1..... มายา ตามความหมายทั่วไปท่านผุ้อ่านคงคิดไปในแง่ที่ไม่ดีใช่ไหมคะ ความคิดของฉันเองนั้น มายาหรือมารยา คือการเสแสร้งแกล้งทำ หลอกลวงให้คนอื่นเชื่อ หลอกให้คนอื่นเข้าใจผิดในทางตรงกันข้าม ในสิ่งที่ตัวเองปฏิบัติ ไม่รู้ซินะ ฉันคิดได้เท่านี้จริงๆ แต่สำหรับคำว่า " มายา " ในวันนี้เป็นชื่อของเด็กผู้หญิงคนหนึ่ง ที่หน้าตาจิ้มลิ้ม แก้มแดงอวบอิ่ม รอยยิ้มน่ารักเชียว สาวผมม้าตาตี่สไตล์หมวยจีน ฉันไม่ได้ถามเธอหรอกนะว่า เธอายุเท่าไหร่ แต่เธอเคยบอกวา เรียนอนุบาล 2 " ม้ายาว " คำนี้ฉันชอบเรียกล้อชื่อเธอบ่อยๆ แทนคำว่า " มายา " เธอก็มักจะงอนบ่อยๆเช่นกัน บ้านของมายาอยู่แถวเยาวราช แต่แม่ของเธอเปิดกิจการโรงพิมพ์ ที่ข้างบ้านของฉันเอง ทุกวันเสาร์เธอจะติดตามแม่ของเธอมาเล่นที่โรงพิมพ์นี้บ่อยๆ แต่เพราะความซน แก่น และบางครั้งก็ดื้อเงียบ ทำให้แม่เธอไม่อยากให้มาวุ่นวายที่นี่นัก แรกๆที่มายาสาวน้อยคนนี้เจอฉันนั้น ดูท่าทางเธอจะเขินอาย ไม่กล้าพูดไม่กล้าคุย ไม่กล้าแสดงออก ถามอะไรนิกก็ก้มหน้างุด ถามอะไรหน่อยก็แทบเอาหน้ามุดดิน .. 2..... และแล้ววันเสาร์ที่ผ่านมานั้นมายาก็มาที่โรงพิมพ์ตามปกติ " หม่าม๊า พับเรือให้หนูหน่อยซิ " เสียงเจื้อยแจ้วของเธอดังแข่งกับเสียงเครื่องจักรที่กำลังพิมพ์งาน " ม๊าไม่ว่าง เอาไว้ก่อนน่ะ ไปกินข้าวก่อนไป " แม่เธอตอบกลับมา เธอหายไปพักใหญ่ๆ " ม๊า ว่างยัง พับเรือให้หนูหน่อยซิ " เสียงเธอยังคงรบเร้าอยากได้เรือสักลำ " ม๊าต้องทำงาน ม๊าพับไม่เป็น " แม่เธอปฏิเสธ " ม๊าอ่ะ ทุกทีเลย เพื่อนหนูเขายังมีเรือเลย แม่เขาพับได้ด้วยแหละ " น้ำเสียงที่เธอพูดเหมือนน้อยใจ กระเง้ากระงอดงอนนิดๆ ฉันเดินหายไปหลังบ้านแป๊บหนึ่งก็กลับมา พร้อมกับกระดาษจากหน้าปฏิทินเก่าๆ รู้สึกว่า สงสารเด็กคนนี้ เขาก็คงอยากเล่น อยากมีเพื่อนตามประสา คิดถึงใจเขาใจเรา มายาคงเหงาไม่มีเพื่อนเล่นวัยเดียวกัน ... 3......" ม้ายาว มานี่ซิ เดี๋ยวพับให้ " ฉันแกล้งล้อชื่อเธอว่า " ม้ายาว " " ไม่ ......" คำเดียวสั้นๆจากปากสาวน้อยมายา เธอเม้มปากนิดๆ " ไม่มาจริงอ่ะ งั้น พี่เล่นคนเดียวก็ได้ นี่เห็นไหม มีเรือตั้งสองลำ " ฉันแกล้งบ้าแกล้งบอนำเรือกระดาษมาลากๆดึงๆบนโต๊ะทำเป็นเรือลอยในน้ำ " วิ้ววววววว ....