22 ธันวาคม 2549 07:11 น.
ชบาแดงสีเหลือง
ลาวันที่เลยคล้อย
ลาเดือนคอยจะเปลี่ยนเสริม
ลาปีจากที่เดิม
ลาคนเก่าที่เศร้าลา....
พบวันอีกวันใหม่
พบเดือนใดน่าค้นหา
พบปีกุนที่หมุนมา
พบดวงหน้ายิ้มละมุน
พบฉันเหมือนคนใหม่
พบเธอไว้ให้ใจอุ่น
พบรักยังเจือจุน
พบความคุ้นที่คุ้นเคย......
รักยังคงฉายแสง
รักมีแรงอยากเปิดเผย
รักมั่นมิร้างเลย
รักเอยรักนิรันดร์
ดวงตะวันยังอบอุ่น
จันทร์เจือจุนเธอและฉัน
ดวงดาวยังผูกพันธ์
เมฆสวยสรรยังงดงาม
ดอกไม้ยังแย้มยิ้ม
ดวงใจอิ่มปริ่มหวาบหวาม
ลำธารรินระเรื่อยตาม
เลื้อยลัดเลาะเกาะขอบภู...
สายหมอกบอกห่วงหา
สายลมพากระซิบหู
สายรุ้งคุ้งแนวคู
สายรักอยู่คู่สายใจ....
ขอรักจงคงมั่น
ขอเธอฉันจงแจ่มใส
ขอดีแผ่ทั่วไป
ขอน้ำใจมอบทุกคน....
21/12/49
.................................
/ชบาแดงสีเหลือง/
..++**++..++**++..++**++..++**++..
22 ธันวาคม 2549 07:07 น.
ชบาแดงสีเหลือง
อรุณใส ไขศรี ระวีส่อง
แสงแดดต้อง น้ำค้าง กลางหมอกหนาว
ดั่งดาวดาษ พริบพล้อย พร่างพลอยพราว
ดาริกา หลงห้วงหาว มาแดดิน....
ดอกฝ้ายผี สั่นหนาว ราวกลีบช้ำ
พอต้องแสง สายก็ฉ่ำ บานสดสิน
กลีบเหลืองอ่อน เบาบาง ร่างโสภิณ
ระริกริน รำร่าย กับสายลม....
เก็บบรรยากาศยามเช้า แห่งเมืองเชียงรายมาฝากค่ะ
19 ธันวาคม 2549 23:27 น.
ชบาแดงสีเหลือง
...เดือนดับ ดาวพร่าง กระจ่างหน
หนาวลมวน หม่นว้าง น้ำค้างหนาว
คืนหนาว คนหนาว และดวงดาว
เจ้าจะหนาว บ้างหรือเปล่า นะดาวดวง...
..เสียงปี่จุ่ม สะล้อ คลอซึงเศร้า
บรรเลงเร้า แล้วผ่าวหวาน ซ่านแดนสรวง
เสียงขลุ่ยอ้อ ขานออด พรอดเพลงลวง
ปี่จุ่มทวง ถามทัก รักเพลงลา...
..ดอกแก้วขาว พราวพร่าง มิร้างกลิ่น
โชยระริน พร่างรื่น ชื่นนาสา
ดึกแล้วหนอ กรอกลอนแก้ว ต้องแผ่วลา
ฝันดีหนา ฝันดีก่อน แล้วจรเลือน....
..เชิญขวัญเจ้า เนาว์เปล จะเห่กล่อม
ให้ลมล้อม อุ่นรัก ฝากเสมือน
ผ้าห่มหอม อ้อมอกแม่ มิแชเชือน
รักเสมือน มิ่งมิตร ชิดอาทร....
.. แล้วจับดาว เรียงดวง เต็มห้วงห้อง
มาให้น้อง คว้าเล่น เป็นอนุสรณ์
แห่งห่วงใย ให้เจ้า จงเข้านอน
สุขผันผ่อน พรุ่งนี้ พบพี่เอย.....
