27 สิงหาคม 2548 03:06 น.
ฉางน้อย
ภาพถ่ายใบนี้ ......
ขอมอบคนดีไว้ดูต่างหน้า
เมื่อยามอยู่ห่างกันไกลตา
เมื่อคราจากกันแรมไกล
คิดถึงจึงให้รูปถ่ายแทนตัว
ลายมือ มั่วๆ ลงท้าย...ด้วยรัก...
ภาพถ่ายใบนี้.....
เจ้าของยินดีมอบชีวีให้
หากมีบุญนำพา คงได้มาเจอกัน
ได้มาถ่ายรูปเคียงคุ่กัน
ในวันที่มีเธอ มีฉัน
ในวันที่เรามีกันและกัน
.........................เนื้อในจดหมายยังบอกอีกว่า ....
จดหมายนี้ ...รูปถ่ายใบนี้ คงช่วยให้คลายความคิดถึง
ตู่ไหมหว่า ? ( ฤา เขาไม่หวนคำนึงถึงเลย เราคิดไปเองก็ช่างเถอะ )
.....ยามใดที่มีปัญหา หรือ เวิ้งว้าง
ขอฝากรูปนี้ เป็นเพื่อนคำนึง ให้เกิดประกายคิด ประกายฝันใฝ่
ให้ก้าวเดินอย่างเชื่อมั่น
มีกำลังใจด้วยนะ
.....คิดซะว่า บนฟากฟ้าหนึ่ง
มีประกายแห่งดวงดาวเหนือ ที่คอยให้ความคำนึง
ห่วงใย .....รัก.....และให้กำลังใจเสมอนะ อย่าลืมกันล่ะ
++++++++++++++++++++++
........ นี่ เป็นเพียงแค่บางส่วนของ จดหมาย....จากปลายฟ้า
บางส่วนเราไม่สามารถนำมาเขียนในนี้ได้
ขอให้เราได้มีความภูมิใจ ดีใจคนเดียวอยู่ลึกๆบ้างแล้วกันนะ
เพราะเป็นจดหมายที่มีคุณค่าทางจิตใจ ให้กำลังใจเราได้ดี
บางคนอาจคิดว่า ก็แค่จดหมายธรรมดา ใครๆก็ส่งได้
ก็ นั่นแค่ความคิดของคนบางคนไง
แต่สำหรับเรา ไม่คิดอย่างงั้นนะ
เพราะ เรารุ้ว่าเจ้าของจดหมายเขาตั้งใจส่ง
เต็มใจส่งมาให้เรา เราก็เข้าใจเขาน่ะ
อยากจะบอกว่า จดหมาย..จากปลายฟ้า พร้อมรุปถ่ายใบนั้นน่ะ
มีคุณค่าทางด้านจิตใจเรามากนะ อาจไม่มีค่าทางด้านราคา เหมือนใครเขาคิด
แต่เราดีใจจังเลย ที่ได้รับ จดหมาย...จาก ปลายฟ้า
ขอบคุณ คุณปลายฟ้า นะคะ ที่กรุณาเสียสละเวลาอันมีค่า
มานั่งตอบจดหมายให้ สาวน้อยคนหนึ่งค่ะ
........แล้วว่างๆจะตอบ จดหมาย จากปลายฟ้า ด้วยลายมือเช่นกันค่ะ
คุณปลายฟ้า เขาจะได้รับรุ้ว่า เราก็ตั้งใจเขียนให้เขาเหมือนกัน
ขอบคุณ..ขอบคุณ ..ขอบคุณ คุณปลายฟ้าอีกครั้งค่ะ
+++++++++++++++++++
27 สิงหาคม 2548 02:33 น.
ฉางน้อย
ภาพถ่ายใบนี้.....
ขอมอบคนดีไว้ดูต่างหน้า
เมื่อยามห่างกันไกลตา
เมื่อคราจากกันแรมไกล
คิดถึงจึงให้รูปถ่ายแทนตัว
ลายมือมั่วๆ ลงท้าย...ด้วยรัก...
ภาพถ่ายใบนี้.....
เจ้าของยินดีมอบชีวาให้
หากมีบุญนำพา
คงได้มาเจอกัน
ได้ถ่ายรูปเคียงกัน
ในวันที่มีเธอ มีฉัน
ในวันที่เรามีกันและกัน
............ เนื้อความในจดหมายบอกอีกว่า ...จดหมายนี้ รูปนี้ คงช่วยให้คลายความคิดถึง.....ตู่เอาไหมหว่า ? ( ฤา เขาไม่คำนึงถึงเลย เราคิดไปเองก็ช่างเถอะ )
..........ยามใด ที่มีปัญหาหรืออ้างว้าง
ขอฝากรูปนี้เป็นเพื่อนคำนึงให้เกิดประกายคิด...ประกายฝันใฝ่
ขอให้ก้าวเดินไปอย่างเชื่อมั่น
มีกำลังใจให้ด้วยนะ
.....ให้คิดซะว่า บนฟากฟ้าหนึ่ง
มีประกายดวงดาวเหนือยังส่องทางให้ความคำนึง
ห่วงใย.....รัก.....และให้กำลังใจเสมอนะ.....อย่าลืม....
+++++++++++++++
19 สิงหาคม 2548 23:27 น.
ฉางน้อย
" เฮ่ย ...อย่าคิดอะไรมากซิ วา แค่เพื่อนนะ คิดซิ แค่เพื่อนออนไลน์ไง "
.....เสียงพี่ก้อย เพื่อนต่างรุ่นเข้ามาทักทาย อย่างสนิทสนม
.........ยัยวา สะดุ้งตื่นจากภวังค์ จากความฝันอันแสนหวาน พลางอมยิ้ม
อ่ะ ...ก็จะไม่ให้อมยิ้มได้ไง ก็เขาคนนั้น ( คนแปลกหน้า ) บอกว่ามีโอกาสจะมาหา
จะมาชวนทานข้าวด้วย อิ อิ ก็เขินอ่ะน่ะ ( แอบขำในใจด้วยอีกต่างหาก )
" โห .. พี่ก้อยก็รู้นี่ว่า วาน่ะ เห็นแก่นๆ เซี้ยวๆนะ เหมือนก๋ากั่นน่ะ แต่จริงๆแล้วทำเก่งไปงั้นน่ะ "
" วา ก็อาย เขินเป็นน่ะพี่ ให้พี่ไปเป็นเพื่อน พี่ก็ไม่ยอมไปด้วยนี่คะ "
.....ยัยวา เริ่มแจ่มใสขึ้น หลังจากที่เหงามานาน เพราะมีเพื่อนคนแปลกหน้าคนใหม่วนเวียนเข้ามาในชีวิต ..... เพื่อนออนไลน์ ..คำนี้ใครๆก็รู้จักกันดี
" พี่ก้อย จ๋า ไม่ไปจริงๆเหรอจ๊ะ นะจ๊ะ นะคะ นะ น๊า "
..... ยัยวาออดอ้อนเสียงหวาน อ้อนพื่ก้อยคนเก่ง เพื่อนต่างวัย แต่ใจเดียวกัน
" เอ๊ ..เด็กคนนี้นี่ ยังไงนะ บอกว่าไม่ไปก็ไม่ไปซิ " ....พี่ก้อยยืนยัน เสียงหนักแน่นเชียว
" อ่ะๆๆ ไปเองก็ได้ แล้วอย่ามาถามนะ ไม่เล่าให้ฟังด้วย เชอะจำไว้เลย "
.....ยัยวา ตอบเพื่อนสาวต่างวัย ด้วยใจร่าเริง พลางมองค้อนอย่างน่ารัก (หรือ น่าเตะไม่ทราบได้ซินะ ) ( ดีนะที่ พี่ก้อย ไม่เอาตะปูส่งมาให้ด้วยน่ะ อิอิ )
.........วา จำวันแรกที่เริ่มต้นรู้จักเขา (คนแปลกหน้า) คนนั้นได้ดี ทำไมจะจำไม่ได้ล่ะ
.....ย้อนไปเมื่อราวๆกลางเดือนมิถุนายน 2547 (มั้ง) ที่พี่ก้อยเริ่มแนะนำ โปรแกรมสนทนา หรือ ที่ทางภาษาเน๊ตเรียกว่า โปรแกรม เอ็มเอสเอ็น ซึ่งมีไว้ใช้สนทนา ผ่านการสื่อสารทางตัวอักษร และมีรูปให้คู่สนทนาได้เห็นหน้าได้อีกด้วย
.....เพียงเพราะ พี่ก้อยนั้นเห็นว่า ยัยวาเพิ่งจะอกหัก (หรือเปล่า) แล้วมาเหงาๆคนเดียว
พี่เค้าเลยแนะนำให้เล่นดู คลายเหงา จะได้มีเพื่อนคุย แต่ก็กลัวโดนหลอกเหมือนกัน
