นหายจากปลายแนว
ละอองแก้วแผ่วตะวันพลันรุ้งงาม
๏ ดุจใจคนหม่นหมองยิ่งกว่าหมอง
โศกเข้าครองเมฆเทาเศร้าล้นหลาม
หลั่งความทุกข์เป็นฝนรดเขตคาม
พลันเรืองวามเปี่ยมหวังพลังสุรีย์
๏ เกิดเป็นรุ้งปรุงสายประกายหวัง
เป็นกำลังใจสู่ทางสว่างนี้
แสงปัญญานำโคมทองส่องชีวี
เดินตามที่มีแสงแห่งธรรมา
26 พฤษภาคม 2551 21:31 น.
ช่ออักษราลี
๏ ประจงเก็บมวลบุปผามากรองร้อย
เป็นงามสร้อยบุษบามาลัยขวัญ
พรมรวยรินกลิ่นฉมภิรมย์รัน
กระแจะจันทน์เย็นรื่นโชยชื่นใจ
๏ รอรับขวัญสู่เรือนมาเยือนข้าง
จักประทับรอยปรางหว่างแก้มใส
ละเลียดคำพร่ำรักวรรคไฉไล
อวลดอกไม้ในอ้อมอุ่นละมุนมาน
๏ ประจุบุหงารำไปไพลประทิ่น
ระรวยรินรสสุคนธ์ปนหอมหวาน
สารภีคลี่กลิ่นล้อมรินนาน
หอมผสานแป้งร่ำกระแจะจันทน์
๏ โอ้จอมขวัญยอดดวงใจอยู่ไกลลิบ
เกินจะหยิบสารทุกข์สบสุขสันต์
เรียมร้อยรสพจนามารำพัน
ปริ่มโศกศัลย์ร้อยรัดหัทยา
๏ ฉวยภูษาแพรไพลสไบเฉียง
ผืนพุมเรียงงามพราวพาดราวบ่า
จุฑามณีพรายเก็จเพชรวามตา
ปักเกศามุ่นศกปรกละลาน
๏ ทิฆัมพรรอนแสงแห่งรพิ
งามศศิทรงกลดวาดจรดผ่าน
ลมโลมหล้าอิงซบเงียบพบพาน
ล่วงพ้นกาลนานนับราวกับลวง
๏ ละเลื่อมวับระยับพลอยในรอยแก้ว
หยาดน้ำแพร้วแวววาวเฉกดาวสรวง
ประกายเพชรเกล็ดวาดเม็ดหยาดรวง
กลั่นจากห้วงหาวลึกผลึกฟ้า
๏ หยาดน้ำค้างกลางหาวมาพราวแก้ม
หยาดนัยน์แย้มแต้มปรางอยู่กลางหน้า
ยะเยือกเย็นเฉียบชื้นรื้นน้ำตา
โอ้พี่ยามาลับหายกับสายกาล
๏ จักรวาลสิ้นสุด ณ จุดไหน
เวิ้งขอบฟ้าอำไพกว้างไพศาล
มองหาอ้อมอกอุ่นละมุนมาน
อยากหนุนตักหวานหวานของม่านฟ้า
๏ ขอนวลแสงจำรัสประภัสสร
ศศิธรเคลื่อนคล้อยลอยเวหา
มาต่อใจรอนรอนอ่อนอุรา
กับเพลาเงียบงันดั่งฝันไป
ภาพ - ฝีมือ อ.จักรพันธุ์ โปษยกฤต
ศิลปินแห่งชาติ