เรือเหาะได้ด้วย ไปไหนดีน๊า ลำนี้ " ฉันพูดพลางเหลือบตามองปฏิกิริยาของสาวน้อยมายา คราวนี้ได้ผล มายาเริ่มทำตาวาว แอบอมยิ้มน้อยๆ เดินมาใกล้เรือสองลำนั่น " เธอ พับเป็นด้วยเหรอ เรือแบบนี้ ? " เสียงของมายายังขลาดๆอายๆ ฉันแทบหัวเราะออกมากับคำว่า " เธอ " ที่เอ่ยจากมายา แต่อมยิ้มแทน กลัวเธอเขิน " เป็นซิคะ สวยไหม อ่ะ พี่ให้มายานะ คนละลำ เนอะ " ฉันยื่นให้มายาลำหนึ่ง " ขอบคุณนะ " มายารับเรือกระดาษแล้ววิ่งเข้าบ้านเธอเสียงดังเชียว " ม๊าๆๆ...หนูได้เรือแล้ว มาดูเร็วๆ " มายาอวดของเล่นใหม่ " อืมม์ ..สวยนี่ ใครทำให้หนู ? เสียงแม่เธอถาม " เพื่อนหนู..คนนู้นนน " " ใคร ไหน ? อ๋อ.... ชื่อ พี่วา เรียก พี่วาซิ ไม่ใช่เพื่อน " ... 4..... " พี่วา พับให้หนูอีกซิ " มายาวิ่งมาเกาะแขนฉัน คราวนี้ดูเธอกล้าพูดกล้าคุยมากขึ้น ไม่มีวี่แววว่าจะเขินอายให้เห็นอีกต่อไป " พับทำไมเยอะจังล่ะ สองลำไม่พอเหรอคะ " ฉันชวนมายาคุย " หนูจะเอาไปเที่ยวทะเล สองอันนี้ให้ป๊ากับม๊า ไปเรือคนละอัน " " เรือ 1 ลำค่ะ ไม่ใช่ 1 อัน " ฉันต้องรีบบอก กลัวเด็กเรียกผิดๆถูกๆ " อ่ะ ..ครบแล้วน๊า 3 ลำ " ฉันยื่นเรือกระดาษให้อีก 3 ลำ " อ้าว แล้วลำไหนของพี่วา พี่วาไม่ไปกะหนูเหรอ ? " คำถามของมายา ทำให้ฉันอึ้ง เด็กมักมีความคิดความอ่านที่สะอาด บริสุทธิ์เสมอ ดูอย่างมายาเด็กน้อยคนนี้เธอยังมีความปรารถนาดีให้คนรอบข้าง อยากให้ " เพื่อน " ของเธอได้ไปเที่ยวด้วยกัน เด็กเปรียบเสมือนผ้าขาวที่บริสุทธิ์ ไร้สิ่งแปดเปื้อนเจือปน หากว่าผู้ใหญ่หรือคนรอบข้างชี้แนะสิ่งดีๆ ป้อนแต่สิ่งดีๆให้แก่เด็ก พวกเขาก็จะซึมซับสิ่งดีๆไว้ในตัว แต่หากเมื่อใดที่เด็กเจอสภาพสิ่งแวดล้อมที่แย่ๆ เด็กก็จะซึมซับสิ่งที่ไม่ดีไว้กับตัวเช่นกัน " อืม.. ไปซิ มายาให้พี่วาไปได้ด้วยเหรอ ? " ฉันตอบมายาหลังจากนิ่งอึ้งไปนาน " ไปได้ซิ ก็พี่วาเป็นเพื่อนหนูนี่ เป็นเพื่อนกันก็ต้องไปด้วยกัน " ( แอบขำตัวเอง เราเป็นเพื่อนกับเด็กตัวกะเปี๊ยกตั้งแต่เมื่อไหร่หว่า อิอิ ) ... 5..... " มายา มีเรือตั้งหลายลำแล้ว จะไปเที่ยวไหนคะ ? " ฉันพยายามพูดคะขากับเด็ก ทั้งๆที่ตัวเองไม่ใช่คนอ่อนหวานสักนิด " หนู จะไปทะเล จะไปเกาะเสม็ดด้วย ทะเลสวย หนูชอบ " เธอตอบพลางมีนัยต์ตาเพ้อฝัน สีหน้ามีความสุขยามพูดถึงคำว่า ทะเล(ชอบทะเลเหมือนใครบางคนแถวนี้เลย เนอะ อิอิ ) " อื้อ... เหมือนพี่วาเลย พี่ก็ชอบทะเล ชอบหาดทราย ชอบเล่นน้ำทะเล (ทั้งๆที่ว่ายน้ำไม่เป็น แต่โม้กับเด็กไว้ก่อน อิอิ " เหร๊อ... เหมือนหนูเลย หนูชอบทะเลมาก " เธอุทานเสียงดัง