..........และนี้ก็เป็นจุดเริ่มต้นที่ยัยวาได้มีโอกาสเจอเพื่อนใหม่ ต่างวัย ต่างเพศ และเป็นคนที่ยัยวาคิดว่า คือ...คนพิเศษ.. สำหรับยัยวาไปเสียแล้ว เพราะอะไรน่ะเหรอ ก็ไม่รู้ซินะ เพียงเพราะว่า ยัยวา ชอบอ่านหนังสือ ชอบอ่านกลอนด้วยมั้ง เลยได้มีโอกาสมาเจอกันโดยบังเอิญ ( ยัยวา เป็นคนที่ชอบอ่านหนังสือ และ ชอบอ่านกลอน แต่นั่นไม่ได้หมายความว่า ยัยวาจะเขียนกลอนได้เก่งเหมือนอย่างที่อ่านนะคะ ฝีมือไม่ได้เรื่องค่ะ)
.........ยัยวาแอบอ่านกลอน ของเขา( คนแปลกหน้า )คนนั้นอยุ่บ่อยๆ นานๆเข้าเลยกล้าเข้าไปพูดคุย สนทนาด้วย เขา (คนแปลกหน้า )คนนั้น ให้การต้อนรับอย่างดีค่ะ พูดจาดี เป็นกันเองดี ก็ยังไม่คิดอะไรมากเกินกว่าคนแปลกหน้าค่ะ
..........ยัยวาเองก็ไม่คิดหรอกว่า มิตรภาพที่แสนอบอุ่นที่เกิดขึ้น ระหว่างเธอกับเขา (คนแปลกหน้า )คนนั้นจะยาวนานมาจนถึงป่านนี้.....ไม่เคยคิดเลยจริงๆ
..........เพราะตลอดเวลาที่พูดคุยกันมานั้น ยัยวาไม่เคยแม้จะได้เห็นใบหน้าว่าเขา (คนแปลกหน้า )คนนั้น จะมีหน้าตาเป็นอย่างไร แต่ยัยวาก็เต็มใจ ที่จะพูดคุยกับเขา
..........ทางด้านยัยวานั้น คิดว่า ตัวเองจริงใจ เต็มใจในการคบคน จริงใจให้เพื่อนเต็มร้อย ( แม้บางครั้งสิ่งที่ยัยวาได้รับมาแค่ 30จาก100) ยัยวาพูดคุยกับเขาอย่างสนิทใจ มีอะไรก็เล่าให้ฟัง จนกระทั่งเหมือนคนสนิท คนคุ้นเคยกันมานานแสนนาน
........... จากวันเป็นเดือน จากเดือนเลื่อนมาเป็นปี ก็เป็นเวลาประมาณ 1 ปี กับ 4 เดือนแล้วมั้ง ที่เราสองคนรุ้จักกันมา จนยัยวา หลงคิดไปเองหรือเปล่าว่า เหมือนความผูกพันธ์กัน ..... ปีกว่าแล้วซินะที่เราพุดคุยกันทั้งๆที่ไม่เคยเห็นหน้า หรือได้ยินเสียง
..........ยัยวาจะมีความรุ้สึกอบอุ่นในใจทุกครั้งที่ได้พูดคุยกับเขา ( คนแปลกหน้า ) แม้ว่าในบางเรื่อง วาเองได้แต่เออๆออๆไปเพราะคุยเรื่องได้สาระไม่เก่ง แต่ถ้าเรื่องไร้สาระล่ะก็ ยกให้ยัยวาเขาเลย บางครั้ง วาก็พูดจากวนๆด้วย แกล้งแหย่ แซวเล่น ( ก็มันอดกวนไม่ได้น่ะนะ คนไร ขี้โม้ อิอิ โม้ว่า ตอนหนุ่มๆสาวตรึม อิอิ โม้จัง )
.......... ไม่รู้ล่ะ ยังไง วาคุยกับเขาคนนั้นแล้วมักนั่งยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ทุกที เอ ....อาการแบบนี้เขาเรียกว่า อะไรดีล่ะ ไม่รู้ซินะ รุ้เพียงสบายใจเวลามานั่งโม้กับเขาในจอ
.....ยัยวา ไม่มีโอกาสได้รู้หรอกว่า เขาคนนั้นของเธอ คิดเช่นไรกับเธอ แค่คิดไปเองว่า อย่างน้อย เขาก็เป็นคนหนึ่งล่ะนะ ในสายตายัยวา ใครจะว่า เขากะล่อน เจ้าชุ้ ช่างเหอะ
".......... เฮ้อ ....อาการอย่างงี้ เขาเรียกว่า อะไรดีล่ะ รักเหรอ ? "
" ไม่น่าจะรักนะ เอ๊ะ หรือว่า ใช่ โอ๊ย หาคำตอบให้ตัวเองไม่ได้น่ะ ยัยวาเอ๋ย "
" รักอย่างงั้นหรือ ไม่รู้ซิ เพราะตลอดที่ผ่านมานั้น วาเองยังไม่รุ้เลยว่าเขาเรียกว่า รักได้หรือเปล่า ? "
......... ไม่รู้ว่าด้วยว่า จริงๆแล้ว ความรักคืออะไร รู้แต่ว่า เวลานี้เหมือนมีความผูกพันธ์กับเขา (คนแปลกหน้า )จังเลย มีความคิดถึง เป็นห่วง อยากให้เขาสบายใจ ไม่อยากให้เขาคิดมาก หรือ เครียดเรื่องงาน
............. เฮ้อ ...ยัยวาเอ๋ย ใครจะมาช่วยเฉลยข้อสงสัยให้เราได้บ้างหนอ ใครก็ได้ช่วยหาคำตอบให้ยัยวาจอมเปิ่นคนนี้ทีซิ
" หลงหรือเปล่า ไม่ใช่น่ะ รักน่ะต้องมาก่อนหลงอยุ่แล้วนี่ อืม ... หรือว่าใช่ ยัยวาหลงแน่เลย หลงตัวอักษรที่สื่อสารผ่านโลกสมัยใหม่ ยัยวา นี่เธอหลงตัวอักษรของเขาอย่างงั้นหรือ เป็นไปได้ไง " ..... ( ก็มันเป็นไปแล้วนี่นา )
........." วา ..ยัยวา พี่ถามจริงๆนะ วาชอบคนแปลกหน้าคนนั้นจริงๆเหรอ ? "
" วา จำคำพี่ไว้นะ เขาอาจไม่ได้มีวาเพียงคนเดียวนะ โลกอินเตอร์เน๊ตน่ะ สื่อสารกันง่าย สื่อสารกันทั่วโลก เขาอาจมีคนอื่นด้วยนะ ใครจะไปรู้ พี่เป็นห่วงวาน่ะ "
..... เสียงพี่ก้อย เตือนวาด้วยความหวังดี เพราะพี่ก้อยคนนี้เป็นเพื่อนที่สนิทที่สุด แม้ว่าจะต่างอายุ ต่างวัย แต่เวลาวาทุกข์ใจ ได้พี่ก้อยนี่แหละ ช่วยแก้ปัญหาให้
.......พี่ก้อย เป็นเพียงคนเดียวที่รุ้เรื่อง วากับเขา ( คนแปลกหน้า)คนนั้น พี่เขาคอยเฝ้าดูอยู่ห่างๆด้วยความเป็นห่วง
" โถ ....พี่ก้อยขา อย่าห่วงวา ไปเลยคะ วาอาจแค่ชอบเขามั้งคะ แต่รักน่ะหรือพี่ ไม่รู้ซิคะ วาตอบไม่ได้ วาตอบไม่ถูกค่ะ "
" แหม ..... วาจะไปรักเขาได้ไงคะ วาอาจเป็นแค่ผู้หญิงคนหนึ่งที่เดินผ่านเข้ามาในชีวิตเขานะคะ เขาอาจมีผู้หญิงมากมายให้เขาเลือก หรืออาจมีใครหลายๆคน ใครจะไปทราบล่ะค่ะพี่ .... วา อาจแค่ผ่านมาแล้ว ก็ผ่านเลยในสายตาเขามั้งคะ "
..........ยัยวา ตอบพี่สาวคนนั้นด้วยอาการไม่มั่นใจ หรือ อีกที เธอตอบเพื่อหลีกเลี่ยงต่อการตอบคำถามอีกมากมายที่อาจตามมา เลยแบ่งรับแบ่งสุ้ ตอบแบบขอไปที
..........ยัยวา ทำไมเธอจะไม่รุ้ใจตัวเองเชียวหรือ รู้ซิ ไม่ใช่แค่ชอบนะ จะบอกให้ยัยวา สามารถตะโกนก้องฟ้าได้เลยว่า ..ความรู้สึกที่มีนั้นมันมีมากกว่าชอบ แต่คือ รัก ...
.....รัก รักทั้งๆที่ไม่เคยเห็นหน้า ไม่เคยพูดคุยกัน รักกับคนแปลกหน้า ช่างเป็นฝันที่ลมๆแล้งๆสิ้นดี ยัยวาเอ๋ย ......
..... ก็ไม่รุ้นี่ ว่ารักที่แท้จริงคืออะไร รู้แต่อบอุ่นเวลาพูดคุยสื่อสารผ่านอักษร สบายใจเวลานั่งหน้าคอมพ์ ..... ตอบไม่ถูก บอกไม่ได้ว่า ทำไมถึง รักมากมายจัง
.....รู้แต่เพียงรัก ...รักมิได้หวังครอบครอง ...รักมิต้องการจับจองเป็นเจ้าของ...รักโดยไม่หวังสิ่งตอบแทนจากเขา.....รู้อย่างเดียว ....ขอเพียงได้รัก ขอเพียงรักก็สุขใจแล้ว....ขอเพียงแค่รู้ข่าวว่า ทุกๆวัน ทุกๆคืน เขาคนนั้นของยัยวา อยู่สุขสบายดี ขอเพียงเขามีความสุข สบายกาย สบายใจ ... แค่นี้ ...ยัยวา ก็สุขใจแล้ว
...... ยิ้มกับตัวเอง เวลานึกถึงเขา (คนแปลกหน้า ) ดีใจ ปลื้มใจ เวลาเขาบอกว่า คิดถึง เป็นห่วง (ทั้งๆที่แค่ ตัวอักษร แต่วาก็ดีใจแล้วล่ะ) การพูดจา เขาก็แนะนำสั่งสอนหลายเรื่อง ตักเตือนหลายอย่าง อย่างที่ผู้ใหญ่พึงสอนแก่รุ่นเด็ก รุ่นน้อง หรือ แม้แต่รุ่นหลาน
.......... ยัยวา ยังถามเขาบ่อยไปว่า ทำไมมาคุยกับวาได้นานๆ ทำไมชอบคุยกับวา ไม่เบื่อเหรอ ??? เขาคนนั้น ของวา (หรือเปล่า หรือ เราคิดไปเอง ) ก็จะตอบมาว่า ......
" ที่พี่ชอบมาคุยกับวา เพราะดูท่าทางวาเป็นคนดี คุยสนุกด้วย ดูเป็นคนที่จริงใจ ออกจะซื่อ ( บื้อ )ด้วย พูดความจริงออกมาหมด บางครั้งวา ก็พูดตรงเกินไป ไม่ดีต่อตัวเองรู้ไหม ? "
...... โห ...เจอคำตอบซึ้งๆหวานๆแบบนี้ ยัยวาปลื้มใจจังเลย นั่งอมยิ้มคนเดียวด้วยซิ
.......... คุณ คนแปลกหน้าคะ คุณไม่ทราบหรอกค่ะ ว่าที่เราพูดคุยกันทุกคืน ทุกวันนั้นน่ะ เป็นความจริงใจ ที่ออกมาจากหัวใจที่แท้จริงของหญิงคนหนึ่งนะคะ
ไม่เป็นไรคะ แม้คุณ คนแปลกหน้าไม่รับรุ้ หรือ เขารุ้แต่ไม่รับ ช่างเขาเถอะคะ ขอเพียงวา ได้พูดคุย ได้ปรับทุกข์ ได้มาโม้เรื่องไร้สาระก็พอแล้วค่ะ แค่นี้ก็สุขแล้ว
.......... อยากจะบอกคุณ คนแปลกหน้าจังเลยค่ะ ว่า ...รู้ไหมว่า ตอนนี้น่ะ คุณเป็นคนพิเศษในใจสาว(เหลือ)น้อย ไปแล้วนะคะ แม้ว่า สาว ( เหลือ )น้อยคนนี้ไม่มีโอกาสได้เข้าไปนั่งในใจของคุณก็ตาม....
..... บางครั้ง เวลาพูดคุยกัน วา อาจมีแง่งอนไปบ้าง แต่ขอโทษด้วย นะคะ ก็เพราะเขา เพราะคุณนั้นแหละคะ ที่ทำให้วา เป็นแบบนี้ ก็คุณคุยกับวา แต่คุณชอบเอาเรื่องที่คุยกับสาวอื่นมาคุยให้ฟัง วาฟังนะคะ แต่ก็เจ็บจี๊ดในใจทุกที ที่คุณพูดแบบนั้น ก็ทำใจน่ะยัยวา เพราะ เราอาจแค่เพื่อนแก้เหงา แค่เพื่อนออนไลน์ คลายเหงาก็ได้
........... แม้วาจะนิยม ชื่นชม ชื่นชอบเขา ( คนแปลกหน้า )คนนั้นมากมายแค่ไหนก็ตาม แต่จริงๆแล้ว ยัยวา คนนี้มิอาจเอื้อมไปใกล้เขาหรอกค่ะ รู้ตัวเองดี คนละระดับ คนละเกรด
เขาน่ะหน้าที่การงานดี ไม่เหมือนยัยวา แค่เด็กจิ๊กโก๋ ปากซอย ไม่กล้าไปดึงเขาลงมาต่ำกับเราด้วยหรอกค่ะ แต่ก็เห็นใจ สงสารเขาจังเวลาเขามาพูดเรื่องงาน เรื่องภาระที่ต้องรับผิดชอบมากมาย อย่างงี้เรียกว่า ผูกพันธ์ได้ไหม เห็นใจ สงสารอยากให้เขาสบายใจ
......... วา มักจะพูดกับเขาคนนั้นเสมอ ว่า อย่ามารักเพราะความสงสาร ถ้าจะรักแล้ว อยากให้รักที่ใจมากกว่า รักที่การกระทำ เขาก็แย้งว่า ความรักมักมาพร้อมกับความสงสาร เห็นอก เห็นใจซึ่งกันและกัน แค่นี้ก้สุขใจแล้ว
" วา... ยิหวา... แหม... คิดอะไรน่ะ เห็นนั่งเหม่อๆ นานแล้วนะ เรียกตั้งหลายคำแน่ะ... กว่าจะได้ยิน จนต้องเอ่ยชื่อที่พ่อแม่ให้มาน่ะ เป็นไรไปอีกละเนี่ย หือ..คิดมากเรื่องนั้นอีกแล้วซิเราน่ะ อย่าคิดมากซิ ..."
" อ้อ... แล้วเรื่องจดหมาย ที่เขาบอกว่าจะส่งมาน่ะ ว่าไง ได้รับยังล่ะ ?
