30 กันยายน 2550 15:18 น.
ชีวินมธุรา
รั้วระแนง ก่ายเกย สลับซี่
สมเป็นที่ พักผ่อน หายร้อนรุ่ม
กระดิ่งน้อย ห้อยย้อย ทั้งสี่มุม
ถูกปกคลุม เครือเถาว์ ไม้ใบบัง
กริ๋งกรุ๋งกรุ๊งกริ๊ง ดังยาม ลมพัดผ่าน
เสียงกังวาน ไพเราะ ดุจเสียงสังข์
โนราห์งาม ออกดอก ชูช่อกาง
แลสล้าง ชมพูแต้ม เรื่อเหลืองทอง
สองเรามัก ชวนกัน มานั่งเล่น
ยามคืนเพ็ญ เด่นดาว สกาวสวย
หอมหวลกลิ่น ดอกไม้ รายระรวย
จรุงจรวย อบอวล ด้วยอุ่นไอ
พร่ำพรรณนา สาธยาย ถึงความรัก
เขาหนุนตัก เว้าวอน เอ่ยขานไข
รักหนอรัก รักมาก จนหมดใจ
ไม่อยากไกล จากกลิ่น เนื้อนวลนาง
ในหัวใจ ปลาบปลื้ม ดื่มด่ำหวาน
สุขสำราญ เพลิดเพลิน มิเหินห่าง
รักเขามาก เช่นกัน มิจึดจาง
พูดไปพลาง มือกุมวาง หว่างหทัย
ซุ้มโนราห์ เบ่งบาน ดอกหลากสี
ส่งความหอม ลอยลม ล่องลมไหว
เขียวขจี แพรวพรรณ ลดหลั่นไป
เสียงน้อยน้อย ก้องไป ทั่วทั้งลาน
ภายใต้ซุ้ม โนราห์ ได้ผ่อนพัก
รำพันรัก สองคน ต่อเติมสาน
ผูกพันมั่น ร่วมกัน ไปชั่วกาล
โนราห์หอม เป็นพยาน ชื่นชมเชย
*************
ชีวินมธุรา
30 กันยายน 2550 08:09 น.
ชีวินมธุรา
อีเมลย์ ฉบับหนึ่ง
ส่งมาถึง ยังแก้วตา
ข้อความ เขียนไว้ว่า
คิดถึงหนา แสนอาวรณ์
ได้พบ อยากรู้จัก
ใจนึกรัก สุดถอดถอน
ยามกิน หรือยามนอน
ยากจะถอน รักในทรวง
อ่านแล้ว ให้งุนงง
ใครหนอคง หลงพุ่มพวง
นึกนาน เรื่องทั้งปวง
เหมือนดังบ่วง ข้องภายใน
เท่าไร คิดไม่ออก
ไม่รู้บอก ว่าอย่างไร
คนแกล้ง หรือไฉน
ทำฉันใด ใจวกวน
ตอบรัก ดีหรือไม่
ใครก็ได้ วานช่วยที
ตัดสิน ไม่ตกนี่
ช่วยนำชี้ สื่อความหมาย
หนุ่มน้อย ในอีเมลย์
คงจะเร่ รักเรี่ยราย
หว่านคำ ไปมากมาย
มุ่งมาดหมาย หาคู่ชม
หัวใจ ใคร่อยากรู้
อยากตอบดู กลัวรักขม
ลิ้นลวง คารมคม
บาดใจตรม หม่นฤทัย
*******
ชีวินมธุรา
29 กันยายน 2550 23:00 น.
ชีวินมธุรา
มีตำนาน เล่าขาน มานานนัก
เป็นเรื่องรัก รันทด ของชายหญิง
มิได้ครอง คู่กัน ในความจริง
ด้วยมีสิ่ง ต้องห้าม ตามกฏเกณฑ์
ยังมีชาย หนุ่มน้อย หน้าคมสัน
ทุกทุกวัน นำโค สองตัวเข็น
ทำไร่นา ตลอดปี ทั้งเช้าเย็น
ยากจนเค้น ลำเค็ญ สู้ทนไป
บนสวรรค์ เมืองแมน แดนงามงด
นารีเทพ หมดจด สดสวยใส
อยู่เจ็ดนาง ร่าเริง บรรเทิงใจ
ความทุกข์ใด หาไม่ มีย่างกราย
นารีน้อง สุดท้อง ข้องสงสัย
เบื้องล่างใต้ จักแล อย่างไรหนา
แอบลอบลง สู่โลก พสุธา
แปลงกายา สาวน้อย ชาวบ้านเป็น
ชายหนุ่มเก็บ เกี่ยวข้าว ขายตลาด
ร้องประกาศ เชิญชวน เข้ามาเห็น
ข้าวขาวขาว หูงไว้ ในตอนเย็น
รสชาดเช่น นุ่มลิ้น ซื้อเก็บตุน
สาวน้อยงาม เดินผ่าน พานมาพบ
ชายหนุ่มสบ ตานาง ใจว้าวุ่น
หญิงใดหนอ งามเกิน ยิ้มลมุน