ตาโตเหมือนประหลาดใจเจอเพื่อนใหม่ ที่ชอบอะไรเหมือนๆกัน " วันหน้าพี่วาสอนหนูพับเรือบ้างนะ หนูจะเอาไปให้เพื่อนที่โรงเรียนด้วย " " มายา " เด็กน้อยที่ไร้มารยา เธอช่างมีความสุขกับสิ่งที่เธอคิดเธอฝัน โลกแห่งจินตนาการของเด็กน่ารักเสมอ เด็กมักคิด พูดออกมาแต่สิ่งดีๆ " มายา " เธอเริ่มพูดคุยกับฉันอย่างสนิทใจ ชอบชวนคุยโน่นคุยนี่ ไม่มีวี่แววคนแปลกหน้าของกันและกันอีกแล้ว " มายา " เด็กน้อยคนในวันนี้ เธอยังไม่มีหน้ากากใดๆมาสวมใส่ ตราบใดที่เธอยู่ในสภาพแวดล้อมที่ดีๆ สังคมดีๆ แต่หากวันใดวันหนึ่งเล่า เมื่อเธอโตขึ้นมา อาจต้องเจอสภาพแวดล้อมที่ทำให้เธอเปลี่ยนไป ไม่อยากคิด อยากให้เธอเป็นเด็กน้อยที่น่ารัก สดใส ร่าเริงแบบนี้ตลอดไป ... 6.....แม่ของเธอมาเล่าให้ฟังว่า มายาเร่งให้ถึงวันเสาร์เร็วๆ เพื่อจะได้มาเจอเพื่อนของเขา ตอนแรกแม่ก็งง ว่า ใคร คนไหนคือ เพื่อนของมายา " ก็พี่วาไง เขาเป็นเพื่อนหนู " เด็กน้อยชี้แจงให้แม่ฟัง ทำให้ถึงบางอ้อในที่สุด แม่เขาบอกว่าอยากหัวเราะก๊ากตรงนั้น " ยัยวา ทำไงเนี่ยะ ปราบเด็กคนนี้ซะอยุ่หมัด " แม่เขาถามเล่นๆ " ก็ไม่ได้ทำอะไรนี่นา แค่เล่นๆ คุยกะเขา ฟังเขาคุยไปเรื่อยๆ แอบเนียนนิดนุงว่างั้นเหอะ ) ไม่ใช่ว่าฉันจะเก่งเรียนรุ้จิตวิทยาของเด็กหรอกนะ แต่เด็กก็คือเด็ก ต้องการคนสนใจ ต้องการเพื่อนเล่น ต้องการคนพูดคุย ขอเพียงเรารับฟังเรื่องราวที่เขาเล่าออกมาบ้าง เขาก็ยังรับรุ้ว่ายังมีคนสนใจเขาอยู่ เด็กยังต้องการคำชม คำพูดที่ดีๆ เอ่ยชมเขาบ้างยามเขาประพฤติตัวดี ปรามเขาด้วยสายตาก่อนหากเขาทำผิดครั้งแรก หากยังไม่ฟังก็คงต้องจับตัวมานั่งพูด คุยกัน อธิบายกันว่า อย่างนี้ไม่ดีนะ ขอเพียง บอกสอนกับเขาดีๆ เขาก็ยินยอมรับฟังผู้ใหญ่อย่างเราๆ " มายา " ขอให้หนูเป็นเด็กน่ารัก นิสัยดีอย่างนี้ตลอดต่อไปนะ อย่าลืมล่ะมายา ว่า " เพื่อน "คนนี้ยังรอ " มายา " อยู่นะ ... ฉางน้อย ทะเลไร้คลื่น
เช้าวันอาทิตย์ที่ 14 กพ.53 ฉันตื่นมาอย่างเหงาๆ หวังให้เขาคนนั้นโทรมาปลุกเช่นทุกเช้าที่ผ่านมา " ตื่นได้แล้ว สายโด่ง ลุกๆ ไปกินข้าวที่ไหนดี ? " " ตื่น อาบน้ำยังเนี่ยะ กินข้าวหรือก๋วยเตี๋ยวดีนะ ไอติมด้วยดีกว่า เนอะ " ประโยคซ้ำๆซากๆเหมือนน่าเบื่อ แต่เปล่าเลย ฉันยังอยากฟังคำพูดเหล่านี้ซ้ำๆทุกวันๆ แต่ทว่าวันนี้ไร้เสียงใครคนนั้นโทรมาดั่งทุกวัน เหลือบมองโทรศัพท์บ่อยครั้ง เฝ้าภาวนาให้เขาโทรมา " โทรมาสักนิดเถอะนะ ได้โปรด " สุดท้าย ไร้วี่แววแห่งการรอคอย อาบน้ำ แต่งตัว ลงมาข้างล่างด้วยหัวใจที่เหงาๆ เบื่อๆ เจ้าเพื่อนรักต่างสายพันธุ์วิ่งมาเคล้าคลอ หวังให้ฉันวิ่งเล่นกับพวกเขาดั่งทุกวันที่ผ่านมา แต่เปล่าเลย ฉันทำเพียงลูบหัวเจ้าสองตัวเบาๆ พร้อมกับพูดว่า " อยู่ที่นี่ละ เดี๋ยวกลับมา " เจ้าเพื่อนรักสองตัวตาละห้อย แต่ก็หมอบลงหน้าประตูเฝ้ารอคอยการกลับมาของฉันแต่โดยดี . เดินล้วงกระเป๋าออกจากบ้านอย่างเซ็งๆเหงาๆ ขาที่ก้าวไม่ค่อยมั่นคงนัก ใจสั่นๆพิกล มาหยุดยืนที่ป้ายรถเมล์แห่งหนึ่ง ก็ไม่แปลกใจนัก "วันวาเลนไทน์ วันแห่งความรัก" ใครๆก็เดินเป็นคู่ๆบ้างจูงมือ บ้างโอบไหล่ ป้ายรถเมล์แห่งนี้มีถังน้ำสีดำแต่ข้างในบรรจุด้วยดอกกุหลาบสีแดงสวยด้วยหยดน้ำที่เกาะพราว เหลือบมองดอกกุหลาบในถังน้ำแล้วใจแป้ว ก็สวยดีนะ แต่ฉันจะซื้อให้ใครล่ะ แล้วจะมีใครซื้อให้ฉันบ้างไหม ? ฉันคงไร้สิทธิ์ความเป็นเจ้าของกุหลาบช่อนั้นซินะ เผลอยิ้มเศร้าๆกับตัวเอง พลางคิดอะไรเล่นๆ ...จะดีสักแค่ไหนนะ ถ้ามีใครสักคนเดินเคียงข้าง ...จะดีสักแค่ไหนนะ ถ้ามีใครสักคนมอบกุหลาบให้เรา ...จะดีสักแค่ไหนนะ ถ้ามีใครสักคนนั่งกินข้าว ดื่มกาแฟด้วยกัน ...จะดีสักแค่ไหนนะ ถ้ามีใครสักคนคอยห่วงใยไม่ห่างไกลไปไหน ...จะดีสักแค่ไหนนะ ถ้ามีใครสักคนเฝ้ารอคอยการกลับมาของเรา ส่ายหน้า เพื่อไล่ความคิดที่ไร้สาระ ไม่น่ะ คงไม่มีสักคนที่เราจะพบจะเจอแบบนี้ ใครคนนั้นของเรา เขาคงยังไม่มา หรือว่า มัวแต่สวนทางกัน.... . นั่น เด็กนักเรียนวัยมัธยมตอนต้นด้วยซ้ำไปซินะ เดินจับมือจับไม้ด้วยกัน โน่น หนุ่มสาวหน้าใสวัยเรียนมหาวิทยาลัยเดินโอบไหล่หัวเราะคิกคิกผ่านหน้าไปอย่างมีความสุข แล้วก็นี่ หนุ่มสาววัยทำงาน วัยสร้างเนื้อสร้างตัว หยอกล้อกันอย่างน่ารักเชียว พวกเขาก็รอรถเมล์เหมือนฉันนี่แหละ พวกเขาคงมีจุดหมายปลายทางที่จะไป แต่ฉันนี่ซิ ไร้จุดหมายปลายทาง โดดเดี่ยว อ้างว้าง สับสน เหลียวมองตัวเองพลางถอนหายใจเบาๆ ไร้คนเคียงข้าง ไร้คนให้กุหลาบ เขาคนนั้นของฉันไปไหนนะ แค่คิดหัวใจก็สั่นระริก น้ำตาเจ้ากรรมพาลจะไหลเอ่อซีม แหงนมองฟ้า จะได้อะไรขึ้นมา ก็แค่..กลบเกลื่อนรอยน้ำตา..ให้ไหลย้อนกลับ ก็แค่นั้น นั่นประไร แม้แต่บนรถเมล์ยังอบอวลไปด้วยมวลดอกไม้แห่งความรัก ทำไมนะ ทำไมต้องมีวันนี้ด้วย 14 กพ.