19 ธันวาคม 2549 21:31 น.
ชบาแดงสีเหลือง
....ยามดึกดื่น ลมหนาว ร้าวลอดฝา
ทะลุผ้า ห่มบาง ร่างสั่นไหว
คนจนยาก หนาวเนื้อ เจือทุกข์ใจ
คนรวยใย ยังตวงตัก ลักงบประมาณ......
...ยามกลางวัน ยังดี มีแดดส่อง
อาทิตย์ต้อง แสงมา พาไล่ผลาญ
ขับความหนาว ผ่าวไหว โบกในลาน
โอบชีวัน คนจนไร้ ให้ผ่อนเย็น....
...ถึงยามค่ำ ดำมืด ไร้จันทร์ส่อง
ก่อไฟกอง นั่งผิง อิงความเข็ญ
โอ้ทุกข์ยาก ทุกหน้าหนาว ร้าวลำเค็ญ
มองไม่เห็น ทางออก ถูกหลอกลวง...
..ค่านิยม สมัยใหม่ ให้ไทยรุ่ง
ส่งเสริมมุ่ง การศึกษา พาใหญ่หลวง
เด็ก ๆ ฝัน ฟุ้งเดินหน้า ทว่ากลวง
ใจไม่ห่วง ทิ้งวิถี ที่เคยเป็น...
..ทิ้งสิ่งดี ชีวิต แบบเก่าเก่า
ที่เคยเนาว์ แนบเนิ่น มิเขินเข็ญ
เคยปลูกฝ้าย ป่านปอ แล้วกรอเอ็น
ถักทอเป็น เครื่องใช้ ให้ห่มกาย....
.. สมัยย่า เคยทอ พนอถัก
สายใยรัก ให้หลานลูก ปลูกรักสาย
ด้วยผ้าห่ม ฝ้ายผ้า ล้าก็คลาย
ด้วยรักไหม สายสวาท ไม่คลาดกัน...
... เคยปลูกผัก หักฟืน สะอื้นล้า
บัดนี้มา วังเวง เพลงโศกศัลย์
ไม่เหลือใด แนวเก่า เฝ้ารำพัน
อยากย้อนวัน ชื่นสุข ปลุกคืนไทย....
8 ธันวาคม 2549 06:23 น.
ชบาแดงสีเหลือง
....อยากจะคล้อย รอยใจ ในอักษร
คำเว้าวอน กลอนกล่าว เล่าความหลัง
ว่าฉันเป็น คนที่พี่ มิเคยชัง
ยินเสียงสั่ง จากฟ้า พารำเพย...
....วันเดือนปี ผันผ่าน เนิ่นนานนัก
ที่เคยรัก ใยพี่ ยังหนีหาย
ปล่อยให้น้อง ขื่นขม ตรมใจกาย
ดั่งจะวาย ชีพปลง ลงทันใด...
....ยามที่เห็น เขาอยู่ กันเพียงสอง
ที่ในห้อง กรองกลอน อักษรใส
ยามเขางอน ง้อกัน ปั่นแปลบใจ
โอ้ไฉน เป็นเรา ที่เขาเมิน....
....ต้องตัดใจ จากไป นับแต่นั้น
เพื่อมีวัน เยียวยาใจ ไม่ขัดเขิน
แม้อาลัย ใจล้า กล้าเผชิญ
เราต้องเดิน ไปข้างหน้า อย่าอ่อนแอ...
....แม้ขมขื่น ก็ต้องฝืน ยืนสู้โลก
ลบรอยโศก ด้วยกลอน สุนทรแน่
แปรความเศร้า เอามากลั่น กวีแล
มอบรักแท้ แด่กวี นี้นิรันดร์.....
....ยังหนาวเหน็บ เจ็บร้าว หนาวความหลัง
เพียงภวังค์ ยังหลอนยุด ฉุดเหหัน
ไม่อยากให้ ประวัติศาสตร์ ซ้ำรอยวัน
พักชีวัน เงียบง่าย ที่ปลายดอย....