21 สิงหาคม 2553 23:26 น.
ฉางน้อย
1.....ช่วงนี้บ้านฉางน้อยฝนตกแทบทุกวัน ลมก็แรงด้วยแหละนะ
แล้วทีนี้บริเวณรอบบ้านฉางน้อยก็เป็นป่าสวนยาง รกชื้น
ฝนตกยิ่งทำให้หญ้าค่อนข้างขึ้นไว รกเร็ว ดายกันไม่ทันเลยทีเดียว
กลางคืนฝนตกยิ่งนอนสบาย กลางวันก็พรำ ชาวสวนชาวไร่ไม่ต้องทำมาหา
กินกันล่ะพี่น้อง
ในป่าข้างบ้านก็มีทั้งงูเงี้ยวเขี้ยวขอ มดน้อยใหญ่
สัตว์ต่างๆออกจากรูจากรังหนีน้ำพากันอพยพย้ายถิ่นฐานบ้านเรือน
บ้างก็ขนตู้เย็น บ้างก็แบกโชฟา บ้างก็ขนหม้อหุงข้าว
อ่อ ลืมไปว่าเป็นสัตว์เล็กสัตว์น้อย คิดว่าเป็นสัตว์ประเสริฐเช่นมนุษย์เราๆ
ท่านๆทั้งหลายในที่นี้ ฮี่ ..ฮี่..
.......................................................
2..... บ่ายสี่โมงกว่าๆของวันเสาร์ที่ 21 เจ้าตัวเล็กแมวเพศเมียท้องแก่ที่บ้าน
ก็เดินอุ้ยอ้ายมานอนที่ผ้าเช็ดเท้าหน้าห้องนอน
แต่ทว่ามังทำเสียงแปลกๆ เหมือนขู่อะไรสักอย่าง ไอ่เราก็ไม่สนใจนะ
ฉางน้อยก็ตาดีมากๆ (สายตาสั้นมากไง อิอิ) ไม่สนใจอะไรเลย กลับดุให้เจ้า
ตัวเล็กส่งเสียงเงียบ มังก็เงียบเสียงลง
สักพักร้องขู้ฟ่อๆอีกครั้ง ไอ่เราก็สงสัยเนอะ อืม..เดินไปดูสักหน่อยดีกว่า
แหมๆ ด้วยความที่สายตาดีมากๆ เห็นเป็นวัตถุชิ้นหนึ่ง
คิดว่าเป็นเศษผ้าเช็ดเท้าที่เจ้าตัวเล็กชอบตะกุยเล่นแล้วมันหลุดออกมา
จัดการง้างทรีนมาข้างหนึ่งกะว่าจะเขี่ยออกให้พ้นประตูหน้าห้องนอน
(ประมาณว่าเหมือนนักบอลเขี่ยบอลยังไงยังงั้นน่ะค่ะท่านผู้อ่าน)
........................................................
3..... แต่อ่ะ ช้าก่อน ไม่ดีกว่า ไม้กวาดกับที่โกยผงมีนี่นาอยู่ใกล้มือด้วย
กวาดแบบนิ่มนวลชวนฝัน เพราะในใจคิดว่าเศษผ้าเช็ดเท้านิ่มๆนี่นา
ที่ไหนได้ ไอ่ความที่เราคิดว่าเป็นเศษผ้าเช็ดเท้าอ่ะเลยไม่คิดอะไรมาก
แต่เอ ทำไมมันหนักถ่วงๆที่ปลายไม้กวาดหว่า พลิกปลายไม้กวาดดู
มันวิ่งจะไต่มือเราด้วย ไอ๊หย๋า ตกใจๆๆ
ดีนะที่ฉางน้อยมือไวด้วยความตกใจอ่ะ เลยสะบัดไม้กวาดสุดแรงเกิด 5555
เจ้าสิ่งนั้นหล่นตุ๊บตรงพื้นข้างเท้านี่เอง เหลือบตามอง
ด้วยความตกใจ เลยแหกปาก เอ้ย ตะโกนดังลั่น
" เฮ้ยยย แม่ๆ แม่(เจ้า)โว้ยยย ช่วยด้วยๆ " ปากก็ร้อง มือก็ไวไปหน่อย
ป๊าบๆๆๆๆ
ปากก็ร้อง " แม่ มาเร็วๆ ช่วยทีๆ " มือก็ป๊าบๆๆ
ด้วยวัด เอ้ย อารามตกใจน่ะค่ะ แมงป่องตัวดำเมี่ยม
วิ่งหางชี้มาหาฉางน้อยซิคะ ตกใจเลยคว้าที่โกยผงที่เป็นสังกะสีน่ะ
ตีป๊าบๆๆๆ ไม่ลืมหูไม่ลืมตา ปากก็ตะโกน " แม่ มาเร็วๆ "
................................................
