26 พฤษภาคม 2550 15:57 น.
ชมพูภูคา J.
เมื่อไม่อาจหยุดการเข่นฆ่า
แรงปรารถนาสิ้นสัมฤทธิ์ผล
ก็เหนื่อยแรงป่าวร้องดิ้นรน
เกินหลุดพ้นวิกฤติศรัทธา
สองมือจึงยังคงแปดเปื้อน
ดวงตาพร่าเลือนโหยหา
สันติภาพความฝันอันลวงตา
อยู่บนความหวาดผวาต่อไป
นกกระดาษโปรยปรายมาหลายครั้ง
ไม่เคยหยุดยั้งความตายเอาไว้ได้
หลายสิบล้านแทนรักจากใจไทย
จมอยู่ใต้คราบเลือดประชาชน
ฉันไม่มีอะไรจะให้
แค่ดอกไม้ไร้ค่าข้างถนน
มิอาจเทียบเปรียบดอกไม้เพื่อมวลชน
สำหรับกำลังใจเพื่อใครสักคนก็พอ
16 พฤษภาคม 2550 21:17 น.
ชมพูภูคา J.
ก่อกองฟืนผิงไฟได้คลายหนาว
ฟ้าพร่างพราวดาวสวยช่วยส่องแสง
เหน็ดเหนื่อยนักพักกายได้ผ่อนแรง
ใจแห้งแล้งกอดคอก่อกองไฟ
ยินสรรพเสียงหลากสำเนียงเข้าคลอเคล้า
ใต้ร่มเงาหอมกรุ่นกลิ่นดอกไม้
สายธาราลดเลี้ยวลัดเลาะไกล
หริ่งเรไรร่ำร้องกล่อมโลกา
ร้อยรำพันบทกลอนนอนทอดถอน
ใจคนจรร้าวรอนคนึงหา
อยู่ห่างบ้านห่างเมืองไกลลับตา
มาแรมร้างโรยราอยู่ผาภู
ก่อกองฟืนผิงไฟได้คลายหนาว
ห่มแสงดาวพราวฟ้าน่าอดสู
แม้ข้างกายรายล้อมเพื่อนพ้องอยู่
หากไร้คู่เคียงข้าง...อ้างว้างใจ
13 พฤษภาคม 2550 13:59 น.
ชมพูภูคา J.
หยาดน้ำค้างโปรยปรายในสายหมอก
ระลอกคลื่นคลี่คลุมทั่วขุนเขา
เอื้อมมือคว้าหายวับไปกับเงา
ฤาความเหงาซ่อนเร้นมิเว้นวัน
..............................................
ขอซอกซอนเรื่อยไปไม่รู้ทิศ
ไม่ยึดติดปล่อยวางเส้นทางฝัน
ไม่ขออยู่สู้ทนจนนิรันดร์
ไม่มุ่งมั่นฟันฝ่าคว้าสิ่งใด
.................................................
ซุกกายแนบแอบหัวใจให้ไออุ่น
รออรุณรุ่งเช้าเข้าโลมไล้
เมื่อแสงทองทาบทอขอบฟ้าไกล
ความหวั่นไหวลอยลับกับเวลา
...................................................
หยาดน้ำค้างสิ้นสลายพร้อมสายหมอก
ความช้ำชอกบอกลาอย่าโหยหา
ชีวิตนี้ขอชดใช้ทุกสิ่งที่ผ่านมา
หยาดน้ำตาแห้งหายสุดท้าย...พอ