" พี่อยากรู้จังว่า ในจดหมายนั้นมีความลับอะไรนักหนา "
........... เฮ้อ ..พี่ก้อย ช่างเป็นเพื่อนที่แสนดีจริงๆเลย รับรู้ปัญหาของยัยวาได้ทุกอย่าง ช่วยแก้ปํญหาได้หลายเรื่อง วาจึงรักและเคารพเพื่อนที่เป็นทั้งพี่สาวด้วยในตัว รักเหมือนพี่สาวคนหนึ่งเลยก็ว่าได้
" ค่ะ พี่ก้อย ใช่ค่ะ คืนก่อนโน้น ผ่านมา3 คืนแล้วค่ะ เขาบอกว่า ให้วา รอรับจดหมายด้วย ....จดหมายจากปลายฟ้า....เชียวนะคะ จดหมายจากปลายฟ้า ซึ่งซ่อนความลับอะไรบางอย่างให้วาได้ค้นหา จากจดหมายนั่น"
" วา ..ไม่ทราบหรอกค่ะ ว่าความหมายจากปลายฟ้าคือ อะไร แต่ วา ก็จะรอจดหมายเขาค่ะ วารอนะคะพี่ เพราะ วารอมานานแล้ว นานอีกสัก 3 วันทำไม วาจะรอไม่ได้เชียวหรือคะ ? "
........... ยัยวา ตอบพี่ก้อยของเธอ ด้วยใจที่แน่วแน่รอจดหมายฉบับนั้น พร้อมด้วยดวงตาที่มุ่งมั่นว่า สักวัน จดหมายจากปลายฟ้า คงมาหาเธอโดยเร็ววัน เอาเถอะ เธอรอมานานแล้วนี่ นะ ยังไงก็จะรอ
" เอาเถอะวา ในเมื่อวาเชื่อมั่นในตัวเขา เชื่อว่าสักวันหนึ่งจะมี จดหมายจากปลายฟ้า มาให้วาได้ชื่นชม พี่เป็นกำลังใจให้วา น้องสาวที่น่ารักของพี่เสมอนะจ๊ะ "
" จำไว้ว่า สิ่งใดจะเกิดขึ้น วาจะต้องทำใจยอมรับให้ได้นะจ๊ะ อย่าท้อแท้ อย่าสิ้นหวัง หนทางข้างหน้ายังยาวไกล ยังมีอีกมากที่เรายังเดินไปไม่ถึง วา ต้องพร้อมที่จะเผชิญกับปัญหาต่างๆนะจ๊ะคนดี ....."
....... คำพูด ของพี่ก้อย ทำเอายัยวา น้ำตาแทบร่วง รับปากพี่เค้าเป็นมั่นเป็นเหมาะ ว่าไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น วาพร้อมที่จะยอมรับ เพราะ วาก่อขึ้นเอง วาก็ต้องยอมรับได้ ทำใจค่ะ
แต่อย่างไร ก็ตาม ยัยวา ก็คือ ยัยวา ที่คิดจะทำอะไรแล้วก็ต้องรอพิสูจน์หัวใจคน
ทุกวันนี้ เธอ ยัยวา เธอยังหวัง ตั้งตารอ จดหมายจากปลายฟ้า จากเขา ( คนแปลกหน้า )
....... วา รอคุณอยู่นะคะ รอจดหมายจากปลายฟ้า รอจดหมายจากคนคนดีของวาอยู่ค่ะ .......
............................................
16 สิงหาคม 2548 23:15 น.
ฉางน้อย
......... ติ๊ดๆๆๆ ....ติ๊ดๆๆๆ ....... ติ๊ดๆๆๆ ... " ฮัลโหล ..พี่วาเหรอคะ ? " ....... อ้าว เฮ้ย ใครฟะโทรมาดึกๆดื่น คนเขาจะหลับจะนอนโทรมากวนอยู่ได้ เบื่อๆๆๆ ....ยัยวาบ่น ( ในใจ ) อีกแล้ว ( ดีนะ แค่บ่นในใจ ดีกว่าบ่นนอกใจ คิก คิก )
" ค่ะ ใช่ค่ะ วาพูดค่ะ ไม่ทราบจากที่ไหนคะ ต้องการพูดกะใคร และนั่นใครพูด "..... นี่แหละยัยวาตัวจริงแหละ ใครไม่เจอฤทธิ์ยัยวา ก็คราวนี้แหละ
" เอ่อ พี่วาคะ ชื่อ น้ำหวานนะคะ เป็นเพื่อนคนสนิทของพี่ชานนท์ไงคะ ที่พี่วา เคยเจอหวานที่ห้องพี่นนท์ไงคะ จำได้ไหมคะ " .......อ้าว โห แล้วแม่คุณโทรมาทำไมอีกล่ะเนี่ย เฮ้ออออ .......ไม่เห็นเกี่ยวอะไรกับยัยวาสักนิดเดียว ทำไมต้องโทรมาหาเราอีก ทำไม... ทำไม...และ....ทำไม.... ( ไม่รุ้ซิ )........บอกตามตรงนะว่า เจอคำตอบแบบนี้ ยัยวาของเราถึงกับอึ้งไปเหมือนกัน เจ็บจี๊ดในใจ ทั้งๆที่ทำใจให้ลืมแล้วล่ะ แต่ยังยากน่ะนะ
" เอ่อ ..พี่วา คะ พี่นนท์มาหาพี่วาเหรอเปล่าค่ะ ?
" คือ หวานทะเลาะกับพี่นนท์ด้วยเรื่องไม่เป็นเรื่องน่ะค่ะ พี่นนท์เลยบอกว่าจะมานอนที่บ้านพี่วา " ........ เจ๊ยยยยยยยย.....ส์ ได้ไง นายนนท์ นายเอาชื่อยัยวาไปขายงี้ได้ไง ยัยวาเสียหายนะเนี่ย ..... แหม จากกันไปแล้ว เอาชื่อยัยวาไปอ้างบ้าบออีก เฮ้อออออ ..(อีกที)
" เอ วาไม่เห็นใครที่ไหนมาเลยนะคะ ..... อ๋อ ๆๆ ช่ายๆๆ.... เห็นเขาบอกว่าอาจจะแวะมาหา มานอนที่บ้านด้วย เห็นเขาบอกว่าคิดถึง เพื่อนเก่านี่ค่ะ " ........ น้านนนนนน เป็นไงล่ะ ยัยน้ำหวานเจี๊ยบ เจอฤทธิ์เดชยัยวาซะแล้ว ฮ่า ฮ่าๆๆ ขำๆๆ ยัยวา คิดได้ก็กระหยิ่มยิ้มย่อง ลำพองใจที่ยั่วยัยบ้านั่นได้สำเร็จ
............. แหม ก็ใครบอกว่า ยัยวาเป็นนางเอกละค่ะ เดี๋ยวนี้ นางเอก ต้องทนนางมารร้ายค่ะ ตาต่อตา ฟันต่อฟัน นี่แหละยัยวา สุ้เขายัยวา สู้เขาทาเคชิวา เพื่อความสุขของมวลมนุษย์ชาติ ทั้งโลก ( เอ เกี่ยวกันไหมเนี่ย อิอิ )
" พี่วา คะ ช่วยหวานหน่อยนะคะ หวานทะเลาะกะพี่นนท์น่ะค่ะ อยากขอคำปรึกษาจากพี่วา คะ ทำไงที่จะให้พี่นนท์รักหวานบ้างคะ ทำไมเขาห่างเหินหวานจังค่ะ "
เสียงยัยวา เริ่มสั่น คงเอาบทนางเอกมาใช้กะยัยวาแน่เลย บีบน้ำตาให้นางเอกอย่างยัยวา สงสาร เชอะ ไม่มีวันซะหรอก คนอย่างยัยวา เจ็บแล้วจำ ขอบอก .....