4..... แค่คิดยังขำตัวเอง ทั้งๆที่ไม่ใช่เป็นคนที่ขี้กลัว แต่ตกใจมากกว่า
ขำตัวเองที่ปากร้องให้แม่ช่วย แต่ตัวเองตีเจ้าแมงป่องตัวนั้นซะแบนแต๊ดแต๋
ตัวกะหางรวมทั้งก้ามสองอันก็กระเด็นกระดอนคนละทาง
ตีเสร็จ นั่งมือสั่น กลัวบาปมากๆตอนนั้น
ถามแม่ บาปไหมแม่ แม่ตอบได้น่ารักมาก
" ไม่บาปหรอก..................มั้ง "
แค่คิดก็สยิว เอ้ย สยอง หากว่าโดนแมงป่องต่อยนี่ซิ ทำไงดี
(อโหสิให้ด้วยเน้อเจ้าแมงป่อง ถ้าเจ้าไม่วิ่งจี๋มาหา ข้าก็คงไม่ทำร้ายเจ้า
ก่อนอ่ะนะ )
ตอนนี้เรื่องแมงป่องตัวนั้นยังหลอนๆในใจ กลัวว่าวิญญาณจะมาหลอกหลอน
เอาคืนหรือเปล่า 5555
(คิดมากไปป่าวหว่าเรา อิอิ ) แต่บอกตรงๆหลอนนิดๆ
..................................................
5.....กำลังใจหายใจคว่ำเรื่องแมงป่องไม่ทันไร มือยังกำไม้กวาด
เตรียมกวาดเศษเจ้าแมงป่องเตรียมเอาไปทิ้ง(ฌาปณกิจศพเจ้าแมงป่องใน
ถังขยะใบโตข้างบ้าน)
พี่ชายคนข้างบ้านที่นำรถมาฝากประจำถามอีก
" เจ้าวา ตุ๊กแกตัวที่ร้องวันก่อนยังอยู่ไหม ?
" อยู่ซิพี่ ร้องทุกคืนเนี๊ยะ หลังตุ้โชว์โน่น " ฉางน้อยบอกโดยไม่ได้คิดอะไร
" อืม งั้นดีเลย จับมาดองเหล้าซะดีกว่า " อ้าว ตรู ไม่น่าเผลอปากบอกไป
เล้ยยย
" ............." ไม่มีคำพูดจากฉางน้อย นอกจากความเงียบ
" มาๆ มาช่วยพี่จับตุ๊กแกหน่อย น้องรัก " น้านนนน พี่เรา หาเรื่องให้ซะแล้ว
....................................................
6.....สี่คนไล่ต้อนเจ้าตุ๊กแกสองตัว ตัวโตพอประมาณ ตัวโตแล้วยัง
หน้าตาน่าเกลียดอีกแน่ะ อิอิ (ไม่ได้กลัวตุ๊กแก แต่ไม่ชอบเล้ยยย)
แผนการก็คือ พี่ชายคนข้างบ้านคอยตะครุบจับใส่ถุง
ให้ภรรยาเค้าคอยคลุกวงใน เอ้ย คอยต้อนจากข้างในบ้าน
ฉางน้อยคอยตั้งการ์ดป้องกันตัว แหะ..แหะ..
