10 ตุลาคม 2548 23:42 น.
ฉางน้อย
ทุกครั้งในยามค่ำคืนที่เราได้พูดคุยกัน ทำให้ฉันรู้สึกว่ามีความผูกพันธ์เกิดขึ้นในใจ มีความรู้สึกว่า คุณคือ คนพิเศษในใจฉันเสียแล้ว
ความรู้สึกพิเศษนี้ไม่ได้เกิดขึ้นได้ง่ายๆกับหัวใจใครบ่อยนักแต่หากว่ามันเกิดขึ้นแล้วยากที่จะลบเลือนจากใจได้ และจะมีเพียงหนึ่งเดียวในใจฉันตลอดไป
อืม.. ฉันให้เขาเข้ามาเป็นคนพิเศษในหัวใจฉันแล้ว แต่ฉันไม่รู้ว่าในใจเขานั้นมีฉันเป็นคนพิเศษอยู่บ้างหรือเปล่านะ ทั้งๆที่เขาบอกว่า ตอนนี้ในใจเขานั้นมีฉันเข้ามานั่งในใจเขาแล้วล่ะ มาทำให้เขาปั่นป่วนหัวใจเล่นบ่อยๆ เอ จะเชื่อเขาดีไหมหนอใจเจ้าเอย
ก็อาจจะใช่นะ ที่ตัวฉันเองเคยมีความผูกพันธ์กันก่อนหน้านี้มา เปล่าน่ แค่ผูกพันธ์กันทางใจแค่นั้นเอง ไม่มีอย่างอื่น อย่าคิดมากซิ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าคนแรกที่รุ้จักกันนั้นจะเป็นความรักครั้งแรกของฉันนี่ เพียงแต่มันเป็นความรู้สึกที่ดีๆต่อกัน เป็นความชื่นชม ชื่นชอบต่างหาก มันไม่ใช่ความรักหรอกน่ะ ไม่ใช่นะ
ช่างเถอะนะ เรื่องเก่าๆที่ผ่านมาแล้ว อย่าไปหวนคำนึงถึงมันอีกเลย ใช่ ใช่ ฉันจำคำพูดของคุณได้นี่ คุณเคยบอกฉันไว้อย่างนี้นี่นา
แต่สำหรับใครคนนั้นแล้ว ฉันอยากจะบอกว่า ที่ฉันคบกับคุณนั้น ฉันบริสุทธิ์ใจ ไม่สนว่าคุณทำงานระดับใด แต่ฉันจริงใจ ดีใจที่ได้รุ้จักคุณ ยิ่งรุ้จัก ยิ่งรักมากขึ้นๆๆ ทุกวันๆ
หากฉันตอบคำถามตัวเองไม่ได้สักที ว่าฉันรักคุณมากแค่ไหน ไม่รุ้ซินะ รักแค่ไหน รู้เพียงว่า ขอให้ได้รักก็พอ รักที่ไม่หวังครอบครอง ไม่หวังเป็นเจ้าเข้าเจ้าของ อยากให้เขามีสุขกับคนที่เขารักมากกว่า ซึ่งอาจไม่ใช่ฉันก็เป็นได้ ฉันรู้ตัวดี บางที ฉีนคนนี้อาจเป็นแค่ทางผ่านที่ให้เขาได้ก้าวเดินไปเจอสิ่งดีๆในชีวิตเขา ไม่เป็นไรนะ ฉันยินดีด้วยหากเป็นเช่นนั้น
นั่นเป็นคำพูดที่เราเคยคุย บ่อยครั้งที่ฉีนเผลอคิดถึงคุณ ก็ไม่รุ้ว่าทำไมเป็นไปได้มากมายขนาดนี้ ใจเอย ช่วยบอกที ทำเช่นไร ถึงจะไม่คิดถึงเขามากนัก
ฉันเคยถามคุณว่า หากวันใดวันหนึ่งฉันมีอันต้องจากคุณไป คุณจะยังคิดถึงฉันไหม ? คุณจะคิดถึงฉันบ้างไหม ? ใช่ ฉันอาจจากคุณไปแค่ 4-5วัน หรือ มากกว่านั้นหรือ ตลอดไปเลยก็ได้ อยากให้คุณคิดถึงฉันบ้างนะ แม้เพียงเศษเสี้ยวใจของคุณที่มีก็ยังดีนะ
คุณกลับย้อนถามฉันว่า " ทำไมล่ะ จะทิ้งกันแล้วหรือ ? ใครจะทิ้งใครกันแน่ ? "
" จำไว้นะ ไม่ว่าเธอจะจากผมไปไหน ไกลแสนไกลสักเพียงใด หากคุณยังคิดถึงผมอยุ่นะ ให้มองขึ้นบนท้องฟ้า จะได้รู้เห็นว่า ณ. ฟากฟ้าหนึ่งยังมีประกายดาวเหนือ ที่ยังให้ความคำนึง ยังห่วงใย ยังรัก และ ให้กำลังใจเสมอนะ อย่าลืม.."
