20 กรกฎาคม 2548 13:45 น.
ชารอนจัง
ตั้งแต่ที่ฉันอกหักในครั้งนั้น 14 กุมภา 47 ฉันก็ได้มาเจอเธอ เธอเข้ามาพูดคุยปลอบใจ
จนฉันรู้สึกดีขึ้น แต่เธอก็ไม่ต่างกับทุก ๆ คนที่ทำให้ฉันเจ็บในครั้งที่ผ่านมา
อยากให้เสียงหัวใจ.. สุดท้าย.. ได้หยุดไป ในตอนนี้.. ความเจ็บบนความ..เสียใจ
รักซะมากไป.. จงจากไปเสียที.. มันผิดที่ฉันเอง.. ที่เฝ้ารัก ถึงทำให้เธอนั้นมองข้ามไป..
มันผิดที่ฉันเอง..ที่ง่ายนัก ของตายก็มีความหมายแค่นั้น.. มันผิดที่ฉันยอมยกใจให้เธอ..ไป
มันผิดที่ฉันยอมให้เธอ..เก็บไว้ มันผิดที่ฉันมองเห็นเธอ..ด้วยหัวใจ ผิดตรงที่ไว้ใจ..
ฉันมองตัวเธอผิดไป.. อยากให้โลกถึงวันอวสาน.. ไม่อยากเห็นพระอาทิตย์..อัสดงอีกครั้ง
ไม่อยากเห็นนกกาบินกลับรัง ไม่อยากเห็นพระจันทร์รายล้อมด้วยหมู่ดาว..
เข้าห้องเก็บตัวเงียบเพียงลำพัง ก้มหน้ากับหมอนนอนร้องไห้ เพราะเหนื่อยล้าเหลือเกินหัวใจ..
สับสนข้างในส่วนลึก ๆ แล้ว.. ทบทวนถึงเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่ผ่านเข้ามา.. อยากให้โลกรู้..
ถึงความเจ็บปวดที่ฉันมี.. ยิ่งรักมากเท่าไร? ความเจ็บปวดก็ทวีความรุ่นแรงยิ่งเท่านั้น..
เหนื่อยล้าเหลือเกิน ไม่มีผู้ใดเคียงข้างฉันสักคน.. หมดแรงแล้วละ
ไม่อยากมีลมหายใจอยู่บนโลกใบนี้อีกต่อแล้ว.. ทุก ๆ อย่างจบลงแล้ว..
ไม่เหลืออะไรเลยสักอย่าง.. ใครก็ได้ช่วยให้ฉันหายไปจากที่ตรงนี้ที
เจ็บปวด ทรมานหัวใจเหลือเกิน.. please tell me why ? บอกฉันทีได้ไหม ทำไม..?
เธอถึงทำลายจิตใจของฉันได้ลงคอ.. เธอบอกว่าเธอรักฉัน.. (I love you so much)
และเธอบอกอย่างนั้นพร้อม ๆ กับคนอื่น.. เธอเห็นฉันเป็นตัวเลือกของเธอหรือไง..
พอเจอคนที่ถูกใจกว่าก็ทิ้งฉันไป.. ฉันมันโง่เองที่เห็นว่าเธอ.. มีรักจริง (true love)
แต่มันไม่ใช่เลย.. ฉันมันโง่เองที่หลงเชื่อในคำพูดของเธอ.. เธอมักจะพูดอนาคตของเรา..ให้ฉันวาดฝันเอาไว้สะสวยหรู..
ทำไม..เธอช่างโหดร้ายเหลือเกิน.. สิ่งที่ฉันเสียใจในวันนี้ ไม่ใช่เพราะที่เธอจากไปหรอกนะ
คนดี.. แต่สิ่งที่ฉัน เสียใจ ก็คือ ฉันไปรักเธอ.. รักคนไม่มีหัวใจ หลงเชื่อคำพูดหลอกลวงต่าง ๆ
วันนี้..ฉันจะร้องไห้ให้สาสมแก่ใจ.. ร้องจนไม่มีน้ำตาจะไหล.. เพราะมันจะเป็นน้ำตาหยดสุดท้าย
ให้กับความจอมปลอมของเธอ.. ฉันจะไม่ขอสาปแช่งเธอ.. เพราะฉันรู้ดี..ว่าสิ่งตอบแทนจากความรักมันเป็นเช่นไร
แล้วสักวันเธอจะเข้าใจมันได้ดีเอง.. และถึงตอนนั้น..วันที่เธอเจ็บปวด (เหมือนที่ฉันเป็น)
ก็โปรดอย่าหันหลังกลับมา.. ต่อให้เธออ้อนวอน ก้มกราบแทบเท้า..
ฉันก็จะไม่ให้อภัยต่อการกระทำของเธอในครั้งนี้.. เธอโปรดจำไว้..
ยิ่งฉันรักเธอมากมายเท่าไร..มันก็ยิ่งเป็นความเกลียดชังเท่านั้น.. สิ่งที่ฉันคงจะเป็นสุขใจ..
มันอาจจะเป็นการที่เธอถูกทอดทิ้ง แต่ฉันมันไม่ใช่คนใจร้าย (แบบเธอ)
ฉันอยากให้เธอเห็นคุณค่าของความรักได้ดีกว่านี้.. และไม่อยากเห็นผู้หญิงสักกี่คน
ที่ต้องถูกทำร้าย (แบบที่ฉันเป็น) อีกเลย..นะเธอ..
------> ผ่านไป 3 วัน กับ 2 คืน เหตุการณ์ดูเหมือนจะเป็นปกติ.. แต่มีเพียง สิ่งนึงที่เปลี่ยนแปลงไป..
จิตใจที่แข็งแกร่ง.. ไม่มีน้ำตาอีกต่อไป.. ฉันเข้าใจสัจธรรมของความรักได้ดียิ่งขึ้น..
ความรัก กับ ความขมขื่น หากฉันจะรักใครสักคนอีก.. อย่างน้อยฉันควรจะเป็นบุคคลที่เลือก
(มิใช่ถูกเลือก) จะไม่มีทางให้เป็นเหมือนเดิมอีกต่อไป.. เรื่องนี้ขออุทิศให้แด่..ใจอ่อน ๆ ของตัวเองที่ไปหลงคารมปาก
ของคนที่บอกว่าตัวเองอกหักมา..เมื่อแผลใจที่หายดีแล้วก็ทิ้งฉันไป.....
อยากเตือนตัวเองเสมอว่าจะไม่ใจอ่อนและเสียน้ำตาให้กับผู้ชายเฮงซวยแบบนั้นอีก..
ผู้ชายก็มีอยู่ทั่วโลก.. แต่จะมีผู้ชายดี ๆ สักกี่คนเนี้ยสิเป็นปัญหานะ.. ความรักก็มักเล่นตลกกับ
เราแบบนี้เสมอ.. คนที่เราคิดว่า ใช่ กับไม่ใช่อย่างที่เราต้องการ ไม่ว่าวันนี้ หรือพรุ่งนี้
เรายังมีสิ่งที่สำคัญต้องทำมากมาย.. วัน เวลาเลยผ่าน สิ่งต่าง ๆ เพิ่งเริ่มต้นเท่านั้นเอง
อย่ามาเสียเวลากับเรื่องไม่เป็นเรื่องอีกเลยนะ.. จะเป็นกำลังใจให้เพื่อน ๆ ที่เค้ามาอ่านพ็อกเก็ตบุ๊ค
ออนไลน์จากเรื่องจริงของเรา และจะเป็นกำลังใจให้คนที่กำลังอกหักนะคะ
ป.ล. จากเรื่องจริงของเราเองอาจจะใช้นามสมมุติแทนคนอื่นบ้างแต่ในที่สุดเรื่องแบบนี้
ก็เกิดขึ้นกับเราจนได้.....สู้ ๆ และเข้มแข็งไว้นะ ป๊อกกี้ผู้กล้าหาญ
ฟ้าหลังฝนย่อมดีกว่าทุกครั้งแหละน่า
20 กรกฎาคม 2548 13:41 น.
ชารอนจัง
."การที่เราจะคบหาหรือรู้จักใครสักคน
ไม่ว่าจะในฐานะอะไรก็ตาม
สิ่งหนึ่งที่ควรท่อง ควรจำไว้อยู่เสมอก็คือ
คน เป็นสิ่งมีชีวิต ที่มีทั้งด้านบวก
และด้านลบ อยู่ในนั้น
อย่าตั้งใจกับคน 1 คนมากเกินไป
เพราะไม่มีใครอยากเป็นต้นเหตุของความล้มเหลว
อย่าคาดหวังกับ คน 1 คนมากเกินไป
เพราะไม่มีใครสามารถเป็นทุกอย่าง
ที่ทุกคนอยากให้เป็น
อย่าให้เวลากับคน 1 คนมากเกินไป
เพราะไม่ว่าใครก็อยากมีช่วงเวลา
ของความเป็นส่วนตัว. . . คนเดียว ....