แม่ก็เตรียมถลกผ้าถุงง้างทรีนเต็มที่ (คงกะจะเตรียมกระทืบ(หรือวิ่งหนี)
ตุ๊กแกละมั้ง อิอิ )
เจ้าตุ๊กแกก็ร้ายน่าดู กัดเข้าที่นิ้วของพี่ชายคนนั้น ไม่แรงมาก
..............................................
7.....30 นาทีผ่านไป เจ้าตุ๊กแกสองตัวก็นอนแลบลิ้นในถุงก๊อปแก๊ป
คงเหนื่อยเพราะหนีการไล่ล่า ( แม้ซดเอ็ม 150 ก็คงเอาไม่อยู่แล้วล่ะมั้ง อิอิ)
พี่ชายนักไล่ล่าตุ๊กแกก็นั่งหอบแฮ่กๆ อิอิ (โสนะหน้ามัง)
แล้วทีนี้ใช่ป่ะ การไล่ล่าตุ๊กแกน่ะต้องรื้อ(แทบ)หมด
มีตู้ รื้อตู้ มีโชฟา รื้อโชฟา
(โชคดี ไม่รื้อบ้านแบบถอนรากถอนโคนด้วย อิอิ )
(ดีนะ ไม่รื้อเมียชาวบ้านแถบนั้นไปด้วย คริ คริ )
รื้อไปรื้อมา มือฉางน้อยไปคว้าเอาอะไรบางอย่าง เย็นๆหนืดๆเหนียวๆ
เหลียวไปมอง ไอ๊หย๊า เป็นรอบที่สอง ภาพที่เห็นตรงหน้าหยดหยอง
เป็นศพชายไทยไม่ทราบชื่อ เอ้ย พบศพเจ้าจิ้งจกไม่ทราบชื่อ และเพศ
นอนลิ้นห้อยหลังตู้ที่รื้อออกมา ยังๆ ลิ้นห้อยอย่างเดียวยังไม่พอ
แขนขาก็แบนราบกับผนังตู้อีก ยังกะโดนรถเครนทับงั้นแหละ
คงโดนตู้ทับอ่ะนะ ไม่เป็นไร บาปหารสี่ ไม่รู้ใครทำนี่นา
งานนี้ตำรวจที่ชื่อละม่อมก็จับไม่ได้ หาคนมาลงโทษไม่เจอ เหอ เหอ...
เฮ้อ วันนี้วันอะไรกันน๊าเจอแต่เรื่องที่ทำให้จิตใจจดหู่
"สัตว์ทั้งหลายจงเป็นสุข เป็นสุขเถิด อย่าได้จองเวรซึ่งกันและกันเลย "
9 กรกฎาคม 2553 22:37 น.
ฉางน้อย
เย็นวันที่ 26 เม.ย 53 ที่ผ่านมานั้นฉันเตรียมตัวเดินทางกลับบ้านต่างจังหวัดอย่างเร่งด่วน
โดยมิได้จองตั๋วล่วงหน้า แต่ก็คิดว่าคงมีที่ว่างสำหรับสำหรับฉันสักที่แหละน่ะ
แต่แล้วฉันต้องพบกับความผิดหวังเมื่อพนักงานขายตั๋วที่สถานีหัวลำโพงบอกว่า ตั๋วเดินทาง
ขบวนที่ฉันต้องไปนั้นเต็มหมดทุกชั้น ทุกขบวน
อ่อ แต่ยังก่อน ยังมีที่ว่างของชั้น 3 ซึ่งเป็นทางเลือกสุดท้ายทำให้ฉันจำเป็นต้องเลือก
ไม่เช่นนั้นแล้วจะไม่มีที่นั่งเหลือให้ฉันได้หย่อนก้นแม้แต่สักตัวเดียว อิอิ
การเดินทางบนรถไฟชั้น 3 ในครั้งนั้นทำให้ฉันได้มองเห็นความหลากหลายของชีวิตผู้คน
ซึ่งเปรียบเสมือนเพื่อนร่วมทาง ฉันและพวกเขาเหล่านั้นอาจมีจุดเริ่มต้นที่เดียวกัน
ทว่า แต่ละคนอาจมีจุดหมายปลายทางที่ต่างกันออกไป
.....................................................................
