คืนวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๕๓ ที่ผ่านมา น่าจะเป็นคืนที่ผมและใครอีกหลายๆคนฉลองเทศกาลต้อนรับปีใหม่กันอย่างมีความสุข แต่ผมเลือกที่จะรอคอยใครบางคนด้วยหัวใจที่เปี่ยมสุข ๒๒.๓๐ น. ผมนั่งจมจ่อมอยู่หน้าจอคอมพ์ตัวโปรดด้วยความหวังเล็กๆ แม้ว่ามันจะลางเลือนเต็มทีก็ตาม ผมสู้อุตส่าห์ไม่ไปร่วมงานเลี้ยงฉลองนอกบ้านเพื่อรอเธอคนพิเศษของผมมานั่งนับย้อนหลังเค้าน์ดาวด้วยกัน ใช่ซินะ เธอเป็นคนพิเศษของผม แต่ผมล่ะจะเป็นคนพิเศษของเธอจริงๆหรือเปล่า สำหรับผมแล้ว หวังให้เธอมีส่วนร่วมในชีวิตผมเช่นค่ำคืนที่พิเศษเช่นนี้ ๒๓.๐๐ น. จิตใจผมเริ่มหวาดหวั่น หรือเธอจะปล่อยให้ผมฉลองคืนพิเศษนี้เพียงเดียวดาย แต่คงไม่หรอกน่ะ อย่างน้อยผมก็มีมิตรใหม่อีก ๑ คน ซึ่งมิตรใหม่บอกกับผมว่า จะอย่างไรก็ตามเธอจะอยู่เป็นเพื่อนผม เพื่อก้าวผ่านปีเก่าและย่างก้าวสู้ปีใหม่ไปด้วยกัน "น่า...พี่ใจเย็นๆซิ" มิตรใหม่ของผมพยายามปลอบใจผมเป็นครั้งที่เท่าไหร่ไม่ทราบได้ "น่า...นะ เดี๋ยวคนพิเศษของพี่ก็(คง)มาแหละ" "เดี๋ยวเธอคงมา" คำพูดนี้เหมือนเข็มอันแหลมคมที่ทิ่มแทงใจดำผมเข้าอย่างจัง ผมเจ็บจิ๊ดถึงขั้วหัวใจ ผมทราบดี มิตรใหม่ไม่ได้มีเจตนาจะตอกย้ำการรอคอยที่แสนว่างเปล่านั้น "ใช่ซินะ เราคงไม่ใช่คนพิเศษสำหรับเธอ" ผมจำได้ว่าผมตอบมิตรใหม่ออกไปเช่นนั้น "แหม...พี่คิดมาก ถ้าพี่ไม่ใช่คนสำคัญกับเธอ เธอคงไม่คบ,คุย จนป่านนี้แล้วล่ะ" "ความรู้สึกของคนเราไม่ใช่เรื่องล้อเล่นนะพี่ ความรู้สึกเป็นความผูกพันที่ยากจะลืมนะ" แหม...มิตรใหม่ของผมพูดเหมือนผู้ชำนาญการ สุดท้ายเธอบอกว่า เก่งแต่ภาคทฤษฎีแต่ภาคปฏิบัติเธอไม่ผ่านงาน (หุหุ) ๒๓.๓๐ น. "แหม...พี่ ถึงคืนนี้คนพิเศษของพี่ไม่มา เดี๋ยวก็ได้เจอกันอีก พรุ่งนี้ก็เช้าแล้วน่ะ" มิตรใหม่พยายามปลอบใจผม "ใช่ พรุ่งนี้ก็เช้าแล้ว....แต่ตอนนี้ล่ะ หัวใจของคนที่กำลังรอคอยใกล้จะหมดหวังลงทุกขณะ" ผมรำพึงกับตัวเองเบาๆ "คืนนี้อยู่เป็นเพื่อนผมนะ ไม่มีคนเค้าน์ดาวน์ด้วย" "โอเช...