ฟังคำพูด คำตอบของคุณแล้ว ซึ้งใจจังค่ะ น้ำตาซึม แม้อาจเป็นเพียงวาจางามง่ายดั่งสายลมผ่าน(หรือเปล่านะ) แค่ได้ฟังยังสุขใจแล้วล่ะค่ะ
แต่ก็ไม่รุ้ซินะ คำพูดแบบนี้เขาอาจพูดกับใครต่อใครมากมายแล้วก็ได้ ใครจะไปรุ้ (คุณมักจะบอกกับฉันเสมอๆว่า ฉันชอบคิดมากจัง) อืม ..คิดบ้างก็ยังดีกว่าไม่คิดอะไรเลยนะค่ะ
เอาเถอะน่ะ ไว้ให้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์ก็แล้วกัน สุดท้ายคุณก็บอกกับฉันแบบนี้อีกแล้ว (เป็นครั้งที่ 108 แล้วมั้งคะ)
น่ะ จะอย่างไรก็ตามฉันก็ขอบคุณคุณมากมาย ที่ยังคิดถึงฉัน ขอบคุณในความห่วงใยที่มีให้กัน คุณทำเหมือนฉันเป็นเด็ก ก่อนนอนห่มผ้าด้วยนะ ..อย่าอาบน้ำที่เย็นจัดๆล่ะ ระวังปอดบวม...สารพัดความห่วงใยที่คุณพร่ำบอกกล่าวกับฉัน ค่ะๆๆ ฉันก็ได้แต่รับปาก ทั้งๆที่ฉันไม่ใช่เด็กๆอย่างที่คุณคิด
คุณพูดเองนี่ว่า แม้เราสองคนจะ***งคนละปลายฟ้า หรือ ฟากฟ้าอะไรนั่นของคุณ แต่ใจเราเหมือนชิดใกล้เสมอนะ อย่าลืม ขอเพียงเราเข้าใจกัน หนักแน่น ไม่หวั่นไหว ให้ไว้ใจซึ่งกันและกัน และที่สำคัญที่เราสองคนฝืนไม่ได้คือ พรหมลิขิตของชะตาฟ้าดิน เราฝืนชะตาฟ้ากำหนดมาไม่ได้หรอกนะ ..ค่ะ ฉันเข้าใจคุณค่ะ เมื่อถึงวันนั้นจริงๆนะ เราสองคนต้องทำใจนะ ..ค่ะ ฉันเผลอรับปากคุณอีกแล้วซิคะ ทั้งๆที่ฉันไม่อยากรับรุ้เรื่องอื่นอีกแล้วนะ
บางค่ำคืน เวลาใจเหงาๆก็มองไปบนท้องฟ้าหวังว่าจะได้เจอประกายดาวเหนือ ของคุณ แต่ที่นั่นมีดาวมากมายหลายแสน หลายล้านดวง แต่จะมีดาวดวงใจบ้างที่ใจตรงกับใจฉัน ที่จะมองมาสบตาฉันบ้างหรือเปล่าหนอ ?
