29 ตุลาคม 2548 11:45 น.

เพราะใจรู้ฤดูกาล..

ชลกานต์

เสียงสายลมเคาะหน้าต่างน้ำค้างใส
เปิดห้องใจให้รับรู้ฤดูหนาว
หนาวเพียงหมอกหยอกเย้ากระเซ้าดาว
แต่ใจกลับอุ่นราวอุ่นภายใน

สายลมวาดเรียวหญ้าให้อ่อนพลิ้ว
ดังมีนิ้วจิตรกรผู้อ่อนไหว
สายลมส่งผีเสื้อเรื่อปีกไป
มอบชีวิตจิตใจให้เบิกบาน

ดอกไม้สาวสวยสะพรั่งเต็มฝั่งพื้น
เจ้าชายผีเสื้อตื่นมาขับขาน
บทกวีเช้าหอมกล่อมดวงมาน
ฤานี่คือฤดูกาลแห่งความรัก

แว่วได้ยินใบไม้ยามไหวว่อน
เหมือนได้ยินคำอ้อนให้ผ่อนหนัก
เช้าทุกเช้ายังมีเพื่อนทายทัก
หยอกคนที่รู้จักดังเช่นเคย

บทเพลงแห่งแสงแรกแว่วดังมา
ปลุกวิญญาเสรีให้ปีกเผย
บินออกนอกหน้าต่างทางลมเชย
โอเพื่อนเอ๋ยเรารู้ฤดีกาล
				
27 ตุลาคม 2548 17:20 น.

เพราะมิใช่คนไร้หัวใจรัก..

ชลกานต์

ดูเช้านี้เมฆฟ้ากระซิบฝัน
กับตะวันดวงใสในรุ่งสาง
ฉันรอเธอเสมอบนหนทาง
ไร้ทุกสิ่งกั้นกลางระหว่างเรา

หากฉันเป็นยอดหญ้าท้าแดดฝน
เฝ้าหยัดตนผ่านผันวันสุขเศร้า
หวังให้เธอนั้นเป็นเช่นแสงเงา
ที่พริ้งเพราปรากฎอยู่รอบกาย

หากฉันเป็นฝุ่นดินถิ่นกันดาร
มองคนผ่านไปสู้สู่จุดหมาย
หวังให้เธอเป็นลมพรมฝุ่นทราย
พาฉันว่ายล่องไล้ไปด้วยกัน

หากฉันเป็นความเยือกเย็นเหนือสิงขร
จนคนจรเหน็บหนาวร้าวเกินฝัน
หวังให้เธอเป็นแรงใจไปผลักดัน
กองไฟนั้นจึงก่อทออุ่นไอ


แต่ฉันจะไม่ขอเป็นสิ่งหนึ่ง
ความลึกซึ้งที่ปราศจากการสงสัย
ฉันไม่ขอเป็นคนร้างหัวใจ
ไร้ฝันใฝ่และไร้ซึ่งความรัก 


คงสิ้นเมฆสิ้นฟ้ากระซิบฝัน
แล้วจะเหลือใดกันให้ตระหนัก
ร้างจิตใจบนหนทาง ถามไถ่-ทัก
ทุกวันจักยิ้มแย้มได้อย่างไร..
				
12 ตุลาคม 2548 23:24 น.

หากฉันเขียนกลอนหวาน แต่กลับเศร้า

ชลกานต์

ฉันจะเขียนกลอนหวานให้อ่านไหม
จากดวงใจคนนี้ที่สิ้นหวัง
แปลกนะเธอไยโลกมีความชัง
ทั้งที่ความรักยังสวยงดงาม

ฉันจะเขียนกลอนหวานแต่กลับเศร้า
นะไม่เอาเริ่มใหม่ไม่ต้องถาม
ว่าฉันเศร้าอะไรในโมงยาม
แค่ฉันตามหารักยังไม่เจอ

กลางสงครามยังมีไหมดอกไม้
จะมีไหมดวงใจใครเสนอ
หากมีคงวิเศษและเลิศเลอ
เพราะแค่นั้นที่เจอคงสุขนัก..