อย่าพยายามเปลี่ยนแปลงคน 1 คนมากเกินไป
เพราะนั่นจะทำให้เค้าไม่หลงเหลือความเป็นตัวของตัวเอง
อย่าควบคุมชีวิตคน 1 คนมากเกินไป
เพราะมนุษย์มักจะหาวิธีการแทรกตัว
เพื่อออกมาจากกฎที่ถูกกำหนด
อย่าบีบบังคับคน 1 คนมากไปกว่านี้
เพราะถ้าคนๆนั้น หลุดจากภาวะบีบบังคับมาได้
คุณจะกลายเป็นคนที่ถูกหันหลังให้ในทันที
เธอ. . . ลองมองดูฉันดีๆ ฉันมีลมหายใจ
ไม่ใช่ภาพวาด ที่จะสวยงามอยู่ตลอดเวลา
ฉันเองก็เป็น คน
เป็นสิ่งมีชีวิตที่มี 2 ด้าน. . . เช่นกัน
...อยากรู้จักใครสักคน ต้องหัดเรียนรู้ ไม่ใช่เปลี่ยนแปลง
20 กรกฎาคม 2548 13:38 น.
ชารอนจัง
"ตั้งแต่แรกเริ่ม ครอบครัวของหญิงสาวก็กีดกั้นไม่ให้หญิงสาวคบกับชายหนุ่ม
บอกว่าบ้านชายหนุ่มไม่มีฐานะเทียบเท่าบ้านเธอ ถ้าหญิงสาวไปอยู่กับชายหนุ่มก็จะต้องทนลำบากทั้งชีวิต
ความกดดันจากทางบ้านทำให้หญิงสาวอารมณ์ไม่ค่อยดีเสมอ และทะเลาะกับชายหนุ่มอยู่เรื่อย
หญิงสาวนั้นรักชายหนุ่มมาก เธอถามชายหนุ่มบ่อยครั้งว่า "เธอรักฉันมากขนาดไหน?" แต่ชายหนุ่มเป็นคนพูดไม่เก่ง ทำให้หญิงสาวโกรธเขาหลายครั้ง บวกกับคำพูดของพ่อแม่เธอ ยิ่งทำให้หญิงสาวอารมณ์เสียมากยิ่งขึ้น
ชายหนุ่มจึงกลายเป็นที่ระบายอารมณ์ของเธอ เขาก็ทนยอมรับอย่างเงียบๆโดยไม่ว่าหญิงสาวเลยสักคำ
หลังจากนั้น ชายหนุ่มเรียนจบมหาลัยแล้ว ตัดสินใจจะไปเรียนต่อที่ต่างประเทศ ก่อนไป เขาเอ่ยปากขอแต่งงานกับหญิงสาว "ผมอาจจะเป็นคนพูดไม่เก่ง ปากไม่หวาน แต่ผมรู้ว่าผมรักคุณมาก ถ้าคุณตกลงใจยินดี
ผมก็จะดูแลปกป้องคุณตลอดชีวิต สำหรับครอบครัวคุณ ผมจะพยายามทำให้พวกเขายอมรับในตัวผม แต่งงานกับผมเถอะนะ ได้ไหม?" หญิงสาวตอบตกลงชายหนุ่ม และด้วยความพยายามของชายหนุ่ม พ่อแม่ของหญิงสาวก็ยอมรับเขา ในที่สุด ชายหนุ่มและหญิงสาวได้หมั้นกัน ก่อนที่ชายหนุ่มจะไปเมืองนอกไม่นานนัก
ชายหนุ่มไปเรียนหนังสืออยู่ต่างแดนเพียงลำพัง ส่วนหญิงสาวก็คงยังอยู่ภายในประเทศ และออกมาทำงานแล้ว
ชายหนุ่มไม่อาจกลับมาเยี่ยมหญิงสาวได้ เพราะเขาต้องใช้เงินอย่างประหยัด ส่วนหญิงสาวก็ไม่มีเวลาไปหาชายหนุ่มได้ ทั้งสองจึงได้แต่เพียงติดต่อกันผ่านโทรศัพท์และจดหมาย แต่ถึงกระนั้นความสัมพันธ์ของทั้งสองคนก็คงยังมั่นคงมิได้เปลี่ยนแปลงสักนิด วันหนึ่ง หญิงสาวออกจาก