วันแห่งความรัก แต่ทำไม ไม่มีใครมารักฉันสักคน ยิ่งคิด ยิ่งเหงา ยิ่งเศร้าไปกันใหญ่ เฮ้อ... เอนหลังกับพนักพิง หลับตาหวังหนีภาพบาดใจ แต่แล้วสติ ความคิดดีๆค่อยเข้ามาทีละนิดทีละนิด ...ใช่ซินะ แม้ไม่มีใครเดินเคียงข้าง ฉันก็เดินของฉันได้ ...ใช่ซินะ แม้ไม่มีใครมอบกุหลาบให้ ฉันก็ไม่เดือดร้อนอะไรด้วย ...ใช่ซินะ แม้ไม่มีใครนั่งกินข้าวด้วยกัน ทานกาแฟด้วยกัน ฉันก็อิ่มท้องได้ ...ใช่ซินะ แม้ไม่มีใครคอยห่วงใยกัน แต่ฉันก็ดูแลตัวเองได้ ...ใช่ซินะ แม้ไม่มีใครรอคอยการกลับมาของฉัน แต่ฉันก็ยังมีเจ้าเพื่อนรัก มิตรภาพต่างสายพันธุ์ที่เฝ้ารอคอยการกลับมาของฉันอยู่ ความรักของพวกเขาสองตัวที่มอบให้ฉันนั้น มันช่างบริสุทธิ์ยิ่งกว่าสิ่งใด พวกเขาพูดไม่ได้ ร้องขอไม่เป็น แต่ไม่แน่นะ พวกเขาอาจรักฉันมากกว่าตัวพวกเขาเองก็ได้ .....รอก่อนนะ เจ้าเพื่อนยาก ฉันจะกลับไปวิ่งเล่นกับพวกเขาให้สมกับที่พวกเขารอคอยฉัน... ( ฉางน้อย ทะเลไร้คลื่น ) (((((.....แม้รอยยิ้มจะเหงาๆ แต่เราก็ไม่เศร้า ใช่ไหมสหายรักแห่งข้าฯ..)))))
อยากบอกใครบางคนว่า... เป็นความรู้สึกดีๆที่มีให้ เป็นความรู้สึกที่คิดถึง ขอบคุณใครบางคน...ที่มอบความรู้สึกดีๆให้กันตลอดมา แม้ไม่ได้โทรหา ใช่ว่าไม่คิดถึง แม้ว่าวันนั้น เราไม่ได้ไปกินข้าวด้วยกัน ก็ใช่ว่า ฉันลืมเธอคนดีซะเมื่อไหร่ วันนี้เราไม่ได้เกี่ยวก้อยด้วยกัน ก็ใช่ว่าวันหน้าไม่ได้เจอกันซะเมื่อไหร่ ใช่ไหมคนดี ฉัน เป็นคนพูดไม่เก่ง อาจชาเฉยบนใบหน้า แต่ถ้าเธอมองแววตา น่าจะรู้ซึ้งถึงความนัย ความรู้สึกของฉัน คิดถึง ห่วงใย รักมากมาย แต่ไม่จำเป็นต้องแสดงออกเป็นคำพูดเสมอไป ฉันอาจเป็นยัยซุ่มซ่าม เฟอะฟะ ฉันอาจไม่หวาน ไม่ซึ้ง แต่อยากให้เธอมองที่หัวใจมากกว่านะ คนดี...บางเวลาถ้าเธอเหงา คิดถึงฉันคนนี้บ้างนะ ขอพื้นที่เล็กๆในหัวใจเธอ ให้ฉันได้พักพิงอาศัยอิงไออุ่นบ้างได้ไหม นานแล้วซินะคนดี....ที่เราไม่ได้เดินไปด้วยกัน เธออย่าเพิ่งทิ้งฉันไปเสียก่อน เคยสัญญาไม่ใช่เหรอ เราจะไม่ทิ้งกัน ถนนสายนั้น สายเดิม ยังคงทอดยาวไกล แต่หัวใจฉันเริ่มเหนื่อยล้าลงทุกทีๆ คนดี...วันนี้นิ้วก้อยเธอยังว่างไหม ไปนะ เกี่ยวก้อยด้วยกัน เช่นอย่างเคย กินข้าวร้านนั้น หรือ ก๋วยเตี๋ยวร้านเดิม หรือ ไอติม มุมถนนแห่งนั้น คนดี ...นิ้วก้อยฉันยังว่างนะ ไปนะ ไปด้วยกัน ฉันยังรอเธอที่เก่า คนดี ...แววตาอ่อนโยนของเธอยังมีอยู่ไหม ไม่อยากพบ สบตาใคร ไม่เคยหวั่นไหวกับใครอื่น คนดี...ถ้าไม่มีเธอเดินเคียงข้าง ใจฉันคงเหงา ..อ้างว้าง..