นารีอุ่น วาบหวาม หวิวในทรวง
กาลเวลา ต่อมา ไม่นานนัก
ความรักพลัน มากมาย แสนใหญ่หลวง
คล้องสองดวง ฤทัย สุขทั้งปวง
จนลุล่วง ได้บุตร เป็นพยาน
กรรมมาซัด ตัดแล้ว ซึ่งความรัก
บัญชาจาก สวรรค์ มาเป็นสาสน์
บ่งบอกชี้ นารีทำ ผิดเกินการ
จำต้องหาญ แยกกัน อย่าขัดคำ
จำต่อรอง ปวงเทพ ผู้เป็นใหญ่
เทพเห็นใจ ความรัก มิขัดขาม
หนึ่งปีครั้ง ได้พบกัน เพียงชั่วยาม
ทั้งสองห้าม ใกล้ชิด แต่นั้นมา
หิ่งห้อยน้อย ร้อยพัน พร่างพราวแสง
ต่างร่วมแรง เรียงราย พรายเส้นหนา
ดุจสะพาน ทอดยาว สุดสายตา
คู่รักพา ได้พบ พร่ำพรอดพลัน
สาวทอผ้า หนุ่มชาวนา มั่นคงยิ่ง
มอบสัตย์จริง แก่กัน มิไหวหวั่น
ถึงแม้มี อุปสรรค มิอาจกั้น
คล้องใจขวั้น ยึดมั่น เพียงรักเดียว
หิ่งห้อยน้อย เริงร่า ยามคืนค่ำ
ขับลำนำ เพลงรัก ผกผินเที่ยว
เห็นใจใน สองหนุ่มสาว นั่นแท้เทียว
ความปราดเปรียว ปรองดอง รวมหมู่กัน
แสงระยิบ ระยับ ยาวเป็นสาย
สะพานใส ดั่งแก้ว งามเฉิดฉัน
สัญญารัก มั่นคง ตรงต่อกัน
หฤหรรษ์ ชื่นจิต ได้ชิดชม
***********
ชีวินมธุรา
29 กันยายน 2550 14:03 น.
ชีวินมธุรา
หัวใจ เต้นตึ้กตัก
นวลนงลักษณ์ อยู่กับชาย
สองคน ในลิฟท์ใหญ่
เหตุว่าไฟ ฟ้าดับลง
ดวงไฟ น้อยเรืองรอง
สาดฉายส่อง กระพริบส่ง
ชายหนุ่ม นั้นมั่นคง
บอกตามตรง หวั่นหวั่นไป
แสนกลัว แทบมลาย
น้ำตาไหล คิดวุ่นวาย
เขาเห็น ช่วยปลอบคลาย
ไม่เป็นไร เดี๋ยวดีเอง
ชมัาย ชายตามอง
สองตาจ้อง เงียบวังเวง
หน้าตา มิน่าเกรง
ท่าทางเก่ง ดูชำนาญ
สาวน้อย หลบตาลง
ภายในโล่ง อุ่นดวงมาลย์
มีชาย ที่กล้าหาญ
นวลนงคราญ เอิบอิ่มใจ
เหลือบตา ดูอีกที
ชายหนุ่มนิ้น ยิ้มแย้มให้
นัยน์ตา เป็นประกาย
ส่งความหมาย ยากจะเดา
ไม่นาน ไฟฟ้ามา
ลิฟท์นั้นหนา เคลื่อนเบาเบา
ในทรวง เริ่มบรรเทา
ร้อนรุมเร้า เคลื่อนคลอนหาย
ถึงชั้น ที่ต้องการ
เอ่ยปากพลัน ขอบคุณชาย
เขามอง เอ่ยคำไว้
อยากจะใคร่ พบอีกครา
ตอบแทน ยิ้มหวานหวาน
หัวใจปาน หยุดเต้นหนา
พบแล้ว นะแก้วตา
รักชักพา สะดุดใจ
*****
ชีวินมธุรา
29 กันยายน 2550 09:38 น.
ชีวินมธุรา
เหมันต์กราย ผ่านมา ถึงอีกแล้ว
น้ำค้างแพรว หยดค้าง ตามใบหญ้า
ทิวากร อ่อนแสง แรงโรยรา
เมฆลอยมา สีหม่น แลเป็นทิว
ลมหนาวโชย พัดพริ้ว ลอยละล่อง
ยามเมื่อต้อง กายสะท้าน ผ่านแผ่วผิว
หนาวหัวใจ ยิ่งนัก รักปลิดปลิว
ลอยละลิ่ว ตามลม ขมใดปาน
ยามราตรี เงียบเหงา และว้าเหว่
เผลอทุ่มเท แด่เขา ชายปากหวาน
คิดไม่ถึง ผกผัน พลันร้าวราน
หมองดวงมาลย์ เศร้าสร้อย หวลอาลัย
เหมันต์กราย เยือนใกล้ ยิ่งหนาวจิต
เย็นสนิท เยียบแนบ แปลบไฉน
รักมาร้าง ห่างเห จากนานไป
โธ่เอ๋ยใจ ใยมิลืม คอยย้ำเตือน
*******
ชีวินมธุรา