ยิ่งเหม่อมองท้องฟ้า คิดถึงเวลาที่***งไกลกันนะ เอ ใครคนนั้น ป่านนี้ทำอะไรอยุ่น่ะ เขาจะยังคิดถึงฉันบ้างหรือ เปล่านะ แค่คิดก็แปลบในใจ เพราะรู้สึกว่ามาระยะหลังเหมือนจะ***งเหินกันซะเหลือเกิน
ฉันกลัวจัง กลัวจะมีความรุ้สึกเดิมๆ ความรุ้สึกที่แย่ๆเกิดขึ้นในใจฉันอีก ทั้งๆที่ฉันเคยพยายามหนีมันมาแล้วครั้งหนึ่ง และก็ได้คุณนี่แหละ เป็นหลักให้พักกาย พักใจ ฉันเคยเสียใจกับคำพูดที่ดีแบบนี้มาแล้วนะ ฉันไม่อยากเสียใจอีก ไม่อยากเริ่มต้นนับ 1 ใหม่อีกแล้วนะ มันเสียเวลามากนะสำหรับผู้หญิงคนหนึ่ง
คุณอย่าเข้าใจผิดนะ ฉันไม่ต้องการเป็นเจ้าของชีวิตของคุณ ไม่ต้องการครอบครองคุณ ไม่อยากได้คุณมาเป็นสมบัตินี่ บอกแล้วไง ได้เพียงตัว แต่ไม่ได้หัวใจ อยากได้ทำไม คืนให้เขาไปจะดีกว่านะ ...นั้นเป็นความคิด(โง่ๆ)ของคุณจริงๆ
ในวันนี้ฉันเหนื่อยเหลือเกิน ฉันมาทวงถามความรักของฉันคืน ฉันอยากจะถามคุณเหลือเกินว่า... " ... รักที่ฝากไว้ ยังเก็บไว้ในใจหรือเปล่า ? .."
" อะไรนะ คุณทำความรักของฉันหล่นหายไปแล้วอย่างงั้นหรือ ? "
" ตอนไหน อ๋อ ตอนที่ฉันไม่อยู่อย่างงั้นหรือ เธอเลยเผลอเรอ ลืมรักของฉัน ทำความรักของฉันหล่นหายไป "
" ไม่เป็นไร นะ ฉันรู้ตัวดีว่า คนอย่างฉันไม่มีค่าพอที่คุณจะเก็บรักเอาไว้หรอก
ยังมีใครอื่นอีกมากมายที่คุณต้องคอยดูแล รักษาความรักนั้นด้วยเหมือนกันนี่
" ฉันรู้ ..คุณเป็นคนมองโลกในแง่ดี ใจกว้าง ขี้สงสารคน แต่คุณลืมสงสารฉัน
คุณลืมสงสารคนที่เคยคุยกันทุกยามค่ำคืน .."
" ไม่เป็นไร อย่างไรก็ตามฉันขอคืนก็แล้วกันนะ ความรักที่เคยฝากไว้น่ะ "
. ต่อไปฉันจะถามหาความรัก และตามหัวใจให้เจอ แม้ว่าใจที่เหลือเป็น
เพียงเศษเสี้ยวของใจที่เว้าๆแหว่งๆ
หากว่าฉันค้นพบหัวใจตัวเองเมื่อไหร่นะ ฉันก็เดินทางต่อไปข้างหน้าอยุ่ดี
เพื่อค้นหาคนที่เขาพร้อมจะอาสามาดูแลและรักษาหัวใจดวงนี้ โดยมิให้หล่นหาย
ระหว่างทางอีกแล้ว
แต่ไม่รู้เมื่อไหร่นะ ที่จะเจอใครคนนั้น หาต่อไป เดินทางต่อไปนะใจเอ๋ย
..... รักที่ฝากไว้ ยังเก็บไว้หรือเปล่า ?
อะไรนะ คุณทำความรักของฉันหล่นหายอย่างงั้นหรือ ?
ไม่เป็นไร ฉันจะออกเดินทางตาม ถามหาความรักกลับมา
ฝั่งทะเลไกลโพ้นเพียงใด ก็จะไปหา
ฝั่งฝันปลายฟ้ากว้างเพียงใด ก็จะไม่ท้อ
สายธารจะไหลเชี่ยว
หนทางจะแสนเปลี่ยวเพียงใด ก็จะไป
หากจุดหมายข้างหน้า ยังมีคนอาสาดูแลและรักษาหัวใจ
.......................................