เวลาผ่านไปประมาณสัก 2 ทุ่มกว่าๆรถไฟวิ่งมาถึงสถานีราชบุรี
ซึ่งอาจได้กลิ่นไม่พึงประสงค์บ้าง พ่อค้าแม่ค้าต่างทยอยนำอาหาร ของขบเคี้ยวขึ้นมาขาย
ฉันคิดเล่นๆว่า เอ..ไม่เห็นมีแม่ค้าคนใดแบกโอ่งราชบุรีมาขายบนรถไฟบ้างนะ อิอิ
แค่คิด ฉันก็แอบอมยิ้มคนเดียว
รถไฟเริ่มเคลื่อนตัวออกจากสถานีราชบุรี ฉันยังคงนั่งมองการดำเนินชีวิตของผู้คน
บนรถไฟอย่างเงียบๆ ผู้โดยสารเริ่มแออัดขึ้นเรื่อยๆ วัยรุ่นกลุ่มนั่งยืนดื่มเบียร์กระป๋องใกล้
บันไดทางขึ้นรถไฟ ทำให้เจ้าหน้าที่บนรถไฟมากล่าวตักเตือนให้ลดความคะนองลง
.....................................................................
ฉันเผลองีบหลับไป เวลาผ่านไปเท่าไหร่ไม่ทราบได้ หวูดรถไฟร้องก้องที่
สถานีรถไฟเพชรบุรี เสียงพ่อค้าแม่ค้าและผู้โดยสารยังคงส่งเสียงจ่อกแจ่กจอแจ
แข่งกับเสียงล้อเหล็กของรถไฟ บ้างก็นำข้าวกล่องมาขาย
บ้างก็นำข้าวเกรียบเมืองเพชรและขนมหม้อแกงของกินมีชื่อในเมืองเพชรมาขาย
แต่สำหรับฉันแล้วเมื่อนึกถึงจ.เพชรบุรีฉันกลับนึกถึงซุ้มมือปืนชื่อดังต่างๆในเมืองเพชร
ซุ้มหรือคุ้ม ฉันไม่ทราบว่าสองคำนี้ความหมายค่างกันอย่างไร
.........................................................................
ตี 2 กว่าๆเป็นเวลาดึกสงัดพอสมควร ถ้าเป็นค่ำคืนปกติฉันคงนอนหลับสบายที่บ้าน
แต่ทว่า ณ.เวลานี้คงไม่มีใครที่จะนอนหลับได้อย่างสบายใจสบายกาย
อย่างน้อยแสงนีออนที่ส่องแสงสลัวๆบนฝ้าเพดานรถไฟที่ส่องแยงตา
ผู้โดยสารบางคนก็คุยกันเบาๆ บ้างก็ลุกขึ้นห้องน้ำในโบกี้ถัดไป
ฉันเหลียวมองเพื่อนร่วมทางบนรถไฟอีกครั้งและไม่แปลกใจเลยสักนิด
กับภาพที่เห็นตรงหน้า บนพื้นรถไฟบริเวณทางเดินนั้นผู้หญิงคนหนึ่งนำ
กระดาษหนังสือพิมพ์มาปูนอนแทนเสื่อแทนฟูกนุ่มๆที่บ้าน
แค่นี้เธอคงพอใจแล้วกระมังกับการเดินทางในครั้งนี้
วัยรุ่นกลุ่มนั้นหายจากความคะนอง เพราะฉันเห็นว่านั่งพิงหลังกันหลับริมทางเดินเช่นกัน
...................................................................