" พี่วาคะ พี่นนท์พูดถึงพี่วา บ่อยมาก บ่อยจนหวานนึกน้อยใจนะคะ "
" พี่นนท์ บอกว่า คบกับพี่วา มานานตั้ง 5 ปี ไม่เคยทะเลาะกันเลย ทำไมพี่วาทนเก่งจังค่ะ ทำไมพี่วาคบกับพี่นนท์ได้นานจัง ตั้ง 5 ปีแน่ะ พี่วา ทนได้ยังไงคะ ? "
........... เสียวยัยหวานอ้อนออด เหมือนมอดกัดไม้ มาประจบทำเสียงอ่อนเสียงหวาน อย่าใจอ่อนนะยัยวา เข้มแข็งไว้ยัยวา
" คุณหวานคะ ... ความรักน่ะ หากรักกันแล้ว ไม่ต้องทนที่จะรักหรอกนะคะ 5 ปีที่วา คบกะนายนนท์มานั้น วาไม่เคยทนคะ วาแค่เอาความจริงใจออกมาพูดออกมาคุยกับเขาแค่นั้นพอ ในเมื่อใจสองดวงตรงกันแล้ว ต่างก้มีความห่างหา อาทรณ์ ห่วงใยซึ่งกันและกัน "
.......... ยัยวา เริ่มออกชั้นเชิงสอนมวยรุ่นน้องอย่างยัยหวาน โห ไม่น่าเชื่อว่ายัยวาจะพูดแบบมีสาระเป็นกะเขาด้วย เห็นห้าวๆงี้เหอะ หวานซะ คิก คิก สาระอีกต่างหาก
" ตลอดที่ผ่านมาที่เราสองคนคบกันมาน่ะนะ เราพูดด้วยเหตุผล มีอะไรก็พูดคุยกัน วาก็ทำตัวตามปกติ ไม่ได้เปลี่ยนแปลงอะไรเลย นะคะ "
" จำไว้นะคะว่า คนเราคบใครแล้ว อย่าพยายามเปลี่ยนแปลงตัวเองให้มากนัก เพื่อเขาคนนั้นเลยคะ .... และก็อย่าพยายามฝืนใจเขา ให้มาเปลี่ยนแปลงตัวเองเพื่อเราเลยค่ะ ฝืนกันไม่ได้หรอกค่ะ "
" เราต้องเอาความคิดของทั้งสองฝ่ายมาพุดคุยกันค่ะ คุยแบบหารสอง คือ จูนความคิดมาคนละครึ่ง อย่าคิดว่า ความคิดของฉันถูก ของเธอผิด แบบนี้ไม่ใช่แล้วค่ะ ..ถ้าเราคิดแบบนี้ มีแต่แตกหักคะ ..... เราจะมาพบกันคนละครึ่งทางคะ ไม่ว่า ความคิดเห็นหรือ อะไรแล้วแต่ .."
............ โอโห ... ยัยวา เก่งเหมือนกันนี่นา สอนมวยน้องซะ เงียบกริบ เอ หรือว่าหลับหว่า ... อิอิ
" พีวา คะ สมแล้วค่ะที่พี่นนท์เขาชมพี่วา ให้หวานฟังบ่อยๆว่า พี่วา น่ะ เป็นคนดี จริงใจกับคนอื่น เป็นคนจริงใจในการคบคน " ........ น้านนนนน นายนนท์ชมเราให้ยัยหวานฟังด้วยหรือ นี่ เป็นไปได้ไง งง
" พี่นนท์พูดให้หวานฟังบ่อยค่ะว่า พี่น่ะ เป็นคนเรียบง่าย ไม่เรื่องมาก ออกจะปอนๆ ติดดินด้วยซ้ำไป ใครพูดคุยด้วยแล้วสบายใจ พี่วา เป็นคนที่มีเหตุผล เหมือนที่พี่เค้าบอกจริงๆคะ .....ขอโทษเรื่องที่ผ่านมาน่ะคะ ....." ...... เอ ยัยหวาน จะมาไม้ไหนอีกเนี่ย เฮ้อ ชักเบื่อ เหนื่อยอีกแล้วยัยวาเอ๋ย ทำไมมีแต่เรื่องร้ายๆตลอดเลย
.......... คุยได้สักพัก เธอเริ่มบอกว่า ขอเป็นน้องสาว เลยบอกเธอว่า ไม่เอาหรอกน้องสาวน่ะ น่าเบื่อ รำคาญ ไม่ชอบมีน้องด้วย
งั้น ขอเป็นเพื่อนด้วยได้ไหมค่ะ ... เอ่อ เพื่อนก็ไม่เอาค่ะ เพื่อนมีเยอะแล้วค่ะ ... ..ไม่ว่า ยัยหวานจะมาแบบไหน ยัยวา ปฎิเสธโดยสิ้นเชิง
เป็นไปได้ไง ไปคุยให้แฟนใหม่ฟังว่า ยัยวา ดีอย่างโง้น ดีอย่างงี้ คบกันมาตั้ง 5 ปี เชอะ ถ้ายัยวา ดีจริงนะ ทำไมนายถึงทิ้งยัยวาไปได้ลงล่ะ ...
......... อย่านะ อย่าไปหลงคารมเขาให้มากนักนะ อย่าเชื่อใครอีกนะยัยวา เชื่อมั่น เชื่อใจตัวเองดีที่สุดแล้ว ..... ช่ายๆๆ คนอย่างยัยวา น่ะ ไม่เชื่อใครง่ายๆอยู่แล้วล่ะ จริงๆนะ
" พี่วา คะ อย่าบอกพี่นนท์ นะคะว่า หวานโทรมาคุยกะพี่วา นะคะ อย่าบอกนะคะ ขอร้องละคะ ..." เสียงยัยหวานอ้อนวอนมาตามสาย .. ฮึ คิดหรือว่า คนอย่างยัยวา เล่นกลไม่เป็น ยัยวาก็ร้ายนะ ร้ายเหมือนกัน เวลาดีก็ดีใจหาย เวลาร้ายก็น่าดู
" ไม่รับปากนะคะว่า จะบอกนนท์ดีหรือไม่ ว่ามีคนโทรมารบกวนวาตอนกลางดึกน่ะค่ะ นายนนท์คงไม่ชอบใจแน่เลย หากเขารุ้ว่าเราโดนรบกวนตอนเวลานอน เขารุ้ดีค่ะ ว่า วาน่ะ ไม่ชอบให้ใครรบกวนเวลาส่วนตัวของเรา ....."
" แล้วคุณหวาน ก็ไม่ต้องห่วงนะคะ ถ้านายนนท์มาหาวาจริงๆแล้ว จะโทรไปบอกค่ะ แค่นี้นะคะ บายคะ หวังว่า ต่อไปคงไม่โทรมารบกวนอีกนะคะ ขอบคุณ "
........ ยัยวา ทิ้งระเบิดลูกสุดท้าย ก่อนที่จะยิ้มแบบสะใจ ตามประสานางเอกที่ไม่งี่เง่าเหมือนนิยายน้ำเน่าทั่วไป เฮ้อ พรุ่งนี้จะเป็นไงหนอ ชีวิตยัยวา จอมป่วน เฮ้อออออ (อีกที)
............ กริ๊งงงงง ...กริ๊งงงง ... ฮ้าววว ....ยัยวาอ้าปากหาวแต่เข้า เช้าอีกแล้วหรือนี่ ....บิดซ้ายขวา หน้าหลังสองที สลัดความขี้เกียจออกไปจากร่างกายหญิงสาว เอามือทุบนาฬิกาปลุกให้มันหยุดร้อง ไม่ทุบ ไม่หยุดร้อง เป็นนาฬิการุ่นระบบสัมผัส (ใช้กำปั้นทุบเอาน่ะ อิอิ )
........... ติ๋ดๆๆๆ..... ติ๊ดๆๆๆๆ..... ติ๊ดๆๆๆ ..... อ้าวววววววว เฮ้ย ใครโทรมาแต่เช้าอีกฟะเนี่ย นี่แหละ หนอ ชีวิตยัยวา เพื่อคนอื่นโดยแท้จริง เฮ้ออออ เบื่อๆๆจังวุ้ย(ค่ะ)
" วา นี่นนท์เองนะ วา เมื่อคืนหวานโทรมาคุยกับวาเหรอ นนท์บอกเขาแล้วอย่าโทรมารบกวนวา นนท์ขอโทษแทนหวานด้วยนะ "
....... ได้ผลแฮะ ยัยวา หายง่วง เป็นปลิดทิ้ง ..... " นายนนท์ นายไปแล้วโทรมาหาเราทำไมอีก ทำไมต้องโทรมาด้วย เราพยายามที่จะลืมเรื่องราวที่ผ่านมานะ อยากลืมให้หมด "
" นนท์ เรามีเรื่องอยากจะคุยกะนาย เราอยากจะบอกว่า ต่อไปนี้ เราสองคนเลิกคบกันเหอะนะ ให้เรื่องระหว่างเราสองคนมันจบลงตรงนี้ ตอนนี้เลยเพราะ ขืนเราคบกับนายต่อไป ก็ไม่มีอะไรดีขึ้นเลย เราไม่อยากรอ ไม่รู้จะรอใคร รอเวลาอะไร เวลาที่เหลืออยุ่น่ะ ให้เราทำใจบ้างนะ "
" เรารุ้ว่า 5 ปี ที่ผ่านมาไม่ได้ทำให้นายหรือเราเปลี่ยนแปลงตัวเองในทางที่ดีขึ้นเลย เพราะนายน่ะ อ่อนแอเกินไป เราน่ะ เข้าใจนะ ว่านายน่ะใจดี อ่อนแอ อ่อนโยน จนกลายเป็นคนที่โลเล เพราะ 5 ปี ยังลืมกันได้ นับประสาอะไรกะ 5 เดือนล่ะ เราเบื่อ ท้อนะ ..."