8 ตุลาคม 2548 13:15 น.
ฉางน้อย
" เอ้า จะรีบไปไหนอีกล่ะยัยเจน "
" อ่อ จะไปสวนจตุจักร น่ะค่ะ พอดีนัดเพื่อนไว้คะ"
" ระวังตัวด้วยละ ไปเหอะ "
เสียงนายปลายหนุ่ม(ใหญ่)ทักทายแม่สาวน้อยข้างบ้านด้วยความสนิทสนม อันที่จริง สาวน้อยคนนี้ เรียนจบแล้ว ทำงานแล้วด้วย หากแต่เขาก็ยังชอบเรียกยัยยุ่ง หรือ บางทีก็สาวน้อย ยัยเจนน่ะ จบด้านงานศิลป์มา เธอชอบทางด้านนี้ รับจ๊อบเองก็เยอะ ในขณะที่นายปลาย หรือ ปลายฟ้านั้น เป็นหนุ่มใหญ่วัยจะย่างเข้าเลข 4 แล้ว แต่ยังครองโสดได้แนบสนิท
เพราะความที่บ้านทาวเฮ้าส์ ติดกัน หลังคาต่อกัน แถวรั้ว ก็ใช้แนวเดียวกันอีก เลยแล้วต่างคนต่างก็ถ้อยทีถ้อยอาศัยกัน มีอะไรก็พึ่งพากันได้ เพราะต่างฝ่ายต่างก็เป็นคนที่มีน้ำใจ แม้นายปลายจะเป็นคนที่พูดน้อยมาก แต่เขาก็เป็นผู้ใหญ่ที่ดี ในขณะที่เจนนั้น ช่างคิด ช่างซักช่างคุย เลยเข้ากันได้ดี ต่างฝ่าย ต่างก็เกิดความรู้สึกแปลกๆออกไป แต่ไม่กล้าคิดอะไรไปมากว่าเพื่อนบ้านธรรมดา
บ่าย 4 โมง กว่าแล้ว ยัยเจนเพิ่งกลับมา " เฮ้ออออ ..เหนื่อยจังพี่พี่ปลาย โห ..คนเยอะมากๆๆ แดดก็ร้อนยังกะอะไร "
" ไป กลับมาแล้วจะบ่นทำไม หือ บ่นทำไม อยากไปเองนี่น่า "
เสียงนั้นพูดหยอกล้อ อย่างเป็นกันเอง เพราะความที่รั้วกั้นแค่หน้าอก เลยทำให้มองหน้าคู่สนทนาได้สะดวก
" พี่ปลายดูซิคะ นายเต้ยเอาต้นไม้ มาฝากให้เจนช่วยดูแลด้วยค่ะ บ้าเนอะ ตัวเองซื้อแล้วไม่ดูแลเอง ชอบเป็นภาระให้คนอื่น "
" ไหน ดูซิ ตันอะไร อ่อ ..ตันรักนี่เอง สวยดีนี่ เจนดูแลซิ "
อ่อ เดี๋ยวนี้เขาสนิทถึงกับฝากต้นรักให้ช่วยกันดูแลแล้วหรือนี่ ยิ่งคิด นายปลายก็รู้สึกแปลบในหัวใจอย่างบอกไม่ถูก
" พี่ปลายขา เจนฝากพี่ดูแลกระถางต้นไม้นี้ด้วยได้ไหมคะ นะคะ น๊า นะคะ ขืนให้เจนดูแล รับรองคะ เหี่ยวแห้งตายกันพอดี "
" นะคะ ถือว่า เจนยกให้พี่ปลายไปเลยแล้วกันน่ะคะ "
เจนพูดจบก็วิ่งจู๊ดเข้าบ้านตัวเองทันที ไม่เหลียวหลังกลับมาเลย ปล่อยให้นายปลายยืนอ้าปากค้าง