นี่ละชีวิตที่เลือกเดินทางไม่ได้(เช่นเดียวกับฉัน) ถ้าพวกเขาเหล่านั้น
(และฉันคนนี้)เลือกได้ พวกเขาคงเลือกที่จะเดินทางที่สะดวกสบายกว่านี้เป็นแน่
ยิ่งดึกเท่าใดเสียงล้อเหล็กของรถไฟก็บดเบียดรางเหล็กทำให้มีเสียงดังยิ่งขึ้นกว่าเดิม
สองข้างทางที่รถไฟวิ่งผ่านฉันมองฝ่าความมืดไปนอกหน้าต่าง บางช่วงก็เป็นป่ามืดมิด
บางช่วงก็มองเห็นสลัวๆเป็นภูเขาสูงตั้งตระหง่านดูทะมึนน่ากลัว
เงาทะมึนของภูเขาสามารถจินตนาการเป็นภูตผิปีศาจทำให้ดูน่ากลัวมากนักในยามดึก
ความง่วงสุดท้ายทำให้ฉันละสายตาจากนอกหน้าต่างมาพักสายตา
และพักความเหนื่อยล้าจากการเดินทางภายใต้หมวกแก๊ปใบเก่ง
และแสงนีออนที่ส่องสลัวๆเหนือศรีษะ
..........................................................................
สะดุ้งตื่นตกใจในเวลาตี 5 กว่าๆพร้อมๆกับแรงเหวี่ยงของรถไฟซึ่งคาดว่า
เป็นทางโค้งแห่งหนึ่งในเส้นทางนั้น
ฉันเหลียวมองรอบตัว เห็นลุงคนหนึ่งนั่งบนพื้นทางเดินข้างๆเบาะที่นั่งของฉัน
ลุงบอกว่าจะไปลงที่สถานีปลายทาง นั่นก็คือ สถานีกันตัง จ.ตรัง
ฉันเลยเอ่ยปากบอกลุง " เดี๋ยวหนูลงที่สถานีไชยา ซึ่งอยู่ข้างหน้านี่เอง
ลุงมานั่งที่ตรงนี้ของหนูก็แล้วกัน "
ลุงพยักหน้าเบาๆ พร้อมเอ่ย " ขอบใจนะหนู "
คำพูดของลุงเพียงประโยคเดียวไม่ได้ทำให้ฉันดีใจเท่ากับที่ได้เห็น
รอยยิ้มและแววตาดีใจที่ระบายไปทั่วใบหน้าของลุงท่านนั้น
ใช่แล้ว..การเดินทางของฉันสิ้นสุดลงเพียงแค่นี้
แต่ลุงท่านนั้นและเพื่อนร่วมทางคนอื่นล่ะ พวกเขาต้องเดินทางกันอีกยาวไกล
พร้อมๆกับชีวิตที่ต้องดิ้นรนต่อสู้ในโลกนี้อีกยาวนาน
.............................................................
( ฉางน้อย ทะเลไร้คลื่น )
( ปล. พยายามลงเรื่องสั้น เป็นครั้งที่ 4 ฮึ่มๆๆ ใจเย็นแล้วนะเนี่ยะ )
22 มิถุนายน 2553 19:45 น.
ฉางน้อย
สายของวันอังคารที่ 22 มิย. ได้รับซองเอกสารสีน้ำตาล
คิดในใจ ใครส่งเอกสารอะไรให้อีกหว๊า ?