.......... เป็นครั้งแรกที่นายนนท์เริ่มห่างเหินยัยวาไป และเพิ่งมีโอกาสครั้งนี้แหละที่เขาโทรมาหายัยวา ยัยวาจอมป่วนเลย ป่วนไม่ออก นอกจากพูดๆๆๆๆ พูดให้หายค้างคาใจในปัญหาที่เกิดขึ้น
" วา ไม่ได้นะวา วา จะพูดอย่างงั้น ไม่ได้นะ ทำไมต้องบอกเลิกกะนนท์ด้วยล่ะ "
" เรื่องที่ผ่านมา นนท์ ขอโทษ เราหลงผิดไปเอง เราคิดผิด อาจจะเป็นเพราะช่วงนั้น วาทำเหมือนไม่แคร์เรานี่ เราแค่อยากให้วา แคร์เราบ้าง หันมาพุดจาหวานๆกะเราบ้าง เราแค่แกล้งประชดวา นะ แต่นนท์ไม่คิดว่า เรื่องราวมันจะเลยเถิดมาถึงขนาดนี้ "
" วา เรา รักวา นะ รักมากด้วย เราขอโทษที่ผ่านมา ทำให้วาเข้าใจผิด ว่านายนนท์คนนี้ไม่เคยรักวาเลย เพียงแค่ลองใจ สุดท้าย เรานี่แหละที่เป็นฝ่ายเจ็บปวด เจ็บในใจ กลัวว่า เราจะเสียวาไปจริงๆ ...... วา นนท์รักวา นะ ได้ยินไหม ?? "
.......... นายนนท์เริ่มร้อนรน กระวนกระวาย เสียงเริ่มสั่นครือ ....นนท์ วารู้นะว่า นายน่ะ อ่อนแอเสมอ ทำไมนายไม่ทำตัวให้เข้มแข็งเหมือนอย่างที่นายว่า ยัยวา ไว้ล่ะ นายจำได้ไหมว่า นายพูดกะวา ว่าไงบ้าง .......
....... นายบอกว่า วาเก่ง เนอะ เข้มแข็ง เก่งไปหมดทุกอย่าง ไม่ขี้แย ไม่ขี้อ้อน เหมือนผู้หญิงทั่วๆไปด้วย ..... ฉะนั้น นายนนท์ นายต้องทำให้ได้เหมือนวาซิ อย่าอ่อนแออีกเลย
........" นายมาบอกรักเราช้าเกินไปแล้วนะ ช้า เกินไป เพราะนายมีพันธะ มีคนให้เป้นห่วง ที่ไม่ใช่ยัยวาจอมป่วนอีกต่อไป "
......." แต่ก็ดีใจนะ นนท์ที่นายมาบอกว่า รักเรา แม้ว่า ตลอด 5 ปีที่ผ่านมา นายจะไม่เคยเอ่ยคำนี้กะเราเลย ได้ยินก็สุขใจแล้ว ขอบใจมากนะ เพื่อนรัก .".....
............ ยัยวา ยอมรับนะ ว่าตอนนี้ ตอนที่บอกเลิก คุยโทรศัพท์กับนายนนท์นั้น ยัยวา ได้เสียน้ำตาให้แก่ตัวเอง หรือให้ใครหรือเปล่า มีน้ำตา แต่ไม่มีเสียงสะอื้นไห้
.......... ร้องไห้ ให้พอเถอะยัยวา ร้องวันนี้ แล้วพรุ่งนี้ค่อยยิ้มสุ้ชีวิตใหม่ แต่อย่าร้องไห้ให้ใครเขาเห็น เขาสมน้ำหน้าเราได้ คนเรามีรัก มีชัง นี่แหละคนเรา
.......... ทางด้าน นายนนท์ เพิ่งรุ้ใจตัวเอง เพิ่งค้นพบใจตัวเอง ว่าตลอดเวลา 5 ปีที่ผ่านมานั้น เขาไม่ได้รู้ใจตัวเองเลย ว่าคิดยังไงกับยัยวาจอมป่วน แต่ก็สายไปเสียแล้วนายนนท์เอ๋ย เพิ่งรุ้ตัวเอง ก็ต่อเมื่อได้สูญเสียเธอไป ..... นี่แหละมั้ง ที่คนเขาชอบพูดว่า ...สิ่งของที่อยุ่ในมือเรา เรามักไม่รุ้ถึงค่า ไม่รุ้คุณค่าของสิ่งของนั้น เพิ่งมารู้สำนึกได้ก็ต่อเมื่อได้สูญเสียสิ่งของนั้นให้แก่คนอื่นไปแล้ว เหมือนนายนนท์ ที่เพิ่งรู้ว่า ใจตัวเอง รักยัยวา ก็ต่อเมื่อ ยัยวาได้เดินแยกทางไปจากชีวิตเขาแล้ว สายไปเสียแล้วนายนนท์
.......... ช่าย นายนนท์ หน้าโง่ อวดดี หยิ่งแล้วอวดดีอีก อ่อนแอจนได้เรื่อง ถ้าใจเราเข้มแข็งกว่านี้อีกหน่อยนะ เราคงไม่สูญเสียวาไป เพื่อนที่แสนดี ดีมากๆด้วย
........ วา เราจะทำไงดีให้ วากลับมาเป็นยัยวา เป็นยัยจอมป่วนเหมือนเดิมของนายนนท์คนนี้ เราเศร้า เหงานะ หากไม่มีวา วา เราขอโทษที่ผ่านมาเราเพิ่งรู้ใจตัวเอง เรายอมรับว่าโง่มากๆ ...... วา เราอยากบอกนายนะว่า ตอนนี้เราอ่อนแออีกแล้ว อ่อนแอจริงๆด้วย เราไม่เคยเข้มแข็งได้สักที ไม่ว่ามีอะไรเกิดขึ้น
............ แต่ครั้งนี้เราอ่อนแอเพระวา นะ วา อย่าโกรธเรานะ เราขอร้องไห้เป็นครั้งสุดท้าย น้ำตาลุกผู้ชายเริ่มคลอเบ้า ไม่มีเสียงสะอื้นจากนายนนท์ มีเพียงดวงตาแดงก่ำ และสีหน้าอันแสนเจ็บปวดที่ได้เจอเรื่องร้ายๆ .... ดีแล้ว นายนนท์ สมน้ำหน้าตัวเอง อยากโง่ดีนัก
.............. นายนนท์ ทรุดนั่งกะพื้น ไม่มีเรี่ยวแรงที่จะทำอะไรอีกต่อไปแล้ว หมดหวัง หมดกำลังใจ หมดไปทุกสิ่งทุกอย่าง ท้อแท้ เหนื่อยใจเหลือเกิน ที่จะเกินรับได้ แต่ก็จำต้องรับสภาพที่ตัวเองก่อขึ้นมา .........