เหน็บหนาว เคยหนุนตัก ใต้แสงดาวพราวฟ้า เคยสบตากันในวันเหงาๆ แต่ทว่า..ทำไม วันนี้เหมือนมีม่านน้ำตาล้นเอ่อ คงไม่หรอกนะเธอ ฉันคงคิดไปเองใช่ไหมเธอ..คนดี เธอเคยบอก ฉันชอบคิดมาก กำลังใจของเธอ มีให้ฉันเต็มเปี่ยม ขอเพียงเข้าใจ มั่นใจกันและกัน แค่นี้ เป็นพอ...... ปาดน้ำตาป้อยๆ พร้อมรอยยิ้มน้อยๆของยัยซุ่มซ่าม แอนด์ เฟอะฟะ เธอแอบอมยิ้มบางเบา แต่ทว่ามือแข็งแรงจับหัวฉันโยกไปมา " สัญญาซิ..เราจะเดินไปด้วยกัน " เพียงแค่นั้น ฉันก็ยิ้มสุขใจ....... ....................................................................... ( ฉางน้อย ทะเลไร้คลื่น ) ขอบคุณสหายฝนโคลอน สำหรับเพลง ขอเดินด้วยคน (ไม้เมือง)
คืนนั้นคืนวันอาทิตย์ที่ 7 กพ.ที่ผ่านมาสามสาว(สามวัย...หรือเปล่า อิอิ )นั่งสุมหัว เอ๊ย นั่งรวมตัวกันหน้าจอคอมพ์(จอใครจอมัน) ที่ขาดไม่ได้คือ พี่เทียนหยด สหายโคนอน เอ๊ย โคลอน และก็ฉางน้อย คนน่ารักแห่งปี ฮี่..ฮี่..กิ๊วๆๆๆ " นี่ๆ สหายฝน เค้ามีไรอวดด้วยแหละ รูปพี่หมู " ยัยวาเริ่มแระ เจ้าเล่ห์นิดนุง " ไหนๆ เอามาดูๆส่งมาๆ " สหายรักแห่งข้าฯ พาซื่อ อิอิ พี่อ้อยก็ตาวาว อยากเห็นพี่หมูเมี่ยงคำของวา " แว๊กกกก ไอ่บร้า.....ตุ๊กตาถุงเท้าหมูนี่ฟร่า คิดว่า รูปพี่หมู เมี่ยงคำ " สหายฝนประท้วงๆ " น่าตีนักเชียว ยัยวานี่ หลอกคนแกร่ บาปนะเฟร้ย" พี่เทียนหยดต่อว่านิดนุง อ้าว ใครมาอีกล่ะนั่น ใครต้อนใครมาอีก อิอิ " นี่ๆ พวกสาวๆดูอะไรกัน ไหนๆ ดูมั่งจิ " อืมม์ สหายยาแก้ปวดนี่เอง " อ่อ ตุ๊กตาหมู เฮ้ยๆ รูปหัวใจน่ารักๆๆ สวยๆ ชอบๆอยากได้ไปแจกลูกค้าที่ร้านฟร่ะ" ยาบอก "สวยเหรอ เค้าทำแจกลูกค้าน่ะ " ยิหวาบอกสหายยาออกไป " อ้าว ไอ่ฉางไม่ขายเหรอ เค้าก็อยากได้ไปแจกลูกค้าเหมือนกัน ? " สหายยาถามอีก " ขาย ค่ะ ขาย " ป้าดดดดด เสียงใครตอบกลางวงเลย เหลียวมอง อ่อ เจ้อ้อย เทียนหยดพี่เรา งกกว่าน้องมังอีกวุ้ยคะ อิอิ " ใช่ๆ ขายคะ งานนี้ เพื่อเงินไม่มีคำว่า พี่น้อง ไม่มีคำว่า เพื่อน " น้านนน เอาเข้าไปยัยโคลอน555 " เอ่อ . ขายก็ขายคะ " ฉางน้อยโดนพวกลากก็ตามไป อิอิ " ฉาง หัวใจขายไง ดวงล่ะเท่าไหร่ ?" สหายยาตั้งคำถาม " นั่นดิ เจ้ ขายไงดี เจ้อ้อย บอกหน่อย" ยิหวาหันไปถามเจ้ 5555 งานนี้แม่ค้ามือใหม่อยากขาย อิอิ " วาก็ดูต้นทุนซิ ซื้อวัสดุมาเท่าไหร่ ยังไง " "วา จะขายดวงล่ะ 19-20อ่ะเจ้ " ตอบพี่อ้อยเที่ยนหยด " โอเค.. งั้นขายให้สหายยา ดวงละ 19 บาท คนนอก 20 นะเฟร้ย" เจ้อ้อยเป็นนายหน้า(ค้าที่ดินหรือเปล่า 555) " ได้ๆ เราสั่ง 50 ดวงนะฉาง ดวงละ 19บาท ทันแน่นะ 14 กพ.