26 มีนาคม 2551 13:33 น.
ชินเดช ญาณรัตน์
จะปลอบใจใครเขาว่าเรารัก
ก้ออกหักรักร้างจนหม่นไหม้
หัวใจแหลกแตกยับกับมือใคร
แล้วไฉน..หาญกล้ามารักเธอ
ได้แต่เมียงมองใจไว้ห่างห่าง
ใช่ลาร้างใช่ห่างเหินเกินคำเพ้อ
ต้องเจียมตัวเจียมตนหากรักเธอ
กลัวจะเก้อเธอไม่ตอบมอบรักมา
หวังกาลเวลา..มาพิสูจน์
เพียงคำพูดลมปากยากดังว่า
ไม่หวังให้ใครเชื่อเบื่อระอา
คำนินทาร้อยแปด..แซ่ด..อึงอล
คนหัวใจสลาย เพราะใช้แล้ว
ไม่แจ่มแจ๋วผ่องผุดจนหลุดพ้น
เป็นรถเก่ามือสองเจียมของตน
มองหาคนรับรู้ ดูข้างใน
หากรักจงรักเถิดจะเปิดรัก
คนอกหักจดจำพอทำได้
เพราะใจเจียมรักจริงยิ่งกว่าใคร
จะไม่ให้เธอชอกช้ำระกำเลย
คิดปลอบใจตัวเธอใช่เผลอรัก..
เห็นทุกข์หนักเกินกว่าทำท่าเฉย
เริ่มต้นใหม่ตั้งต้นใหม่นะทรามเชย
จะขอเอ่ยคำ"รัก"อีกสักคน.
17 มีนาคม 2551 00:20 น.
ชินเดช ญาณรัตน์
ร่วงลงดินสิ้นแล้ว เจ้าผีเสื้อ
คงเพียงเหลือความหลังบนฝั่งฝัน
ปีกแสนงามร่วงพับลงฉับพลัน
คงไม่แลเห็นกันแต่นี้ไป
หัวใจครูแทบขาดอนาถเอ๋ย..
ไฉนเลยศิษย์รักดั่งผลักไส
เคยกล่อมเกลี้ยงมุ่งหวังด้วยดวงใจ
แล้วมาไกลจากกันนิรันดร์กาล
ไม่ใช่แม่ก็เหมือนแม่แลเห็นอยู่
เป็นศิษย์ครูร่วมคิดจิตประสาน
หมายส่งเจ้าข้ามฝั่งวังบัวบาน
ใจสะท้านร่ำสะอื้นคืนสีดำ
ขอผีเสื้อเจ้าบินสู่สุขคติ
ดั่งพุทธดำริ อันเลิศล้ำ
สัมปรายภพแดนไกลใจน้อมนำ
จบสิ้นกรรมกายวจีแค่นี้เลย
อย่าได้ห่วงสิ่งใดในโลกนี้..
จงไปดีหนอเมธัส เจ้าอิงเอ๋ย
เกิดชาติหน้าฉันใด นะขวัยเอย
บุญกรรมเคย คงพบกันนิรันดร
22 กุมภาพันธ์ 2551 05:51 น.
ชินเดช ญาณรัตน์
เรื่องของเราจบลง ตรงนั้นแล้ว
เมื่อน้องแก้วเลือกเขาเราสิ้นสูญ
จบความรักความหลังที่อาดูร
แต่ทวีคูณใจช้ำ ความคิดถึง
เฝ้าถามไถ่โทรมาเรียกหารัก
ถูกหาญหักอย่างไรใจยังซึ้ง
เพราะเธอคือดวงหทัยใฝ่คนึง
ยังคิดถึง ยังห่วงใยไม่สร่างซา
เขาดีต่อเธออย่างไรหรือไม่หนอ
เขาเคยก่อบึ้งตึงถมึงหน้า
หรือย่ำยีโหดร้ายไม่นำพา
รู้ไหมว่าเหยียบหัวใจใครอีกคน
เป็นไปได้อย่างไรใจก็รัก
ยังแน่นหนักอยู่ภายในหลีกไม่พ้น
การถูกทิ้งเป็นไฉน ย้ำใจตน
เจ็บกี่หนก็จะรอ...ขอรักเดียว
21 กุมภาพันธ์ 2551 07:14 น.
ชินเดช ญาณรัตน์
สุดท้ายที่ปลายนา
ด้วยแรงแห่งชีวิตลิขิตให้
รวงข้าวใหม่หอมฟุ้งจรุงขวัญ
ทนฝนแดด แผดเผา เราทุกวัน
จากวันนั้น ถึงวันนี้ มีรวงทอง
ถึงเช้าสาย บ่ายเที่ยงไม่เลี่ยงหลบ
เพียงได้สบนัยน์ตาพายิ้มย่อง
ความเหนื่อยล้าหายไปใจสีทอง
จนแดดส่อง ลำสุดท้าย ที่ปลายนา
จุมพิศนาง ข้างกองฟาง บนซังข้าว
ประกายดาว วาวแวม แต้มดวงหน้า
เป็นสวรรค์ บนดิน ถิ่นบ้านนา
เป็นศรัทธา เป็นชีวิต สิทธิ์แห่งคน