21 เมษายน 2552 14:39 น.
ช่ออักษราลี
๑. ยามยอดไม้ผลิใหม่หลายใบร่วง
เวียนวนช่วงวัฏฏะสรรพสิ่ง
เกิดแล้วดับลับหรือคือความจริง
ทุกข์สุขวิ่งว่ายวนมิพ้นใจ
เมื่อเกิดมามีตัวตนเป็นคนแล้ว
สร้างจิตดีเพริศแพร้วดั่งแก้วใส
กุศลกรรมนำตนให้พ้นภัย
น้อมนำใจสงบในภพวุ่นวาย
๒. ลมแล้งเริ่มย่างกรายมาร่ายร้อน
ใบเหลืองกรีดกรายฟ้อนอ้อนแดดสาย
ห้วยละหานกรวดเหงาเงาน้ำพราย
รอรักปลายมุ่นเมฆเสกน้ำมา
ลอยเคว้งคว้างกลางกระแสของลมหวน
เหลืองส้มหล่นปลิวอวลเคลียนาสา
ใจรุ่มร้อนผลิรักก็ร้างลา
ใบร่วงมายั่วเย้าให้เศร้าจาง
ฉันนอนเหงาเดียวดายใต้ตะวัน
ละอองฝันไหวพร่าว่าเริ่มสาง
ร่ายระบำภายฝันอันเลือนราง
คลื่นน้ำค้างอาบแก้มแต้มสองนัยน์
ปลิดปลิวหล่นคว้างคว้างอยู่กลางหาว
ตื่นจากฝันเรื่องยาวของสาวใส
ใบห่มร่างเฉกอาภรณ์สะท้อนใจ
เจ้าใบไม้หรือเราก็เช่นกัน
ช่ออักษราลี
๒๑ เมษายน ๒๕๕๒
14 กุมภาพันธ์ 2552 04:39 น.
ช่ออักษราลี
๏ คือสายสร้อยเรืองรองของอุษา
เจิดแจรงแหล่งหล้าเวหาสวรรค์
หอมบุปผามาลัยอวลไพรวัลย์
หอมรักนั้นจรุงรุ่งอรุณ
๏ คือโกสุมปทุมมาลย์แผ่หวานซึ้ง
ทั้งภู่ผึ้งถวิลในกลิ่นกรุ่น
ละอองรักโชยหอมล้อมละมุน
อ้อมไออุ่นมธุรสมาพร่างพรม
๏ คือสายลมของอาทรอันอ่อนหวาน
รำเพยสารเสน่หามาประสม
มณฑาทิพย์สูงศักดิ์จักล่องลม
ลานภิรมย์แดนดินถวิลแล้ว
๏ คือบทเพลงสุนทรีย์ที่ไพเราะ
พริ้งเสนาะระรินในพิณแก้ว
จำเรียงสองฤทัยให้เพริศแพร้ว
สานไมตรีทุกแนวแล้วหัวใจ
๏ คือสายน้ำชื่นใจยามไหลผ่าน
จากแล้งลาญรันทดพลิกสดใส
คลายเหนื่อยล้าว้าเหว่จากเล่ห์ใด
พักอาศัยริมน้ำฉ่ำความรัก
๏ ทุกนิยามนำรักมาถักถ้อย
เป็นสายสร้อยวลีที่ฉลัก
ฉลุคำพริ้งพรายเป็นสายภักดิ์
แต่ละวรรคละวรรคสลักใจ ๚ะ๛
7 กุมภาพันธ์ 2552 04:45 น.
ช่ออักษราลี
๏ ในดึกดื่นถามดาวสกาวสรวง
ราวโชนช่วงเนตรหนึ่งซึ่งปรารถนา
มีเงาฉันบ้างไหมในจินตนา
คิดถึงเธอทุกครายามราตรี
๏ น้ำตาดาวร่วงหล่นเป็นฝนฝอย
ใจคนคอยทุกข์ท้นจนล้นปรี่
หนาวพร่างพรมห่มใดในฤดี
หนาวรักที่เปล่าดายกลางสายลม
๏ ปลายขอบฟ้าเรืองรองของจันทร์เสี้ยว
พลันคล้องเกี่ยวฤทัยไยขื่นขม
โหยหาใครในราตรีที่ระทม
ใจจ่อมจมทะเล...เล่ห์ดาวใด
๏เมื่อลมหนาวพัดมาจากฟ้านั่น
คือความรักของฉันที่หวั่นไหว
ล่องลอยหาจากอีกฟ้าคราเธอไกล
หรือเธอมีอีกใคร...ในคืนนี้ ๚ะ๛
ช่ออักษราลี
๗ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๒
1 กุมภาพันธ์ 2552 06:07 น.
ช่ออักษราลี
๏ หอมสายลมพรมพร่างยามสางรุ่ง
ฟ้าก็ปรุงเมฆพรายระบายสี
อวลประทิ่นกลิ่นฉมสุมาลี
ปลุกชีพนี้อีกวันที่สัญจร
๏ ตื่นเถิดหนาตาวันแย้มแต้มขอบหาว
ดนตรีดาวสะอื้นสายก่อนถ่ายถอน
วานสายลมคลอเคล้ามาเว้าวอน
ห่วงอาทรบางใครในเพลา
๏ ละอองรักล่องลอยอย่างอ้อยอิ่ง
มาหยุดนิ่งคีตเพลงบรรเลงหล้า
ปลุกโลกตื่นจากหลับใหลในนิทรา
ด้วยเครื่องสายเสน่หามาลีกานท์
๏ รักเจ้าเอยรักนักมิจักหมด
กลั่นนัยพจน์ให้เห็นเป็นกลอนหวาน
เฝ้าบ่นเพ้อพรรณนาอย่ารำคาญ
ทุกลมปราณของฉันนั้นมีเธอ ๚ะ๛