..... รู้สึกสับสนในใจ ยามเธอจากไปไกลห่าง
อาจจะเงียบเหงาอ้างว้าง ไร้เธอเคียงข้างดังเดิม
...............................................................................
3 สิงหาคม 2548 01:01 น.
ฉางน้อย
..... เธอเป็นแฟนฉันแล้วรู้ตัวบ้างไหม แล้วเมื่อไหรหนอฉันจะได้เป็นแฟนของเธอ ........เสียงฮัมเพลงเจื้อยแจ้วมาแต่เช้า ไม่ใช่เสียงใครที่ไหน ยัยวา จอมป่วนนี่เอง
ยัยวา ไม่ทานข้าวก่อนเหรอ เสียงพี่สาวร้องถามน้องสาวสุดที่รัก
ไม่หิวค่ะ พี่วรรณ ยัยวาตะโกนตอบพี่สาว พลางก็ใส่ผ้าใบคู่โปรดเตรียมเดินทางออกนอกบ้าน
ไปก่อนนะคะ พี่วรรณ ไม่ต้องรอทานมื้อเย็นนะค่ะ กินพร้อมนายนนท์เลยน่ะค่ะ บายค่ะพี่ ยัยจอมป่วน ตอบไม่หันมอง ก็วิ่งออกไปทันที
เอ ทำไมเขาไม่รับโทรศัพท์เราหว่า
เอ ทำไมเขาไม่โทรกลับหาเราหว่า
เอ เขาไม่สบายไปหรือ เปล่าหน๊อ
เอ หรือ ว่า เขาไม่สบายจริงๆ
เอ หรือว่า เขาซักผ้าในห้องน้ำ เลยไม่ได้ยินสัญญาณมือถือ
เสียงรำพึงรำพันในใจของยัยวา ยังไม่หมด ยัยวาอดที่จะคิดไม่ได้ เพียงแต่คิดอีกที เอาน่ะ เดินอีกนิดเดียว เดี๋ยวก็ถึงห้องเขาแล้วนี่ ไอ้นายนนท์ตัวแสบ จำไว้เลย ไอ้เพื่อนบ้าๆๆ พูดไปงั้นแหละ เดี๋ยวไปถึงก็คุยดีอีกแหละ ยัยวาเอ๋ย
นายนนท์เอ๋ย ถ้าเพราะไม่ใช่ของฝากจากทางใต้แล้วนะ เราไม่มีทางเดินมาหานายถึงที่นี่หรอกน่ะ เชอะ ไม่เจอกัน 5 วันแทนที่จะโทรหาเรา ไม่มีซะละ ว้า เรา พูดมาก ขี้บ่นอีกแล้วเหรอนี่ ยัยวา อย่าบ่นๆๆ
นี่เห็นไหม นายนนท์ เรามาหานายจนได้ ทั้งๆที่ขี้เกียจนะเนี่ย แต่เพื่อของฝากให้นาย พร้อมทั้งงานศิลป์ฝีมือเรา ยัยวาเพื่อนนาย ทำสุดฝีมือเลยน๊า ทำพิเศษ เพื่อนาย เพื่อเพื่อนคนพิเศษ
เฮ้อ คิดแล้วเศร้าใจจัง ยัยวา แค่เพื่อนหรือ 5 ปีที่คบมาแค่เพื่อนเองหรือ น่า เอาน่ะ ยัยวา อย่าเพิ่งคิดมากซิ ปลอบใจตัวเองเสร็จก็ ย่างเท้าก้าวขึ้นบ้าน
ก๊อก ๆ ๆ นายนนท์ เปิดประตูหน่อย ...... เงียบ
ก๊อก ๆ ๆ ไอ้นายนนท์ เปิดประตูหน่อยดิ๊ ..... เงียบ อีกเช่นเคย
เอ มีเสียงโทรทัศน์เปิดทิ้งไว้นี่น่า แต่ทำไมเงียบจัง อยู่ในห้องน้ำป่าวหว่า
กำลังจะใช้กำปั้นทุบประตูอีกที อ๊ะ ๆๆ เปิดได้แล้วหรือยะ นายนนท์ เรียนนานแล้วนะ ไอ้เพื่อนนนท์ นี่คือ สำเนียง และสำนวนที่ยัยวาชอบพูดเล่นกะนายนนท์บ่อยไป ทั้งๆที่นายนนท์เคยบอกให้ยัยวา ทำตัวเป้นสาวน้อยแสนหวานบ้าง แต่ยากที่ยัยวาจะทำตามคำขอของใคร
เฮ้ย นายนนท์เป็นไร ทำไมหน้าซีดจัง ไม่สบายป่ะ ? ยัยวาเริ่มต้นถามเพื่อนซี้ที่คบมา 5 ปี
โห อะไรกันเนี่ย เพื่อนฝูงมาหาถึงที่ห้อง ไม่ยอมเปิดประตูให้เพื่อนเข้าไปหาน้ำหาท่ากินเลยหรือนี่ งกจัง ยัยวาอีกแล้ว ชอบพูด บ่นไปตามเรื่อง ทั้งๆที่จริงแล้ว ยัยวากะนายนนท์ คบหากันได้นานถึง 5 ปี เลยสนิทสนมกันได้เต็มที่ ห้องนายนนท์ก็เหมือนห้องยัยวา เข้าออกได้ เปิดตู้เย็นหาอะไรกินได้ตามสบาย แต่ยัยวา ก็คือ ยัยวา ขอให้ได้อ้าปากพูด ขอให้ได้บ่น
แน่ะ คนจะเข้าบ้าน ขวางทางอีก วุ้ๆ หลีกๆๆ ถอยๆๆ ยัยวาจอมป่วนไล่เจ้าของห้องเฉย นายนนท์จำต้องขยับหลีกทางให้เพื่อนเดินเข้าห้องไป
ตกใจมาก อึ้ง มือสั่น พูดไม่ออก ใจสั่น หวิวๆ ยอมรับว่า ตกใจมากจริงๆที่เห็นผุ้หญิงอีกคนอยุ่ในห้องนายนนท์ หญิงสาวหุ่นอวบ ท้วม ผิวคล้ำ นั่งอยุ่บนเตียงนอนของนายนนท์ เธอมาได้ไง ทำไมถึงมาอยุ่ที่นี่ได้ ในเมื่อนายนนท์เคยบอกเรานี่ว่า ห้องนี้มีเราคนเดียวที่เข้ามาวิ่งเล่นเข้าออกได้ เราซึ้งเป็นผู้หญิงที่นายไว้ใจมากที่สุด นายเคยบอกเรางี้นี่นา แล้วทำไม ทำไม ..??? น่ะ ยัยวา อย่าเพิ่งคิดมากน่ะ ปลอบใจตัวเอง แต่ก็อดแปลบในใจไม่ได้
อ่อ รุ่นน้อง เพื่อนที่ทำงานด้วยกันน่ะนะ เขามาธุระเรื่องงาน พอดีนนท์ไม่สบาย น้องเขาเลย ช่วยเช็ดตัวให้น่ะ
อ่อ มิน่า ตอนที่เรามาถึง นายนนท์ไม่ใส่เสือ้เลย พยายามคิดในแง่ดีน่ะ ยัยวา อย่าเพิ่งคิดอะไรมาก
นี่ เพื่อนพี่นะ ชื่อ วา ..... จบแล้ว จบกัน ความฝันของยัยวา เขาบอกเองนี่ว่า แค่เพื่อน เสียงนายนนท์ เพื่อนยัยวา บอกสาวคนนั้นเบาๆ แค่เพื่อน
นายนนท์ ที่ผ่านมา 5 ปี แค่เพือนเองใช่ไหม .......ยัยวา กลืนก้อนสะอื้นไว้ จะร้องไห้ก็ไม่ได้ พูดก็ไม่ออก เจ็บจี๊ดในหัวใจ ยัยวาได้แค่คิดไม่กล้าถามหรอก ถามทำไมให้ปวดใจตัวเองล่ะ
........ นั่งก่อนซิค่ะ พี่วา เสียงแม่สาวเชื้อเชิญในฐานะเจ้าของห้องซะด้วย