บ้านไปทำงานตามปกติ ระหว่างทางที่เดินไปสู่ป้ายรถเมลล์ มีรถคันหนึ่งได้พุ่งตรงเข้าหาเธอ............เมื่อหญิงสาวฟื้นขึ้นมา เธอเห็นพ่อแม่อยู่ข้างเตียง
ถึงเพิ่งรู้ว่าเธอประสบอุบัติเหตุและบาดเจ็บสาหัส โชคยังดีที่ว่าไม่ถึงกับชีวิต หญิงสาวเห็นพ่อแม่เธอร้องไห้โศกเศร้าไม่หยุด จึงเอ่ยปากคิดจะปลอบโยนพวกเขา แต่เธอได้พบว่า... เธอพูดอะไรออกมาไม่ได้เลยสักคำ
เธอพยายามที่จะเปล่งเสียงออกมาให้ได้ แต่ก็ทำได้แค่มีเสียงคล้ายเสียงหอบเท่านั้น หญิงสาวกลายเป็นใบ้ไปเสียแล้ว...หมอบอกว่าเพราะอุบัติเหตุครั้งนี้ หญิงสาวนอกจากบาดเจ็บที่ขาแล้ว สมองยังถูกกระทบกระเทือน
เพราะฉะนั้นหญิงสาวจะพูดอะไรไม่ได้อีกเลยชั่วชีวิต หญิงสาวได้แต่รับฟังคำปลอบโยนของพ่อแม่เธอ แต่เธอไม่สามารถที่จะตอบอะไรได้เลย หญิงสาวสิ้นหวังแล้ว...หญิงสาวได้แต่ร้องไห้ไม่หยุดทั้งวันทั้งคืน...
หลังจากนั้น หญิงสาวออกจากโรงพยาบาลและพักอยู่ที่บ้าน ทุกสิ่งทุกอย่างก็ยังเป็นเช่นเดิม มีแต่เพียงเสียงโทรศัพท์ในห้องเธอ กลายเป็นฝันร้ายที่มาทรมานเธอ แต่ละครั้งที่เสียงโทรศัพท์ดัง เป็นเหมือนดังมีดคมทิ่มแทงเข้าไปในใจเธอ ความทรมานที่เธอต้องทนรับก็ไม่อาจจะบอกให้ชายหนุ่มรู้ได้ เธอไม่อยากเป็นตัวถ่วงของเขา
จึงเขียนจดหมายบอกชายหนุ่มว่าเธอไม่อยากจะรอเขาอีกต่อไป เธอกับเขาจบสิ้นกันแล้ว และเธอก็ส่งแหวนหมั้นกลับไปให้เขาด้วย หญิงสาวไม่รู้จะทำอย่างไรได้กับจดหมายและโทรศัพท์ของชายหนุ่มที่มีมาไม่ขาด
เธอได้แต่น้ำตาไหลรินเต็มหน้าทุกวัน พ่อของหญิงสาวไม่อาจทนเห็นเธอต้องทนทรมานเช่นนี้อีกต่อไป จึงตัดสินใจย้ายบ้าน หวังอยากให้หญิงสาวลืมความทุกข์นั้นและอยู่อย่างมีความสุขมากกว่านี้ เมื่อเปลี่ยนสภาพแวดล้อมแล้ว หญิงสาวก็ดีขึ้นหน่อย เธอค่อยๆหัดเรียนใช้ภาษามือแทนคำพูด ทุกสิ่งทุกอย่างก็เริ่มต้นใหม่
เธอบอกกับตัวเองเสมอว่าให้ลืมชายหนุ่มเสีย วันหนึ่ง เพื่อนสนิทของหญิงสาวบอกกับเธอว่า ชายหนุ่มกลับมาแล้ว และออกตามหาเธอไปทั่ว หญิงสาวขอร้องเพื่อนเธอว่า อย่าบอกเรื่องของเธอให้ชายหนุ่มรู้ และให้เขาลืมเธอเสีย หลังจากนั้น เธอก็ไม่ได้รับรู้ข่าวคราวของชายหนุ่มอีกเลย เวลาผ่านไปได้ปีกว่า เพื่อนของหญิงสาวมาบอกกับเธออีกว่า ชายหนุ่มจะแต่งงานแล้วและขอร้องให้เธอเอาการ์ดแต่งงานมาให้หญิงสาว หญิงสาวได้รับฟังแล้วก็เศร้าใจมาก เธอเปิดการ์ดนั้นด้วยมือสั่น แต่กลับเห็นชื่อเธอเองบนการ์ดใบนั้น เมื่อหญิงสาวกำลังจะถามเพื่อน ชายหนุ่มก็มาปรากฏตัวอยู่ต่อหน้าเธอ ใช้ภาษามือที่แข็งกระด้างบอกกับหญิงสาวว่า "ผมใช้เวลาปีกว่าที่ผ่านมา บังคับให้ตัวเองหัดใช้ภาษามือให้ได้ เพื่อที่จะบอกกับคุณว่า ผมไม่เคยได้ลืมสัญญาระหว่างเราสองคนเลย โปรดให้โอกาสผมได้เป็นเสียงให้แทนคุณ ผม-รัก-คุณ" หญิงสาวมองอ่านภาษามือของชายหนุ่ม และเห็นแหวนที่เธอคืนเขาไปในตอนแรก ในที่สุดหญิงสาวก็ยิ้มออกมา...
20 กรกฎาคม 2548 13:35 น.
ชารอนจัง
สิ่งที่ดูเหมือนว่าอยู่ใกล้.. แต่จริง ๆ แล้วดูเหมือนว่าไกลห่าง.. อยากจะเอื้อมมือคว้า แต่ก็คงทำไม่ได้ เพราะเธออยู่ไกลเกินไป.. ฉันไม่อาจเคียงข้าง เพราะรอบกายเธอ..มีหมู่ดวงดาวน้อย ใหญ่อยู่เรียงราย รอบกายเธอ..แต่..ฉันเป็นเพียงแค่สายธาร ที่สะท้อนเงาของเธอ.. ในยามที่เธอส่องแสงลงมา ในค่ำคืน..ที่เงียบเหงา แต่ก็ยังมีเธออยู่เคียงข้าง บั่นทอนความเงียบสงัด..หากวันใดแสงจันทร์ถูกเมฆบดบังไป.. สายธารของหัวใจก็คงต้องแห้งหายไปจากแม่น้ำ..
ในค่ำคืนที่เงียบสงัด.. คงมีแต่เสียงลมไหว..ใบไม้เอน.. หมู่หิ่งห้อยส่องแสงระยิบระยับ.. ส่องทางให้คนที่พรัดพรากจากไกล..กับมาหาคน ๆ เดิม.. แสงจันทร์ส่องแสง..ลงมา สะท้อนลงสู่แม่น้ำสายธาร.. ลมพัดระลอกคลื่นเป็นสาย ๆ คล้าย ๆ กับพระจันทร์กำลังเต้นระบำกับแม่น้ำ.. คืนนี้มีจันทร์เป็นเพื่อน.. แม่น้ำเลยดูไม่เงียบเหงา จันทร์จ๊ะ..จันทร์จ้าว จันทร์นี่ช่างโชคดีสะยิ่งกะไร..จันทร์คงไม่เคยอ้างว่าง เพราะมีดวงดาวน้อยใหญ่อยู่เคียงข้าง..แต่แม่น้ำนี่สิ..กลับโดดเดียวและอ้างว้างเหลือเกิน.. สายธารอันกว้างใหญ่ สุดสายตา.. กลับดูเงียบเหงา..
ยามแสงแดดส่องแสงมา.. มันทำให้จิตใจร้อนรุ่มเหลือเกิน..ถูกแสงแดดแผดเผา..จนระเหยกลายเป็นไอ..
แต่เมื่อยามค่ำคืนมาถึง แสงจันทร์ปรากฏกายออกมา.. มันทำให้ข้า..อบอุ่นใจเหลือเกิน.. จันทร์จ้าวข้า..ได้โปรดเถิดช่วงปันทอนความเงียบเหงา..ของข้าไปที..ันทร์จ้าวข้า..ได้โปรดเถิดช่วงปันทอนความเงียบเหงา..ของข้าไปที..