รู้ทั้งรู้หรอกนะ ไอ่ลิงเชียงรายบอกว่าจะส่งจดหมายมาหา
แต่ไม่คาดคิดว่า คุณเธอจะส่งแบบซองเอกสาร A 4
ลิงเชียงรายบอกว่า ฉบับบแรกเขียนไว้แล้วแต่ไม่มีเวลาส่ง
คุณเธอมีการบอกอีกนะว่า ไหนๆก็ไหนๆแล้วขอโม้ต่ออีกสักฉบับ
(คุณคิดดูฉบับแรกมี2แผ่น ส่วนฉบับที่สองมี3แผ่น)
ยอมรับความสามารถจริงจริ๊งลิงเชียงราย คริ คริ ...
อ่านพลางอมยิ้ม อดขำเสียมิได้กับจินตนาการอันล้ำเลิศของผู้เขียน
เหมือนกับว่า พูดเองเออเอง.. คุยกับจินตนาการของตัวเองว่างั้นเถอะ อิอิ
แต่เค้ารู้น่ะลิงว่า ลิงน่ะมีมีความตั้งใจจริงในการเขียนจดหมาย
เค้ารู้ว่า ลิงมีความสุขกับการเขียนจดหมาย
อย่าว่าแต่ลิงผู้เขียนเลย ผู้อ่านยังมีความสุขเลย จรืงๆนะ
อ่านเองยิ้มเองขำเอง ฉะนั้นผู้เขียนตั้งใจ ผู้อ่านก็สุขใจว่างั้นเถอะ
หลายสิ่งหลายอย่างที่ลิงเหนือคล้ายกะลิงใต้นั่นก็คือ
ชอบซื้อ เก็บ สะสมปากกาหลากสีและสมุดบันทึก แม้บางครั้ง
ซื้อมาแล้ววางทิ้งไว้จนลืม น้ำหมึกแห้งซะหลายด้าม
อ่านจดหมายลิงเหนือแล้วไม่รุ้ว่าจะซึ้งหรือขำดี
หลากหลายความรู้สึกที่ลิงเหนือบอกเล่าออกมาเป็นตัวอักษร
หลายหลายเรื่องราวที่ลิงเหนือคุยเรื่องโน่นแว่บมาเรื่องนี้
ต่อยอดไปอีกเรื่อง แล้ววกมาเรื่องนั้นอีกที พอให้คนอ่านได้งงเล่นๆ
ลิงเหนือทำได้สนิทใจ อิอิ
แต่ก็นั่นหและ นี่คือความสุขที่ได้พูดคุยผ่านน้ำหมึกกลายเป็นตัวอักษร
สุขทั้งผู้เขียน สุขทั้งผู้อ่าน จนแม่นั่งมองแบบเหล่ๆประมาณว่า
ลูกสาวกรูมังบร้าไปแระมั้ง อิอิ
ไอ่ลิงเหนือ แกรรู้ป่าว คนอ่านมีความสุขนะเฟร้ยอ่านจดหมายน่ะ
ความมีอารมณ์ดีของผู้เขียนส่งผลให้ผู้อ่านสุขใจ
ขอบคุณความสุขและมิตรภาพความผูกพันที่มีให้กันนะลิง
ขอบคุณความรัก ความหวังดีที่มีาให้กันเสมอ
สัญญานะ ว่าจะไม่บ่นเรื่องที่แกรเล่นอีโมบ่อยๆเวลาที่คุยเอ็มกัน อิอิ
ปล. 1..สติกเกอร์ก้อนเมฆกะสายรุ้งและหัวใจดวงน้อยน่ะ
งลิงใต้นำไปแปะตู้เย็นแระฟร่ะแกร อิอิ
ปล. 2 ..ภาพลิงที่แกรวาดมาน่ะ มองซ้ายคล้ายสิงห์โต
ของขวาไอ๊หย๋าหน้าเหมือนคนวาด อิอิ
ปล. 3 ... รอก่อนนะลิง แล้วจะตอบจดหมายให้อ่าน อิอิ
..............................................