อ๋อ ไม่หรอกค่ะ พอดีมีธุระต้องไปต่อค่ะ พี่วาของแม่สาวตอบแทบไม่มีเสียง ...... ยื่นของฝากจากใต้ให้นายนนท์แล้วก็เดินกลับออกมา ไม่ได้หันหลังกลับไปดุเลย ยากเกินทำไจ .... เฮ้อ งานศิลป์ชิ้นพิเศษ เพื่อคนพิเศษ เขาคงไม่อยากได้จากเราแล้วล่ะ ยัยวาเอ๋ย เราไม่กล้าให้เขาด้วย กลัวเขามองเป็นสิ่งไร้ค่ะ ไร้ราคา กระจกเพ้นท์ลายยังอยุ่ในเป้สะพายด้านหลังเหมือนเดิม ข่างเหอะ กระจกเอ๋ย เขาไม่อยากได้เจ้าเป้นเจ้าของแล้วนะ
ยัยวาเอ๋ย ทำไมเราต้องมาเจอด้วยตัวเองด้วยน๊า คิดแล้วก็น่าขำชีวิตตัวเอง เคยดุมิวสิคนะ เนื้อเรื่องเหมือนเราเปี๊ยบเลย เหมือนยิ่งกว่าเหมือน นั่งดูมิวสิคเพลงเก่าๆยังเคยพูดกะนายนนท์เลยนะว่า โห พระเอก ทำไมหลายใจจัง ทำไมใจร้ายกะนางเอกจังเลย .... เฮ้อ ชีวิตจริง เรา ยัยวา ไม่ใช่นางเอกของเขานี่ ถึงได้ผิดหวัง
...... เอ แล้วนี่เราเดินออกมาจากห้องเขา เดินมาปากซอยตอนไหน อ่อ จำได้ๆๆ ตอนขากลับเดินออกมายังคิดเลยว่า ทำไมระยะทางตอนขากลับออกมา ทำไมมันช่างยาวนานมากเลย เดินเท่าไหร่ไม่ถึงสักที เฮ้อ คงเหมือนใจคนน่ะนะ ที่เรายิ่งใกล้ เหมือนเขายิ่งห่างออกไปทุกที
จิตใจตอนนั้น บอกไม่ถุกว่าเป็นยังไง รุ้แต่ว่า เหงาๆ เศร้าๆ มันเหนื่อยล้า อ่อนแอในหัวใจยังไงไม่รุ้ อยากจะมีน้ำตาก็ไม่ไหล ร้องไห้ก็ไม่ได้ พูดไม่ออก จุกไปหมด แน่นไปทั้งใจ
....... ก็นั่งคิดทบทวนนะ ว่าเราทำอะไรผิดหรือเปล่า เขาถึงได้ทำกับเราได้ขนาดนี้ คนเราก็แปลกจริงๆแหละนะ กว่าจะได้รุ้ค่าของใครสักคน ก็ต่อเมื่อได้สูญเสียเขาไป ต่อมาเขามาเดินจากเราไป
เพราะตลอดเวลา 5 ปีที่ผ่านมา เราสองคน ยัยวา กะ นายนนท์คบกันด้วยดี ไม่เคยทะเลาะกันเลย มีแต่เขาง้อเราตลอด เราก็แกล้งงอน เขาก็ไม่เคยบ่น เพียงแต่เขาบอกให้ยัยวา ทำตัวเป็นสาวน้อยแสนหวานบ้าง อย่าทำตัวก๋ากั่นมากนัก อย่าซ่าให้มากนัก
นายนนท์เคยมาเล่า มาบอกให้ฟังว่า มีสาวๆที่ทำงานมาชอบเขาหลายคน ไม่แปลกหรอกน่ะ เพราะนายเทค์แคร์คนเก่งอยุ่แล้ว ไม่สนๆๆ นายก็ทำท่าเหมือนน้อยใจน่ะนะ แต่เราก็ไม่ได้คิดอะไร ยังแซวๆนายเล่นเลย
นายยังถามเราเลยว่า ไม่หึง ไม่หวงบ้างเหรอ ???
เราคงตอบนายช้าไปใช่ไหม ว่า เรามีสิทธิ์ที่จะหึง มีสิทธิ์ที่จะหวงนายด้วยหรือ เพราะ ตลอด 5 ปีที่ผ่านมานั้น เราไม่เคยรุ้ว่านายคิดกับเราแบบไหน และเราก็ไม่รุ้ว่า เราคิดกะนายแบบไหน เพราะเวลาเราเห็นนายอยุ่กับคนอื่น แล้วใจเราเจ็บ ใจเราปวด นายเคยรุ้บ้างไหม แต่ช่างเหอะ มันคงสายไปแล้วจริงๆด้วย
หึงนายเหรอ ....หวงนายเหรอ ..ไม่กล้านะ ทั้งๆที่อยากทำ แต่นายก็ทำเหมือนเราคนคุ้นเคยกัน เราไม่กล้าสรุปเอาเองว่านายคิดยังไงกับเรา
นายนนท์ เพื่อนรัก แต่ยัยวาคนนี้ก็ดีใจนะ ที่เวลานายเดือดร้อนอะไร แล้วนายก็คิดถึงเราเป็นคนแรก (นายเคยบอกไว้อย่างงี้นี่นา) นายมักโทรมาบ่อยๆมากๆ
เฮ้ย ยัยวา นนท์สอบติดได้บรรจุครู กทม.แล้วนะ
นี่ ยัยวา นนท์จะเลือกลงบรรจุที่ไหนดีล่ะ ช่วยเราคิดหน่อยซิ
นี่ ยัยวา เราทำกระเป๋าตังค์หายน่ะ ทำไงดี
เฮ้ย ยัยวา กุญแจห้องเราหายอีกแล้วว่ะ ทำไงดี
เฮ้ย ยัยวา ..... ฯลฯ สารพัดยัยวา ยัยวาเก่งเสมอสำหรับนายนนท์
ชานนท์เพื่อนรัก เรา..ยัยวา คนนี้ไม่ได้ร้องไห้ ไม่ได้เสียใจนะ ยัยวาเก่งไง เพราะเราเก่งเสมอในสายตานายน่ะซิ เราจะอ่อนแอให้นายเห็นไม่ได้
เราไม่ได้ร้องไห้ ไม่ได้เสียใจนะ เราดีใจด้วยต่างหากที่นายเลือกทางเดินถุกแล้ว นายเลือกทางเดินที่ดีที่สุดแล้วล่ะ เราไม่ได้ต้องการเหนี่ยวรั้งนายไว้นะ อนาคตนายยังอีกไกล เราเป็นใคร และนายเป้นใคร เราเริ่มรุ้ตัวแล้วล่ะ ว่าไม่เหมาะสมกะคนอย่างนาย นายรับราชการเป็นครู มีบั้งมีขีดบนบ่า เราไม่กล้าเดินคุ่กะนายหรอกน่ะ เรารู้ตัวเองดีน่ะ
ยังไงซะ เรา ยัยวาคนนี้ยังรักเพื่อนเสมอนะ แต่เป็นรักทีไม่ต้องการครอบครอง
เราอยากจะบอกว่า เรารัก เพราะ รัก มันอธิบายความหมายไม่ได้หรอก สำหรับเรา ยัยวาคนนี้ ไม่มีเหตุผลในความรัก
เมื่อรักแล้วไม่จำต้องหาเหตุผลมาอ้าง ไม่ใช่ว่า รักเพราะนายเป็นคนดี ไม่ใช่ว่ารักเพราะ นายเป็นเพื่อนที่ดี ถ้าไม่อย่างงั้นแล้ว หากนายเป็นคนเกเรา แล้วเราคงหมดรักนายงั้นซิ บอกแล้วไม่ใช่ไง ... บอกแล้วไม่มีเหตุผลมาหักล้างคำว่า รัก ได้ ฉะนั้น อย่ามาถามเราว่า ทำไมจึงรัก .....บอกว่า รัก เพราะ รัก ไง ....
............... จากกัน ทั้งที่ยังรัก
เจ็บปวดเป็นเรื่องธรรมดา
เพียงเสียดายเวลาที่ผ่านมา ( 5 ปี )......