19 กุมภาพันธ์ 2553 19:38 น.

บทความน่าอ่าน(แนะนำ)

ชาวบ้านกลอนไทย

มีพระอยู่รูปหนึ่ง ท่านอยู่ที่วัดแร้นแค้นมากๆๆ  ท่านต้องสร้างวัดเอง จึงเริ่มก่อกำแพง ทั้งๆที่ท่านไม่เคยทำเลยในชีวิต การก่อกำแพงที่คุณมองว่า แค่เอาอิฐวาง เอาปูนใส่นั้น แท้จริงแล้ว มันยากนะ เพราะว่าจะทำยังไงให้มันตรง เท่ากันหมด พอพระท่านก่อกำแพงเสร็จ ท่านเห็นว่า ตรงกลางของกำแพง มีอิฐอยู่ 2 ก้อนที่มันไม่ตรง มันนูนออกมาจากอิฐก้อนอื่น ครั้นจะรื้อก็ไม่ได้ เพราะค่าใช้จ่ายมันแพง ทุกครั้งที่ญาติโยมมาที่วัด อาตมาจะรู้สึกอับอาย มากเวลามีคนจ้องไปที่อิฐสองก้อนนั้น จนกระทั่งวันนึง มีผู้ชายแก่คนหนึ่งมาที่วัด แล้วมองไป ที่กำแพงอันนี้ ชายแก่พูดว่า..กำแพงนี้สวยดี อาตมาถามเค้าด้วยความตกใจว่า ลืมใส่แว่นมาหรือเปล่า คุณไม่เห็นเหรอว่ามันมีอิฐสองก้อนที่วางไม่ดีจนกำแพงนี้ ดูไม่ดี คำพูดที่ชายแก่ตอบอาตมามานั้น ได้เปลี่ยนแปลง ทัศนคติทั้งหมดของอาตมา ชายแก่บอกว่า...ใช่ ผมเห็นอิฐที่วางไม่ดีสองก้อนนั้น แต่ผมก้อเห็นด้วย ว่ามีอิฐอีก 998 ก้อนก่อไว้ได้อย่างสวยงาม เป็นระเบียบ อาตมาถึงกับอึ้งทีเดียว นับเป็นครั้งแรกในรอบหลายๆๆปี ที่อาตมามองเห็นอิฐก้อนอ ื่นๆบนกำแพงนอกเหนือจาก สองก้อนที่เป็นปัญหา ตาของอาตมามืดบอดต่อสิ่งอื่นทั้งหมด เดี่ยวนี้เมื่ออาตมามองเห็นอิฐดีๆๆแล้ว กำแพงนี้สำหรับอาตมาก้อไม่น่าเกลียดอีกต่อไป คนเราซักกี่คนที่ตัดสัมพันธ์กับเพื่อน พี่ น้อง เพียงเพราะเขาเพ่งมองแต่..อิฐที่ไม่ดีสองก้อนนั้น ที่อยู่ในตัวคนอื่น ทั้งๆๆที่ในความเป็นจริง มีทั้งอิฐที่ดี และอิฐที่ดีจนไม่มีที่ติ เพียงแต่เรามองไม่เห็นมันเท่านั้น แทนที่จะเห็นสิ่งดีๆๆที่มีอยู่ สายตาของเรากลับเพ่งมอง จดจ่อเฉพาะสิ่งที่ผิดพลาด มันน่าเศร้าจริงๆ ที่หลายครั้ง หลายหนเราได้ลงมือทำลาย กำแพงที่ดีลงไปจริงๆๆ				
18 กุมภาพันธ์ 2553 10:12 น.

นำบทความดีๆมาฝากชาวบ้านกลอน(ควรอ่าน)

ชาวบ้านกลอนไทย

รักคนไกล ระอาคนใกล้ (เราเป็นเช่นนั้นหรือไม่?)