สรุปว่า ยัยเจนอ้อนให้นายปลายช่วยดูแลต้นรักกระถางนั้นจนได้ เพราะ เธอรู้ตัวดีว่า เธอไม่มีวันดูแลหรือรับผิดชอบอะไรของใครได้ เพราะขนาดหัวใจเธอเอง เธอยังปล่อยให้มันออกมาลอยล่องหาใครก็ไม่รู้ แล้วอย่างงี้ เธอจะรับผิดชอบอะไรได้
มาช่วงหลัง ทั้งสองต่างไม่ค่อยได้เจอ ไม่ค่อยได้พูดคุยเหมือนก่อน ต่างก็มีงานยุ่ง เจนเองก็มีงานเยอะ นายปลายก็กลับบ้านค่ำบ่อยในระยะหลังนี้ แต่เจนก็สังเกตุว่า หมู่นี้มีสาวแปลกหน้า เข้าออกบ้านนายปลายบ่อยๆ (ที่จริงเจนอยากเรียกสาวคนนี้ว่าหน้าแปลกมากกว่า ) เธอเริ่มคิดว่า เพราะสาวนางนี้หรือ เปล่าที่ทำให้พี่ปลายของเธอห่างเหินจากเธอไป คิดแล้วเม้มปากแน่นด้วยความน้อยใจ
เช้าวันหยุดในวันอาทิตย์ วันแสนสบาย เจนตรงดิ่งเข้าในบ้าน พี่ปลายของเธอด้วยความน้อยใจที่สั่งสมมา เธอเดินหน้างอ เข้าในบ้าน
" พี่ปลายฟ้าค่ะ เจนมาขอต้นรีกของเจนคืนคะ"
" อะไรอีกล่ะ ยัยเจน เรียกชื่อพี่ซะเป็นทางการเลยนะเนี่ย "
" งอนอะไรใครแต่เช้า แล้วมาพาลกะพี่น่ะ เฮ้อ ผู้หญิงตามอารมณ์ไม่ทันจริงๆนะเนี่ย "
" ก็พี่ปลายนั้นแหละ เจนอุตส่าห์ฝากต้นรักให้พี่ช่วยดูแลรักษา ให้ช่วยหมั่นรดน้ำพรวนดินให้ แต่พี่ปลายทำต้นรักของเจนเหี่ยวเฉา รอวันเหี่ยวแห้งจะตายวันตายพรุ่งยังไม่รุ้เลย "
ด้วยความที่ขี้น้อยใจ เธอมาถึงก็พูดๆๆ ไม่สนใจว่าคนฟังจะฟัง หรือ มีกิริยาท่าทางอย่างไร แต่นายปลายก็นั่งอมยิ้ม ฟังยัยเจนพล่ามเฉย มีรอยิ้มเจือด้วยความเอ็นดูมากกว่าที่จะโกรธ ใช่ เขาไม่เคยคิดโกรธเจนเลยสักนิด
" พี่ปลายใจร้าย คนใจร้าย ลืมต้นรักของเจน ใช่ซิ พี่ปลายได้ต้นรักต้นใหม่แล้วนี่ พี่ปลายลืมต้นของเจน ปล่อยให้เ***่ยวแห้ง แต่ตันรักของใครไม่รุ้ พร้อมทึ่จะผลิดอกออกผล พร้อมที่จะเบ่งบานเป็นดอกรักในวันพรุ่งนี้แล้วละมั้ง
น้ำเสียงประชดประชัน แต่ปลายเห็นว่า กริยานั้น น่ารัก น่าขำซะมากกว่าที่จะโกรธเธอสาวน้อยตรงหน้าได้ลง
" ใช่ซิ ดอกรัก บานในใจคนทั้งโลก แต่ดอกโศกบานในหัวใจฉัน "
โอ๊ย เบื่อๆๆ กลุ้มๆๆๆ อย่ามามองแล้วยิ้มเชียว ไม่ชอบ .....น้านน ยัยเจนนี่ก็พาลได้เก่งชะมัดเลย น่าจับตีก้นนัก ถ้าเป็นน้องเป็นนุ่งล่ะ ฮึ่มๆ น่าดูชม