ได้เล๊ยลูกพี่" มิตรใหม่ไม่วายทะเล้น รอยยิ้มจางๆผุดขึ้นที่ริมฝีปาก ผมเผลอยิ้มนึกขันมิตรใหม่คนนี้ อย่างน้อยผมก็ไม่เหงานักในค่ำคืนพิเศษที่ไร้คนพิเศษอยู่เคียงข้าง เพราะผมไม่ใช่คนพิเศษในค่ำคืนพิเศษของใครบางคนนี่นะ เธออาจมีคนพิเศษเดินเคียงข้าง หรือเค้าน์ดาวน์ด้วยกันกระมัง เธอถึงหลงลืมผม "ว่าไง...พร้อมไหม...นับนะ" ผมลืมเวลานั้นชั่วขณะ และแล้วการรอคอยของผมก็สิ้นสุดลงพร้อมๆกับความว่างเปล่า ไม่มีแม้เงาคนพิเศษ แม้ผมพยายามส่งข้อความไปทักทายเธอ แต่ก็ไร้วี่แววการตอบกลับ "๕ ....๔....." ผมเริ่มนับถอยหลัง "๓..." มิตรใหม่เริ่มสนทนากับผม "๒...หวาย....ตื่นเต้นๆ" มิตรใหม่ตอบกลับมา "๑..." "๐...เย้ๆ ปีใหม่แล้ว เย้ วู้ " ๐๐.๐๑ น. ๑ มกราคม ๒๕๕๔ พร้อมๆกันนั้นบริเวณรอบบ้านผมมีทั้งแสงและเสียง นั่นคือแสงจากพลุดอกไม้ไฟอันสวยงาม รวมทั้งแสงจากพลุขนาดใหญ่ เสียงผู้คนละแวกบ้านผมส่งเสียงไชโยโห่ร้องแสดงความยินดีกันถ้วนหน้า แต่ทว่าหัวใจผมกลับร่ำไห้อยู่ลึกๆอย่างเงียบๆ "ไปนอนได้แล้ว เป็นเด็กเป็นเล็กนอนดึกได้ไง" ผมเสไปคุยเรื่องอื่นกับมิตรใหม่ "โห...รีบไปไหนเนี่ย...ไหนพี่บอกให้เอาเงินออกมานับข้ามปีไง นับเงินก่องดิ๊" มิตรใหม่โต้แย้งผมแบบขำๆ ผมไล่มิตรใหม่ให้ไปนอน แต่ไม่หรอก จริงๆแล้วตอนนี้น่ะหัวใจผมเหนื่อยล้าอ่อนแรง คล้ายกับว่าผมจะกลายเป็นคนอ่อนแอในทันทีที่ไร้เธอมานั่งพูดคุยเช่นทุกคืน ในที่สุด ผมก็ก้าวข้ามผ่านค่ำคืนไปสู่ปีใหม่...วันใหม่ ใช่จริงๆดังคำของมิตรใหม่ที่กล่าวไว้ "พรุ่งนี้ก็เช้าแล้ว" เธอคนพิเศษของผมจะรู้ไหมว่า แม้จะย่างเข้าปีใหม่ วันใหม่ แต่หัวใจของผมนี้ยังเป็นหัวใจดวงเดิม หัวใจที่รอเธอและเป็นกำลังใจให้เธอเสมอและตลอดไป การรอคอยคนพิเศษของผมอาจว่างเปล่า เพราะไร้เงาของเธอคนนั้นเค้าน์ดาวน์ด้วยกัน แต่การรอคอยของผมไม่สูญเปล่าไปซะทีเดียว เพราะอย่างน้อยผมก็ได้มิตรใหม่ในค่ำคืนที่พิเศษสำหรับผม ขอบคุณนะมิตรใหม่ต่างวัยของผม ขอบคุณสำหรับกำลังใจที่มีให้กัน ขอบคุณน้องสาวคนใหม่ที่น่ารัก ขอบคุณสำหรับหนึ่งแรงใจที่มีให้กับคนอ่อนไหว อ่อนแอ และขี้น้อยใจอย่างผม ขอบคุณนะ...ขอบคุณจริงๆ