อืม..ฉันว่าฉันจะเขียนกลอนหวาน
แต่กลับดูร้าวรานดังอกหัก
เธอจะยังอ่านไหมนะที่รัก
เพราะทุกวรรคไม่อาจเห็นยิ้มแย้ม

โปรดมาช่วยฉันเขียนสักคำหวาน
เขียนดอกไม้ให้บานอยู่ข้างแก้ม
เขียนเดือนดาวพราวพริบขลิบเมฆแกม
มาแต่งแต้มวรรคนั้นให้มันดี

แต่อย่าลืมเอามานะความรัก
แม้นแตกหักก็ยังมีศักดิ์ศรี
เพราะเรารักเราจึงเขียนวลี
แม้นมิใช่บทกวีที่งามนัก

แล้วสักเสี้ยวความรักเราคงพบ
โลกสงบใบน้อยพลอยผ่อนหนัก
หากได้เห็นดอกไม้ไกวใบทัก
ฉันจะตักตวงไว้ให้ลึกซึ้ง.........				
12 ตุลาคม 2548 16:59 น.

คนเขียนกลอน..

ชลกานต์

เชิญดอกไม้ใหญ่น้อยร่วมร้อยรุ้ง
มาประปรุงวลีที่ฉันเขียน
เชิญดาวรายพรายงามตามมาเจียร
ใต้แสงเทียนเราหลอมไปพร้อมกัน

ดูบางคนค้นความล้ำคำเลิศ
คอยเฝ้าเปิดดวงใจใฝ่สร้างสรรค์
ดูสิมีหิ่งห้อยพลอยวอมจันทร์
บินมาจากวรรคนั้นเขาบรรจง

โน่นผีเสื้อวัยเยาว์เล่าของใคร
ใส่เสื้อใหม่อวดบินถึงถิ่นหงส์
เพียงพบปะผละจากผละขึ้นลง
ทั่วทั้งดงแดนดินถิ่นวนา

อาจมีใครไหวหวั่นจนพลันเสก
ให้ดอกเมฆร่วงหล่นเป็นฝนหนา
แทนความรักหักเหี้ยมเสี้ยมอุรา
แทนน้ำตาเขานั้นวันเธอเมิน

แดนของเราเขาใครจะไปถึง
ด้วยเสพย์ซึ้งวลีที่ขัดเขิน
เพราะมิใช่กวีมีคำเพลิน
แค่นิพนธ์คนเดินความตามใจ

เราไปมาหากันทุกบรรทัด
ไปเป่าปัดปลุกปั้นปะคำไข
เกินจะนึกลึกเกินว่าทำไม
เพียงเราได้ดื่มด่ำคำก็พอ..				
10 ตุลาคม 2548 11:58 น.

ตุลาคมที่รัก..

ชลกานต์

สวัสดีตุลาคมแห่งลมหนาว
แว่วยินข่าวน้ำค้างกลางหมอกหนา
ถึงฤดูไม้ดอกบานหยอกตา
เช้าจะช้าบ่ายแดดแก่แต่ค่ำไว

เราจากกันวันที่หนึ่งพฤศจิกา
จนเวียนมาใจสบพบกันใหม่
คงได้เห็นเธอพริ้มยิ้มละไม
มิหวั่นไหวเหว่ว้าคราเงียบงัน

ทุ่งนาปีนี้เหลืองรอเปลื้องรวง
แสงจันทร์ยวงรอพร่างกองฟางฝัน
หริ่งเรไรไล่เสียงพร้องเพรียงกัน
พฤกษ์ช้ำพลันช่อชื่นดูรื่นรมย์

สวัสดีตุลาคมที่ฉันรัก
กลางหมอกถักก่อไฟไออุ่นห่ม
ยอดดอยหนาวดาวชัดถนัดชม
ปล่อยสายลมเย้าแย้มเกลี่ยแก้มบาง

อรุณรุ่งทุ่งฟ้าราวระยิบ
แดดลงจิบแสงจับขยับร่าง
เด็กวิ่งเล่นเส้นฝุ่นหมุนคว้างคว้าง
ปนควันจางกลิ่นชื้นฟืนและซัง

สงบงามตามแบบตุลาคม
หนาวประสมอุ่นประสานหวานแววหวัง
ก่อนเธอจะจากไปในลำพัง
โปรดหยุดฟัง..ฉันรักเธอตุลาคม				
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟชลกานต์
Lovings  ชลกานต์ เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟชลกานต์
Lovings  ชลกานต์ เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟชลกานต์
Lovings  ชลกานต์ เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงชลกานต์