19 มีนาคม 2550 21:07 น.
ชมพูภูคา J.
๑ เก็บถ้อยมาร้อยเรียงภาษา
อักษราระริกหวานหวั่นไหว
แทรกคำรักถักทอเป็นสายใย
ฝากหัวใจประดับไว้ในดวงตา
๑ เหม่อมองฟ้าคืนค่ำใจร่ำร้อง
ท่วงทำนองแปลบปร่าละห้อยหา
ใจรวนเรเร่ร่อนรอนแรมมา
แสนเหว่ว้าเดียวดายใต้แสงจันทร์
๑ ลมรัญจวนพัดหวนกลิ่นนวลเนื้อ
หอมกลิ่นเจือไออุ่นคุ้นดั่งฝัน
สายลมรักก่อร่างเป็นรางวัล
ร้อยรำพันคำรักหนักแน่นทรวง
๑ แม้พรุ่งนี้สิ้นไร้ร่องรอยไว้
รอยอาลัยสถิตย์แน่นแสนห่วงหวง
ถ้อยคำรักเรียงร้อยเหนือถ้อยลวง
ฤาหลงบ่วงเล่ห์รักร้ายผ่านสายลม
14 มีนาคม 2550 21:06 น.
ชมพูภูคา J.
เพราะไม่อยากให้ถึงวันนั้น
วันที่ความใฝ่ฝันจะลับแสง
เคยลุกโชนอ่อนล้าไร้เรี่ยวแรง
ทำเสแสร้งหยัดยืนสู้ฝืนทน
เพราะไม่อยากให้ถึงวันนั้น
คำสัญญาหรือไรก็ไร้ผล
รำพึงรำพันร่ำไรแค่ใจคน
เพียงลมบนพัดหายไม่เหลือเงา
เพราะไม่อยากให้ถึงวันนั้น
ยามตะวันลาลับเหลี่ยมเขา
แม้กู่ก้องร้องหาอยู่นานเนา
เจ้ายิ้มเศร้าหม่นหมองก่อนร่ำลา
เพราะไม่อยากให้ถึงวันนั้น
วอนดวงจันทร์รั้งรอขอเถิดหนา
ค่ำคืนนี้ไร้สิ้นแสงดารา
โอ้จันทราขออย่าเพิ่งร้างไกล
เพราะไม่อยากให้ถึงวันนั้น
วันที่ฉันสิ้นสูญความฝันใฝ่
เรือลำน้อยล่องลอยคล้อยเคลื่อนไป
หยุดที่ใดใจดวงนี้ดับสิ้นลง
เพราะไม่อยากให้ถึงวันนั้น
ดวงชีวันผลาญเผาเป็นเถ้าผง
ด้วยรักน้อยนิดมิอาจดำรง
สิ่งยืนยงแน่แท้คงไม่มี
6 มีนาคม 2550 17:17 น.
ชมพูภูคา J.
๑ หนาวเนื้อ...ห่มเนื้อ...ฤาหายหนาว
ค่ำคืน...ดาวสวย...ห่มฟ้าใส
คนจร...เหน็บหนาว...แทบขาดใจ
เงาไม้...ห่มแทน...แนบเนื้อนวล
๑ แรมรอน...อ่อนล้า...เรี่ยวแรงอ่อน
เอนกาย...หนุนนอน...หอมกลิ่นหวล
หมอกพราว...พร่างพราย...กายรัญจวน
คร่ำครวญ...ปริ่มปร่า...น้ำตาริน
๑ เก็จแก้ว...ส่องประกาย...ปลายยอดหญ้า
เก็จน้ำตา...พร่าพราย...กรายใกล้สิ้น
ทั้งเช้าค่ำ...ทำมา...หาเท่ากิน
มิยลยิน...สะสม...ทรัพย์สินใด
๑ ทิ้งตะวัน...ฝันสุดท้าย...ละลายน้ำ
ฝากลำธาร...สายธารา...ให้หลั่งใหล
เหนื่อยนักฝัน...ยิ่งถลำ...ยิ่งห่างไกล
ขอเพียงหัวใจ...โบยบิน...เท่านี้พอ
ชีวิตร่าเริง
ใครๆ ย่อมใฝ่ฝันจะมีชีวิตแบบนี้
มองโลกในแง่ดี ทั้งที่รอบกายเต็มไปด้วยภัยร้ายแอบแฝง
อยากหัวเราะแม้ว่าเวลานั้นน้ำตาจะนองหน้า
ลุกขึ้นได้ทุกคราไม่ว่าจะล้มสักกี่ครั้ง
หากชีวิตร่าเริง...
พบได้เฉพาะในโลกของคนบ้า
ฉันขอทิ้งโลกใบนี้อย่างไม่แยแสเป็นคนแรก
กับบางวัน... เหนื่อย... ล้า
เหนื่อยหัวใจ...สิ้นดี... เลยฟ่ะ...
แ_ งเอ๊ย อยากจะบ้า !
2 มีนาคม 2550 12:01 น.
ชมพูภูคา J.
๏หนาวลมห่มผ้า คือสิหายหนาวน้อ
หนาวฟ้าก่อไฟผิง อิงเนื้อหน้า
ข้าหนีหนาวลมแล้งลำเค็ญลา
ดั้นด้นมาทอดร่างรับหนาวเมือง๚
๏เสื่อหมอน บ่มีดอก เทวดาเอ๋ย
ร่อนรำเพย เป็นนก ขมิ้นเหลือง
เหลืองซีดเซียว แรงทรุด แสนขัดเคือง
หลายเรื่องรุมเร้า เผาใจร้อนรน๚
๏ไร่นา สาโท โอ้,แล้งเหลือหลาย
ซ้ำเจ้านาย ไล่ที่ เจ้าหนี้มาขน
เหลือกอบมือ ก็ปลิว เป็นแกลบปน
อับจนแท้ เด้อ จึงจรจากมา๚
๏ลูกหลานเล่า หนีหาย เมื่อนานแล้ว
ไร้วี่แวว ข่าวคราว จะค้นหา
เที่ยวตะลอน ขอทาน คนเมตตา
ตามประสา คนทุกข์ พเนจร๚
๏ค่ำมืด จึงล้มตัว นอนที่นี่
คืนพรุ่งนี้ ย้ายหนี คนหมิ่นหมอน
คืนต่อไป แล้วแต่พอ ซุกตัวนอน
โอ้, ขมิ้นเหลืองอ่อน...ปีก ล้า เอย๚
1 มีนาคม 2550 09:21 น.
ชมพูภูคา J.
เจ้านกขมิ้นเหลืองอ่อน
ค่ำนี้จะนอน ณ หนไหน
ฟ้ามืดเดือนดับทางแสนไกล
เกาะเกี่ยวคอนไหนใต้ฝุ่นเมือง
ปีกเจ้าบางกางกล้าท้าแดดฝน
เที่ยวซุกซนทั่วแคว้นแดนลือเลื่อง
ปรารถนาได้เห็นความรุ่งเรือง
นามกระเดื่องเมืองใหญ่ใคร่ได้ยล
โบยบินไปหัวใจยังเริงร่า
เมืองมายาแดนฝันช่างสับสน
คนมากมายหากเหลี่ยมร้ายเล่ห์กล
ใจฉ้อฉลมาดหมายไร้ยางอาย
เจ้านกขมิ้นเหลืองอ่อนนอนผวา
ไร้ดาราท่ามฟ้างามยามเฉิดฉาย
หลากแสงสีปรุงแต่งมากมาย
อันตรายแฝงกายคืบคลาน
หวนคิดถึงฟ้าครามยามโผเล่น
ลมเย็นเย็นกระซิบแผ่วเสียงแว่วหวาน
หอมกลิ่นไอสายลมฉมชื่นบาน
เคยขับขานร้องร่ำลำนำไพร
ยามนี้ห่างอ้างว้างร้างไร้เพื่อน
โอ้ดาวเดือนเลื่อนลับฤาหลับใหล
อยู่โพ้นฟ้าฝั่งโน้นเป็นเช่นไร
น้ำตาไหลเปียกปอนนอนเดียวดาย