11 พฤศจิกายน 2549 00:05 น.
ชลนทีธารา
จะกู่ก้องร้องตะโกนคำว่ารัก
แม้นใจจักไม่จริงดังคำหวาน
จะร้องบอกคำลวงให้กังวาน
สั่นสะท้านทรวงร้อนพร้อมประจัญ
ให้นางเคลิ้มใหลหลงปลงเปลื้องผ้า
เปลือยอุราอวดองค์ปทุมถัน
เล้าโลมลูบไล้ลิ้นรุกโรมรัน
จนชูชันครวญครางซ่านรสลิ้น
กระสันร่านซ่านกำหนัดชงัดสอด
ดันศรลอดหลืบกุหลาบสะดุ้งดิ้น
ค่อยชะลอดันดุนจนคุ้นชิน
ประสานศิลป์ลีลา กายกาม
พอเสร็จสมโอนอ่อนครางกระเส่า
สิ้นสิ่งเร้าเย้ายวนให้ครวญถาม
มองนวลน้องนอนระทวยด้วยรสกาม
ปล่อยร่างงามกอดคำหวานแล้วจากไป
หว่านคำหวานรักล้นดั่งฝนฟ้า
ซูซ่าซาจางหายหาคงไว้
คำรักยิ่งไม่เคยจริงออกจากใจ
เพียงพริ้วไหวลมปากกำหนัดพา
จนคราวเหงาเดียวดายใคร่ครวญคิด
ทั้งชีวิตกี่คนหนอเคยคบหา
แล้วมีไหมคาใจยามเลิกรา
หรือใจชาชีวิตเรารักไม่เป็น
6 พฤศจิกายน 2549 18:06 น.
ชลนทีธารา
มืดมนไม่มีแม้เมฆ
เสาะเสกสสารสิ้นสม
คิดคับเค้นแค้นค้นคม
ตรอมตรมตายตรึงติดเตียง
เดียวดายเดินดูดาวดาษ
เกรี้ยวกราดเก็บก้อนกรวดเกลี้ยง
ละลิ่วลอยล่องลมเลี้ยง
ขว้างเขวี้ยงเขลาขลาดข้องขู่
จึ่งจดจิตจ้องใจจ่อ
รั้งรอเรียงร้อยเรียนรู้
ฟาดฟั่นฟอนเฟอะฟื้นฟู
ภูมิภูโภคภัยภัพภา
แปรปรวนปวกเปียกปรุงปรับ
หยุบหยับใหลหลงหนับหนา
เมียงมองม้วยมรรคมุ่งมา
พึงพาพ้นพาลพบพุฒิ
5 พฤศจิกายน 2549 18:52 น.
ชลนทีธารา
กระทงน้อย ธูปปัก เปลวเทียนส่อง
ละลิ่วล่อง ลอยเลาะ ลำธารไหล
โค้งคดเคี้ยว เลี้ยวว่อง ล่องรอดภัย
สายธารใส สะท้อนเทียน เคียงจันทรา
กระทงน้อย ลอยคว้าง กลางธารเปลี่ยว
ธาราเชี่ยว เกรี้ยวส่ง กระทงถลา
เอียงกระเท่ เร่ไป ตามแรงพา
เปลวเทียนล้า ฟ้าหม่น มืดกลืนหาย
กระทงน้อย ลอยเอื่อย เปลือยไร้กลีบ
แต่ประธีป โชตแสง แรงเหลือหลาย
วิปโยค ผ่านพ้น เมฆเคลื่อนคลาย
จันทราฉาย ร่ายแสง ธาราพราว
กระทงน้อย ลอยล่อง ตามธารเรื่อย
บ้างเร่งเฉื่อย เอื่อยเอียง บ้างชนร้าว
สุดท้ายจบ จมลง ยามถึงคราว
ดั่งเรื่องราว ชีวิตคน เดินตามทาง