แอม เสาวลักษณ์ ลีละบุตร เล่าว่าได้พบเพื่อนคนหนึ่งซึ่งเพิ่งกลับจากการไปปลูกป่า หน้าตาของเธอเบิกบานด้วยความปีติที่ได้ช่วยฟื้นฟูธรรมชาติ เธอพรรณนาถึงคุณประโยชน์มากมายของการปลูกป่า ทั้งบรรเทาโลกร้อน เพิ่มออกซิเจน ให้ร่มเงา ปกป้องหน้าดิน และช่วยให้ฝนฟ้าตกต้องตามฤดูกาล ฯลฯ เธอยังเล่าถึงนักปลูกป่าอย่าง ด.ต.วิชัย ที่เป็นแรงบันดาลใจให้แก่ผู้คนมากมาย 

ดีจังเลย แอมยินดีกับเพื่อน ตอนนี้เธอปลูกต้นไม้ที่บ้านเยอะเลยซีท่า
เพื่อนทำหน้าเซ็งทันทีแล้วตอบว่า โอ๊ย ใครจะไปกวาดใบไม้ไหว ร่วงอยู่ได้ เลยตัดทิ้งไปแล้ว รักป่ารักต้นไม้ทั่วทั้งโลกนั้น บางครั้งกลับง่ายกว่ารักต้นไม้ในบ้าน เราพร้อมจะไปปลูกป่าทั่วทุกหนแห่ง แต่คร้านที่จะดูแลต้นไม้ในบ้าน ปลูกป่านอกบ้านไม่ใช่เรื่องยาก แค่หย่อนกล้าไม้ลงหลุมแล้วกลบ จากนั้นก็กลับบ้านได้เลย แต่ปลูกต้นไม้ที่บ้านสิ เรายังต้องรดน้ำพรวนดินใส่ปุ๋ยนานนับปี ครั้นต้นไม้เติบโตสูงใหญ่ ก็ยังต้องเสียเวลากวาดใบไม้ร่วงไม่หยุดหย่อน วันดีคืนดีกิ่งไม้อาจตกมากระแทกหลังคาเป็นรู
เป็นเพราะต้นไม้นอกบ้านให้แต่สิ่งดี ๆ มีแต่สิ่งที่น่าชื่นชม ไม่เป็นภาระแก่เราเลย เราจึงรักเขาได้ง่าย ส่วนต้นไม้ในบ้านนั้นเรียกร้องการดูแลเอาใจใส่จากเรา แถมยังอาจก่อปัญหาให้ด้วย หลายคนจึงมองเห็นแต่ข้อเสียของเขา จนรู้สึกระอาขึ้นมา 

เป็นเพราะเหตุผลเดียวกันนี้หรือเปล่า ผู้คนเป็นอันมากจึงรักและชื่นชมคนอื่นได้ง่ายกว่าคนในบ้าน เราเห็นแต่ความดีของคนไกลตัวเพราะเขาไม่เคยเรียกร้องอะไรจากเราเลย ส่วนคนในบ้านนั้นอยู่ใกล้กับเรามากเกินไปจึงเห็นแต่ข้อเสียของเขา หรือเห็นเขาเป็นภาระที่ต้องดูแลเอาใจใส่จนกลบข้อดีของเขาไปเกือบหมด ผลก็คือเรามักสุภาพอ่อนโยนกับคนไกล แต่มึนตึงฉุนเฉียวง่ายมากกับคนใกล้ตัว
ลองมองให้เห็นคุณประโยชน์หรือความดีของต้นไม้ในบ้านบ้าง เราอาจจะรักเขาได้ง่ายขึ้น หลายคนมาเห็นประโยชน์ของต้นไม้ในบ้านก็หลังจากที่โค่นจนเหลือแต่ตอ แต่นั่นก็สายไปแล้ว จะไม่ดีกว่าหรือหากเรารู้จักชื่นชมเขาขณะที่ยังอยู่กับเรา 

กับคนในบ้านก็เช่นกัน เราควรหัดชื่นชมคุณความดีของเขาบ้าง ที่แล้วมาเราอาจมองข้ามไปเพราะคุ้นชินความดีที่เขาทำกับเราจนมองเห็นเป็นเรื่องธรรมดา เพลงที่แสนไพเราะ หากได้ฟังทุกวันทุกคืนก็กลายเป็นเพลงดาษ ๆ ไม่มีเสน่ห์สำหรับเรา ฉันใดก็ฉันนั้น คำพูดที่ไพเราะของภรรยา น้ำใจของสามี หรือความใส่ใจของพ่อแม่ หากเราได้ยินได้ฟังหรือได้รับติดต่อกันเป็นปี ๆ หรือนานนับสิบปี ก็กลับกลายเป็นสิ่งสามัญจนเรามองไม่เห็นความสำคัญไม่ต่างจากอากาศที่เราไม่ค่อยเห็นคุณค่าทั้ง ๆ ที่ขาดมันไม่ได้เลย 

น่าแปลกก็ตรงที่หากคนใกล้ตัวทำผิดพลาดหรือสร้างความไม่พอใจแก่เรา แม้เพียงครั้งเดียว การกระทำนั้น ๆ กลับฝังใจเราได้นานหรือลึกกว่าความดีที่เขาทำกับเรานับร้อยนับพันครั้ง ใช่หรือไม่ว่าเวลาเขาทำดีกับเรา เรามองว่านั่นเป็น หน้าที่ของเขา หรือเป็น สิทธิที่เราควรได้รับแต่เมื่อใดที่เขาทำไม่ดีกับเรา ทำให้เราไม่พอใจ เรากลับมองว่าการกระทำเช่นนั้นเป็น สิ่งที่ไม่สมควร เป็นเรื่อง ไม่ธรรมดา ดังนั้นจึงฝังใจเราได้ง่ายกว่า อันที่จริงเขาอาจไม่ได้ทำผิดพลาดเกินวิสัยปุถุชน แต่ความที่เรามักจะมีความคาดหวังสูงจากคนใกล้ชิด ความผิดพลาดของเขาแม้เพียงเล็กน้อยก็ทำให้เราหัวเสีย ขุ่นเคือง หรือน้อยเนื้อต่ำใจได้ง่ายและนาน 

คนในบ้านหรือคนใกล้ตัวนั้น ไม่ว่าจะดีแสนดีเพียงใด ก็ย่อมมีวันที่ต้องกระทบกระทั่งกับเราบ้าง แต่หากเราไม่ฝังใจอยู่กับเหตุการณ์เหล่านั้น หันมามองและชื่นชมคุณความดีของเขา เปิดใจรับรู้ความรักที่เขามีต่อเรา เราจะรักเขาได้ง่ายขึ้น และตระหนักว่าเขามีความสำคัญต่อชีวิตของเรายิ่งกว่าคนไกลตัวเสียอีก อย่ารอให้เขาจากไปเสียก่อนถึงค่อยมาเห็นคุณค่าของเขา ถึงตอนนั้นก็สายไปเสียแล้ว 

อะไรก็ตามยิ่งอยู่ใกล้ตัวมากเท่าไร เราย่อมหน่ายแหนงและระอาได้ง่ายมากเท่านั้น เพราะใจที่ชอบเห็นแต่แง่ลบมากกว่าแง่บวก มิใช่แค่ต้นไม้ในบ้าน หรือคนในบ้านเท่านั้น หากยังรวมถึงทรัพย์สมบัติในบ้านด้วย แต่นั่นยังไม่ใกล้เท่ากับร่างกายและจิตใจของเราเอง				
15 กุมภาพันธ์ 2553 17:49 น.

ขอความร่วมมือจากชาวบ้านกลอน

ชาวบ้านกลอนไทย

เนื่องจากวัตถุประสงค์ของผู้สร้างเวบบ้านกลอนไทย คุณปีกฟ้า
ได้สร้างเวบเพื่อการสืบสานวรรณศิลป์ เพื่อความสุขเล็กๆของผู้รักและหลงไหลในตัวอักษร เพื่อมิตรภาพของผู้ร่วมสืบสาน

คุณปีกฟ้า ได้ออกมาขอความร่วมมือแล้วครั้งหนึ่ง ขอให้งดเขียนเรื่องราวเกี่ยวกับการเมืองที่นำไปสู่ความขัดแย้ง ชวนทะเลาะ ซึ่งยังหาจุดจบไม่ได้ในสังคม ซึ่งยังไม่ได้รับความร่วมมือเท่าที่ควร จากผู้ที่ยึดมั่นถือมั่น ในการแบ่งข้าง

เพราะการเขียนสนับสนุนฝ่ายตนเอง เขียนว่าอีกฝ่าย อีกฝ่ายย่อมออกมาคัดค้าน ชวนทะเลาะกันไปมา สร้างความวุ่นวายในบ้านกลอนไม่จบไม่สิ้น  ไม่สามารถที่จะดึงเหลืองมาเป็นแดง หรือ แดงมาเป็นเหลืองได้ และไม่น่าจะเป็นแบบอย่างที่ดีของเด็กและเยาวชน

ไม่ดีกว่าหรือที่เราจะเขียนเฉพาะวิธีการที่สร้างสันติภาพ หาจุดรวมกันให้เกิดสันติสุขขึ้น

จึงขอความร่วมมือ ช่วยกันสร้างความสงบขึ้นในบ้านกลอนจากทุกท่าน				
10 กุมภาพันธ์ 2553 19:35 น.

