27 กรกฎาคม 2550 01:09 น.
ช่อมะไฟ
เหมือนพูดพร่ำกล่าวอ้าง............คร่ำครวญ
ชีวิตถูกตีตรวน.........................กักกั้น
อิสรภาพหอมหวน......................ฝันใฝ่
ใจจิตคิดอย่างนั้น......................ยากพ้นกรงทอง
น่าสงสารนกน้อย......................เดียวดาย
อยู่อย่างหิวกระหาย...................ไขว่คว้า
สุขก็แค่เพียงกาย......................เอมอิ่ม
เพียงแค่อยากทายท้า................แกร่งกล้าแหกกรง
โบยบินไปสู่ห้วง........................ปรารถนา
หลงระเริงโลกา.........................สุดกว้าง
ทุกสารทิศจึงมา.........................พายัพ
พบนกจึงอยู่ข้าง.........................ชื่นชู้เชยชม
รื่นรมย์ครองคู่เคล้า...................เคลียคลอ
นกหนึ่งพะเน้าพะนอ.................ชิดใกล้
เพียงเพ้อพร่ำคำขอ...................คำมั่น
จะรักกันบอกไว้.........................ตราบฟ้าดินสลาย
หลงลืมกลับทอดทิ้ง...................กรงทอง
ลืมว่ามีเจ้าของ.........................อยู่แล้ว
ลืมลูกเคยตระกอง....................กกกอด
อิสรภาพไม่แคล้ว......................คลับคล้ายหมดลง
แต่เพียงเจ้านกนั้น....................อาลัย
คอยฝากความห่วงใย.................ไม่เว้น
คำรักจากดวงใจ........................คำหนึ่ง
วอนว่าจงซ่อนเร้น......................เก็บไว้สองคน
ทุกข์ทนที่ต้องพราก....................จากลา
บินกลับทั้งน้ำตา.........................โศกเศร้า
สู่ ณ ที่จากมา.............................คืนถิ่น
สิเน่หายังเฝ้า..............................ตอกซ้ำย้ำเตือน
3 กุมภาพันธ์ 2550 21:00 น.
ช่อมะไฟ
ฟังเพลงหวานซ่านซึ้ง...............ตรึงใจ
เสียงคร่ำครวญฝากใน.............บทร้อง
คำเพ้อพร่ำหวามไหว................คอยเพรียก
เสียงเรียกดังกึกก้อง.................กู่ก้องโหยหา
หัวใจเริงร่าเต้น........................ตามเพลง
แสนสนุกครื้นเครง...................สุขแท้
ดนตรีกล่อมบรรเลง..................เริงรื่น
ขมขื่นคงพ่ายแพ้......................หมดสิ้นหน่ายหนี
เพลิดเพลินเพลงเคลิบเคล้ม.......ลุ่มหลง
ดวงจิตเจ้าผจง...........................วาดไว้
งดงามดั่งประสงค์.......................นิรมิต
ลิขิตฟ้าคงให้..............................รักนั้นแสนหวาน
เสียงกังวานใกล้จบ....................เพลงครวญ
จังหวะเริ่มโหยหวน....................โศกเศร้า
พบเพื่อพลัดพรากชวน...............ไหวหวั่น
เพลงรักบทปลุกเร้า....................จบแล้วเพลงฝัน
เพลงนั้นเพียงฝากไว้.................ความหลัง
อดีตที่ภินทร์พัง.........................หลบเร้น
ทุกข์ตามติดประดัง....................โถมทับ
จึงสดับจังหวะเต้น......................แต่น้ำในตา
22 มกราคม 2550 20:47 น.
ช่อมะไฟ
เพียงแต่เฝ้ามองดูอยู่ห่างห่าง
เพราะยังวางหัวใจไว้กับเขา
แต่ก็เพราะวันนี้ไม่มีเรา
ขอเพียงเฝ้าแหนหวงด้วยห่วงใย
มองเขาเดินจากไปมีคนอื่น
ถึงกล้ำกลืนขื่นขมข่มเอาไว้
ขอเพียงเขาสุขกายสบายใจ
เหตุไฉนใยเขาถึงเศร้าตรม
หรือว่าต้องสับสนกังวลจิต
หรือเพราะคิดแค่เพียงเสี่ยงสุขสม
หรือเพราะพลาดใครทำช้ำระทม
หรือเสน่ห์ลมจริตอิสตรี
เขาคงต้องทุกข์ทนแสนหม่นหมอง
ถูกจำจองหัวใจไม่อาจหนี
คงจะต้องวิปโยคโศกโศกี
ทุกนาทีกล้ำกลืนสุดฝืนทน
อยู่กับคนไม่รักมันหนักอก
น้ำตาตกท่วมใจไร้เหตุผล
เหมือนอยู่กลางไฟฟอนยังร้อนรน
อย่าหมองหม่นหากฝืนกลืนร้าวราน
เพื่ออะไรทนไปก็ไร้สุข
แบกความทุกข์เอาไว้ใครสงสาร
หรือจะอยู่จนสิ้นดวงวิญญาณ
ทรมานที่ยื้อพอหรือยัง
ไม่อยากเห็นเขาโศกวิตกท้อ
เพียงอยากขอสักทีจงมีหวัง
ว่าวันหนึ่งเศร้าสลดหมดภวังค์
บินไปยังอิสระภาพตราบต้องการ
8 ตุลาคม 2549 19:12 น.
ช่อมะไฟ
ความรักคงอยู่คู่เขา
ความเศร้าอดสูคู่ฉัน
ความช้ำเกินคำรำพัน
ความฝันความหวังพังทลาย
ไม่เหลืออะไรใจนี้
ไม่มีนิยามมความหมาย
ไม่คืนมาประดับกลับกลาย
ไม่ตายคงไม่ได้เจอ
แน่นอนที่สุดถูกทิ้ง
แน่นิ่งกายช้ำพร่ำเพ้อ
แน่แล้วแย่นักรักละเมอ
แน่แน่วคงเก้อเพ้อคอย
นอนหนาวจำทนหม่นหมอง
นอนมองเหม่อรอท้อถอย
นอนนับดาวเดือนเลื่อนลอย
นอนปล่อยน้ำตาชำระใจ
18 สิงหาคม 2549 17:44 น.
ช่อมะไฟ
หากสายตานั้นคือสื่อประสาน
คนร้าวรานสองคนให้ค้นพบ
ดังเส้นตรงขนานกันได้บรรจบ
สองใจซบอิงอุ่นละมุนละไม
ผ่านเวลาล่วงวันถึงวันนี้
เธอมาหนีมิรู้อยู่หนไหน
ปล่อยความรักความฝันเคยมั่นใจ
ปล่อยฉันไว้หดหู่เพียงผู้เดียว
ฉันยังคงอยู่ไปอย่างพ่ายแพ้
ถึงจะเหลือท้อแท้ใครแลเหลียว
ดุจดังข้าวยืนต้นรอคมเคียว
ต้องเปล่าเปลี่ยวโศกาน้ำตาริน
ฉันพร้อมรับนิยามความเจ็บปวด
แม้ร้าวรวดใจเศร้าเฝ้าถวิล
อยู่กับความเหว่ว้าจนชาชิน
แต่ไม่สิ้นความหวังฉันยังรอ