นายปลายขำก็ขำ อยากจะหัวเราะ แต่กลัวว่า คนงอน จะยิ่งงอนเข้าไปใหญ่เลย แกล้งนิ่งเฉย เด็กบ้า เข้าใจเอาคำมาอ้างหาพวกเข้าข้างตัวเอง เฮ่อออ .. ยัยเจน บ๊องส์ เอ ยามคนงอน ก็น่ารักดีเหมือนกันนะ นายปลายยิ้มถูกใจ
" เจน ไหนเจนบอกพี่เองนี่ว่า กระถางต้นรักนี่ ไม่ใช่ของเจนนี่ ไหนบอกว่าเป็นของนายเต้ยไง พี่ก็ไม่สนใจซิ แต่ถ้าเป็นของ ของเจน ที่เจนตั้งใจ และเต็มใจให้พี่ดูแลนะ รับรองพี่จะถนอม ดูแลหมั่นรดน้ำพรวนดินทุกวันเลย จริงๆนะ "
นายปลาย พูดพลางลอบมองหน้าเจน เพื่ออยากพิสูจน์อะไรบางอย่าง
เจนคนเก่งหายไปไหน เหลือแต่คนขี้ขลาด อ้ำๆอึ้งๆ อึกอัก ไม่กล้าพูด แต่กระนั้น ยังเอ่ยเสียงเบาๆว่า
" แล้ว ..แล้ว.. หากว่ากระถางต้นรักนั้นเป้นของเจนจริงๆ พี่ปลายจะเอ่อ ..เอ่อ พี่ปลายจะเต็มใจดูแลรักษาต้นรักให้บานเป้นดอกรักได้ไหมคะ "
พูดแล้วก็ให้รู้สึกโล่งอก ที่สามารถหลุดคำพูดนี้ออกมาได้ ยัยเจนคนเก่หายไปไหน ทำไมขลาดนักนะ
" นี่ละ เจน คือ คำพูดที่พี่ต้องการได้ยินจากปากของเจนเอง ขอเพียงเจนบอกพี่สักคำว่า กระถางนี้เป็นของเจน เจนตั้งใจ เต็มใจมอบให้พี่ แค่นี้พี่ก็พอใจมากแล้วจ๊ะ "
" จริงๆนะคะ กระถางต้นนี้ เจนตั้งใจ และเต็มใจฝากให้พี่ดูแลหัวใจ ดูแลต้นรักนี่ ไม่ใช่ของนายเต้ยหรอกค่ะ แต่เจนอายนี่คะ ที่ต้องมาพูดความจริงนี่ "
นาบปลาย พูดน้อยอีกตามเคย เขายิ้ม พลางยื่น กระถางต้นรักอีกใบ วางเคียงคุ่กัน
" เอ้า ไหนทายซิ ว่าของเราน่ะ ? "
" อ้าววว แต่ตอนที่เจนเอามา แค่กระถางเดียวเองนะคะ "
" ฮี่ อี่ เจนจำไม่ได้หรอกคะพี่ปลาย เจนลืมแล้วจริงๆ
ยัยเจนทำหน้าทะเล้น แต่น่ารักในสายตานายปลายฟ้าอีกแล้ว เฮ้อออ
" เจน ฟังนะ ฟังพี่นะ นี่แหละเพราะเจนชอบคิดเองเออเองหมด ไม่ถามให้เข้าใจไง เรื่องเลยเข้าใจผิดกันซิ วันหลังห้ามคิดเอง มีอะไรต้องพูดคุยกันรุ้ไหม "
" กระถางสีเขียวสว่างน่ะ เป็นของคุณมล เค้าน่ะ คนที่แวะมาหาพี่บ่อยๆไง ส่วนกระถางสีชมพูสดใสน่ะ ของเจนไง จำไม่ได้เหรอ "