ทำไมสังคมไทยจึงไม่สงบ?

ชาวบ้านกลอนไทย

สังคมไทยในสมัยปัจจุบัน กำลังเดินทางไปทิศทางไหนกัน ไปสู่หนทางที่มืดมิด? หรือหนทางที่สว่างไสว?

ในขณะที่สังคมไทยกำลังเจริญก้าวหน้าด้านวัตถุเพิ่มขึ้นทุกขณะ ต่อมอัตตา ดูเหมือนจะพัฒนาไปพร้อมกัน ทำให้เกิดการแบ่งแยก จนไม่สามารถที่จะรวมเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันของคนในสังคมได้ และพร้อมที่จะเยาะเย้ย ถากถางอีกฝ่าย เมื่อเพลี่ยงพล้ำ ล้มเหลว หรือไม่บรรลุวัตถุประสงค์ แทนการให้กำลังใจ แทนการเสนอข้อคิดเห็นหรือทางเลือก ว่าแนวทางที่ดีคืออะไร
 ซึ่งการเยาะเย้ย ถากถาง ต่อว่า ด่าทอ พบเห็นได้ทั่วไป ทั้งตามเวบไซต์ หนังสือพิมพ์ โทรทัศน์ และสื่ออื่นๆ  ซึ่งดูเหมือนจะทวีความรุนแรงมากขึ้นทุกขณะ  การกระทำดังกล่าว นำไปซึ่งสันติหรือไม่? ถ้าไม่ ทำไมถึงยังนิยมกันอยู่?

ไม่ว่าจะฝ่ายไหน ต่างก็ยึดมั่นในระบอบประชาธิปไตย ทั้งๆที่ความเป็นจริงน่าจะรวมกันได้  แต่กลับยิ่งแตกแยกกันมากขึ้น 

นอกจากความวุ่นวายในประเทศยังไม่พอ ความวุ่นวายยังได้ลุกลามไปยังประเทศเพื่อนบ้าน ทั้งที่จริง เขาพระวิหาร ไม่ได้เป็นสมบัติของใคร แต่เป็นมรดกของคนทั้งโลก ให้ได้ศึกษา เรียนรู้ศิลปะ วัฒนธรรม ส่วนพื้นที่ทับซ้อน ถ้าตกลงกันไม่ได้ ก็ไม่รู้จะปักปันกันทำไม ดีเสียอีก ให้เป็น พื้นที่แห่งมิตรภาพ เป็นพื้นที่สีเขียวให้ธรรมชาติเป็นตัวแทนของความสงบร่มเย็นได้อาศัยอยู่ 

ไม่รู้เมื่อไหร่ สังคมไทยจะกลับมาเป็นสังคมแห่งสันติสุข เป็นสังคมแห่งน้ำใจไมตรี  ที่นับวัน กำลังเลือนหายไปทุกขณะ......				
17 มกราคม 2553 20:03 น.

ตั้งกระทู้ถามไถ่ ท่านเริ่มเขียนกลอนได้อย่างไร

ชาวบ้านกลอนไทย

อะไรคือแรงบันดาลใจ ในการเริ่มเขียนกลอนครั้งแรกของท่าน 

จนทำให้ท่านเป็นส่วนหนึ่งในการสืบทอดวรรณศิลป์ของแผ่นดิน มาจนถึงทุกวันนี้






ขอบคุณทุกท่านที่ร่วมแลกเปลี่ยนความคิดเห็น				
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟชาวบ้านกลอนไทย
Lovings  ชาวบ้านกลอนไทย เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟชาวบ้านกลอนไทย
Lovings  ชาวบ้านกลอนไทย เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟชาวบ้านกลอนไทย
Lovings  ชาวบ้านกลอนไทย เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงชาวบ้านกลอนไทย