นี้ เราจะแจกลูกค้า " สหายยาแก้ปวดถามเพื่อความมั่นใจ " ทัน " ฮ่วย ใครหว่า ตอบแทนเรา อ่อ เจ้อ้อยของเราอีกแระ อิอิ " ทันนะสหาย เอ่อ ทันก็ทันคะ " 5555 งานนี้ยิหวาเสียงอ่อยๆ ( สหายฝน โคนอน เอ๊ย โคลอนแอบจดรายละเอียด กระดาษ ปากกาพร้อมเสมอสำหรับเจ้าหล่อนคนนี้ เผลอๆก็แอบหาอีโมน่ารักๆมาเล่นซะอีก ) เช้าวันจันทร์ที่ 8 ด้วยอารามดีใจรีบโทรหาพี่เมี่ยงก่อนเลย กะว่าจะโม้สักหน่อย อิอิ " พี่เมี่ยงๆ มีเพื่อนวาสั่งของเพิ่มด้วยล่ะ หัวใจ 50 ดวง " " อืมม์... ดีแล้วละ แล้วรีบทำให้เสร็จละ อย่ามัวแต่เล่น ของมีพอไหม ครบหรือยัง เงินพอหรือเปล่า ....." พี่เมี่ยงมาเป็นชุดคะ แง้ววววววววว " ค๊า........คุงพ่อ เอ๊ย คุงพี่ " เอ่อ ยัยวา คิดผิดป่าวน๊าที่เล่าให้ฟัง เราอ้าปากเล่าถึงดอนเมือง พี่เมี่ยงไปถึงเจียงฮายปู้นแล้ว อิอิ (บ้านใครหว่า อิอิ ) ตื่นมาก็หาวัสดุมาเตรียมงาน " วา กินข้าวก่อน " ....... ค่ะๆๆๆ " วา ขนมอยู่นี่นะ " ........ค่ะๆๆๆ " วา กาแฟกะหนมปังนะ " ...... ค่ะๆๆๆ เรียกว่า ทำตั้งแต่เช้า หูไม่ว่างวาง หางไม่ว่างเว้น อะจึ๋ยๆ เกี่ยวกันไหมเนี่ยะ อิอิ คิดดูซิ ตัดผ้าเป็นชิ้นเล็กๆ 4*5 เซนติเมตร 100 ชิ้น เพื่อนำมาประกบเป็นหัวใจ 50ดวง แล้วนำมาตัดเล็มให้เสมอกันอีก อดทนๆไว้ยัยวา เพื่อเงิน อิอิ ขอบ่นนิดนุง 5โมงเย็น พี่เมี่ยงโทรมาแระ " วา ว่าไง ทำได้ถึงไหนแล้วงานน่ะ ?" ปลายทางพี่เมี่ยง " ถึง ท่าพระจันทร์มั้ง " หุหุ กวนๆ " ยัยวา เอาแต่เล่นนะ เดี๋ยวโดนๆ " " โอ้ย พี่เมี่ยงอย่าเพิ่งเร่งซิ กำลังทำเนี่ยะ มือสั่นแระเนี่ยะ " " อืมม์ ทำให้เสร็จทันล่ะ ไม่ใช่มัวแต่เล่นเพลิน " ไม่วายที่จะบ่นนะพี่เรา " รู้แล้วววววววววว.....คืนนี้ไม่ต้องนอนก็ได้ (ฟร่ะ) แอบงอนนิดนุง 55555 อังคารที่ 9 กพ. ตื่นมาแต่เช้า (ต้องขยันๆ) ลุกขึนมาจัดการเย็บด้ายเป็นหัวใจถักทอสายใยรัก อิอิ (ว่าไปนั่นยัยวา ) 50 ดวง อย่าคิดว่า ง่ายนะคะคุณขา ยิ่งเป็นแม่ค้มือใหม่อย่างยิหวาด้วยแล้ว มัวแต่งมโข่ง ก้มตาก้มตาเย็บ แล้วก็ยัดใยสังเคราะห์ ใช้ปืนยิงกาวแปะโบว์ ของตกแต่งให้น่ารักๆ กว่าจะเสร็จ ปาไปสามสี่ทุ่ม " งานเสร็จยัง แพ็คใส่ถุงใส ให้สวยๆล่ะ แล้วจะโทรมาถามว่าแอบเล่นหรือเปล่า " ให้มันได้อย่างงี้ซิ พี่เมี่ยง ง่วงนอนอ่ะ....