" คุณมล เธอฝากต้นรักให้พี่มาดูแลด้วยนะ แต่พี่ไม่ว่างที่จะดูแลต้นรักของใครอีกแล้วล่ะ เพราะพี่ต้องคอยดูแลต้นรักของสาวน้อยขี้งอนคนหนึ่ง ซึ่งเป็นกระถางที่พี่เต็มใจที่จะดูแลซะด้วยซิ พี่หมั่นรดน้ำพรวนดิน หวังให้มันงอกงามเบ่งบานเป็นดอกรักเร็วๆ "
" แม้ว่า สาวน้อยขี้งอนคนนั้น เขาจะไม่รู้เรื่องต้นรักหรือ ดอกรักเลย แต่ไม่เป้นไรน่ะ ยังมีเวลาเรียนรุ้กันอีกเยอะ สำหรับสาวน้อยคนนั้น แต่พี่ซิ พี่แก่แล้วนะ เวลามันไม่รอแล้วล่ะ อายุก็จะย่างเข้า เลข 4 แล้วนะ ยังไม่รุ้เลยว่า จะมีสาวน้อยคนไหนเต็มใจจะมาช่วยกันดูแลดอกรักของชายหนุ่ม(แก่)คนนี้บ้าง"
" เฮ้อ เรามันแก่แล้วนี่เนอะ ไหนเลยจะสู้หนุ่มๆเขาได้ล่ะ "
ได้ผล เพราะตั้งแต่พูดคุยกับเจนกันมา หลายต่อหลายครั้ง มีครั้งนี้แหละที่พี่ปลายของเธอจะดูเหมือนว่าพูดมาก พูดเยอะที่สุด แต่นั้น ก็ถึงกับทำให้ สาวน้อยขี้งอนคนนั้นโผเข้าซบอกอุ่นๆของพี่ปลายของเธอ อย่างเธอกลัวว่าจะหลุดลอยไปอย่างงั้นแหละ
" พี่ปลายคะ ที่ผ่านมาเจนทราบดีค่ะ พี่หวังดี จริงใจกะเจนมากแค่ไหน พี่อย่าพูดอีกนะคะ ยยิ่งทำให้เจนเหมือนรุ้สึกผิดมากขึ้นเท่านั้นค่ะ แต่บางทีเจนน้อยใจพี่เหมือนกันนี่ ที่พี่ทำเหมือนไม่สนใจเจน ทำเหมือนไม่แคร์ ทำตัวเหมือน***งเหินกันนะคะ ทั้งๆที่ใกล้แค่มือคว้า "
เจนพูดเหมือนเสียงสะอื้น แต่นายปลาย ยิ้มอย่างผู้ได้ชัยชนะอย่างขาวสะอาด เฮ้อ เด้กหนอเด็ก สุดท้ายก็ขี้อ้อนอีกแล้วนะ
" เจน ฟังนะ ผู้ชายน่ะ ไม่บอกไม่พูดกันตรงๆหรอก เขาจะแสดงออกทางสายตา ท่าทาง สื่อด้วยกิริยามากกว่า ที่จะเป็นคำพูดนะ ไม่ว่า รัก ห่วง หรือ หวง แค่ไหน เขาก็ไม่พูดกันง่ายๆนี่ เจนต้องเข้าใจพี่นะ เราต้องรุ้ใจกัน ต้องเรียนรู้กันอีกเยอะ "
นายปลายพูด เหมือนสอนอยู่ในที (ก็เป็นทีของนายปลายเขาแล้วนี่ )
" เฮ้ออ.. จะมีใครพูดอีกไหมเนี่ยว่า พี่หลอกเด็ก "
" เจนไม่เด็กแล้วนะคะ จบแล้ว โตแล้วทำงานเองแล้วด้วย"
" ช่าย เจนจบแล้ว โตแล้ว โตแต่ตัว แต่ความคิดยังอ่อนหัดไง .
" เจนน่ะ ขี้อ้อน ขี้งอนด้วยนะ แต่ก็น่ารักในสายตาพี่ แต่อย่าบ่อยละ ไม่ดี "
" ค่ะ สัญญาค่ะ ต่อไปจะเข้มแข็ง ไม่อ้อน ไม่งอนค่ะ "
" ไม่หรอก เจนไม่ต้องสัญญากับพี่ เจนสัญญากับใจตัวเองดีกว่านะ ให้เจนหนักแน่น มั่นคงก็พอ ส่วนพี่น่ะ เจนเชื่อใจ ไว้ใจพี่ไหมล่ะ หือ คนดี "
" ค่ะ พี่ปลาย เจนเชื่อใจพี่เสมอคะ จริงๆนะคะ และจะเชื่อใจตลอดไปค่ะ "
" อ่อ เจน พี่ถามอีกนิดนะ เจนไม่อายคนเขาหรือ หากว่าเจนเดินไปไหนๆกับพี่แล้วคนเขามองน่ะ ว่าทำไม เดินกับชายหนุ่ม(แก่) เจนอายไหมล่ะ พี่ถามจริงๆ"
" โธ่ พี่ปลายขา ไม่ใช่เรื่องน่าอายนะค่ะ เรื่องของเราสองคนค่ะ พี่อย่าถามเรื่องความต่างระหว่างวัยอีกนะคะ ต่างกัน ไม่เห้นเป็นไร ขอให้เราเข้าใจกันก็พอคะ นะคะ พี่อย่าคิดมากนะคะ น๊า "
" เจน พี่รู้ตัวดีนะ พี่น่ะ เคว้งคว้างมานาน เหลือเกินแล้ว อยากมีใครสักคนมาเติมเต็มส่วนที่เวิ้งว้างในหัวใจให้กัน ขอเพียงใครคนนั้น จริงใจ และ จริงจังกับพี่ก็พอ พี่ไม่ขออะไรมากแล้วล่ะ พี่ขอแค่นี้แหละ "
" พี่ปลายคะ เจนขอเป็นใครคนนั้นของพี่ได้ไหมคะ คนที่จะมาเป็นส่วนเติมเต็มส่วนที่เวิ้งว้างในใจพี่ไงคะ เจนสัญญาคะ เจนต้องทำได้นะคะ "
" ได้ซิเจน พี่รอคำนี้มานานแล้วนะ รุ้ไหม จนคิดว่า จะมีโอกาสได้ยินคำนี้จากใครคนนั้นสักคนหรือ เปล่า จนกระทั่งพี่เอง ยังไม่รู้ว่า เจนเข้ามายืนนั่งในหัวใจพี่ตอนไหน พี่ตอบไม่ได้เหมือนกัน "
" พี่ปลายคะ เจนขออะไรสักอย่างได้ไหมคะ เจนขอให้พี่ปลายดูแล รักษาหมั่นรดน้ำพรวนดินต้นรักของเจนให้ผลิดอกออกผลไว ให้เบ่งบานเป็นดอกรักไวๆได้ไหมคะ "
" เจน เจนเข้าใจไหม ต้นรัก ดอกรักน่ะ พี่ถนอมคนเดียวไม่ได้ และเจนก็ดูแลรักษาคนเดียวไม่ได้ด้วย เราสองคนต่างหากละเจน เราสองคนจะช่วยกันดูแลรักษาต้นรัก ให้เบ่งบานเป็นดอกรักที่สมบูรณ์ให้จงได้ เราสองคนจะประคับประคองดอกรักไม่ให้ร่วงหล่นกลางทาง นะเจนน "
" ค่ะพี่ เจนจะช่วยรดน้ำพรวนดิน ใส่ปุ๋ยให้กระถางต้นไม้นี้ด้วยความรัก เอาใจใส่มันอย่างดีที่สุดค่ะพี่ปลาย "
สองหนุ่มสาวต่างวัย แต่ใจเดียวกัน พูดคุยต่อล้อต่อเถียงกัน แต่ไม่จริงจ้งอะไรมากมายนัก กลับน่าเอ็นดูซะมากกว่า
แล้วคุณล่ะค่ะ คิดจะปลูกต้นรักไว้ในกระถางหน้าบ้านหรือ ยังคะ แล้วพร้อมที่จะหาใครสักคนมาร่วมกันดูแลรักษา ถนอมต้นรักได้เหมือนคู่นี้บ้างหรือยัง มีไม่บ่อยนะคะ ที่มีคนเขามาเสนอตัวให้ เพียงแต่คุณมองไม่เห็นคุณค่าของเขาเอง
..............................................