แต่งานไม่เสร็จ ขืนนอนก็ตาเหลือก เอ๊ย นอนตาไม่หลับ อิอิ เฮ้ออออ....โล่งอก เสร็จซะที ตี 4 นอนดีกว่า อิอิ ......... ( พี่เมี่ยงขี้โม้ ตัวเองนอนสบายไม่เห็นโทรมาเลย ชิๆๆ ) พุธที่ 10 กพ. 9 โมงเช้า " วา ตื่นยัง งานเสร็จทันไหม ส่งงานยัง ? โห พี่เมี่ยงเรา มาแต่เช้าวุ้ย " รู้แล้วนะ ตื่นแล้ว ไปส่งของมาแล้วด้วย เพิ่งกลับมาบ้านเนี่ยะ ว่าจะนอนต่ออีกนิดอ่ะ " " ดีมาก เก่งนี่ เสร็จทัน เดี๋ยวพาไปกินไอติมน่ะ อย่างอแง อย่าดื้อ อย่าซน " เอิ๊กกกส์ พี่เมี่ยงทุกทีเลย ชอบพูดแบบนี้ ชอบตบหู แล้วลูบหาง เอ๊ยๆๆ ชอบตบหัวแล้วลูบหลัง ฮึ.. จำไว้เล้ยยยยยย ทีใครทีมันแล้วกัน ชิ (T who T it ) 5555 .... เฮ้ออออ ส่งของแล้วโล่งอก ค่อยยังชั่ว นอนตายตาเหลือก เอ๊ย ตาหลับแระยัยวา แต่เปล่าหรอก กะว่าจะนอน แต่มาเปิดเอ็ม คุยกะสหายโคนอน เอ๊ย โคลอนซะงั้น คุยไปคุยมา ร้องจ๊าก เจี๊ยกก ตกใจๆ สหายฝนแทบสะดุ้งโหยงตาม อิอิ " ห๋าๆๆๆ ..... เอ เราเขียนบ้านเลขที่ผิดป่าวหว่า นึกๆๆๆ ระหว่าง 91/1 กะ 9/1 วาเขียนว่าไงหวา ลืมๆๆ " "เอาแล้วซิตรู ยุ่งละงานนี้ " วา เริ่มกระวนกระวายแล้วครับทั่น อิอิ " ตายล่ะ ไอ่ผีน้อยทะเล มังเมาการบูรแน่ๆ " ไม่ค่อยให้กำลังใจสักเท่าไหร่เลยนะโคลอน " เค้าโทรไปถามที่ ปณ.ต้นทางที่เค้าไปส่งอ่ะ พัสดุส่งออกไปแล้วด้วย " งานนี้ ทำเอายิหวา ซึมนิดนุง ( แค่นิดเดียวจริงๆ อิอิ ) .......พี่อ้อย เทียนหยดปลอบใจน้องเต็มที่ โคลอนก็ปลอบใจแต่เผลอๆชีก็สะกิดสีข้างนิดนุง ให้สะดุ้งเล่นๆ อิอิ ยาแก้ปวดก็พยายามบอกให้ใจเย็นๆๆ ชื่อถูก เขาคงส่งถูก เจ้าหน้าที่บอกว่า ต้องรอบ่ายพฤหัส ดูว่าของถึงมือหรือยัง ถ้าไม่ถึงต้องตามอีกที คิดในใจ ซวยแระเรา ยัยวาเอ้ยย...... " สหายโคลอน ทำไงดีอ่ะ ถ้าของไม่ถึง " ป๊ะหน้าในเอ็ม คำถามแรก อิอิ " ใจเย็นน่ะ เดี๋ยวโทรถามยาให้ " เพื่อนเราน่ารักงี้เสมอ อิอิ " ข่าวดีฟร่ะ ไอ่ผีน้อยทะเล ของได้รับแล้ว แต่เขียนบ้านเลขที่ผิดจริงๆด้วย " " เย้ๆๆๆ โล่งใจๆมากๆ " ยิหวา ดีใจแทบน้ำตาเล็ด อิอิ " ว่าไง ไอ่ผีน้อยทะเล ให้พวกเราแฉหรือว่า จะแฉเอง " 5555555 " เอ่อ ตรูแฉเองก็ล่ายอ่ะ เค้าแฉเองดีกว่าโดนเพื่อนแฉฟร่ะ อิอิ " ยิหวา รับปากเพื่อนๆสหายไว้ว่า จะแฉตัวเอง อ๊ากกก เศร้าจัง ชีวิตนี้ นี่แหละ เลยเป็นที่มาของ แฉ แอนด์ เฟอะฟะ ( ฉางน้อย ทะเลไร้คลื่น ) ปล. พี่เมี่ยงคำว่ายิหวาบ่อย ซุ่มซ่ามแอนด์เฟอะฟะ 5555