19 สิงหาคม 2551 01:37 น.

แด่คุณ..คนพิเศษ 1

ฉางน้อย

00384_22.gifแม้อยู่ไกล..เหมือนอยู่ใกล้..

คล้ายๆ..เพียงเอิ้อมมือคว้า..

แต่ทว่า..ทำไม..ทำไมคว้าไม่เคยถึง..

นับวัน..เหมือนคุณโดนฉุดดึง..ให้ไกลห่าง..

นับวัน..คุณยิ่งไกลห่าง..จากฉันไป..ทุกที..ทุกที..



00384_21.gifวันนั้น..ฉันถามเธอว่า..

เราสองคน..จะหยุดความสัมพันธ์..เพียงแค่นี้

หรือว่า..จะจับมือกัน..ก้าวเดินต่อไป..ในวันข้างหน้า

เธอ...ก็อ้ำอึ้ง..คงคิดไม่ถึง..กับคำถาม..ของฉัน

เธอ...คงสับสน..ในการค้นหา..คำตอบ..ให้กับตัวเอง

แต่สำหรับฉันนั้น...รู้คำตอบ...ในแววตาเธอแล้วล่ะ

ไม่เป็นไรน่ะ..ไม่เป็นไร..

แม้ถึงวันที่..เราสองต้องห่าง..ร้างลากันจริงๆ

ฉัน..ก็ยังยิ้มได้..ใจฉันเข้มแข็งพอ..ที่จะก้าวเดิน..

ไปคนเดียวข้างหน้า..โดยที่..ไม่มีเธอเดินเคียงข้าง..อีกต่อไป..

          ( ฉางน้อย ทะเลไร้คลื่น )

00384_19.gif				
14 เมษายน 2551 01:12 น.

.. ลุงสมบูรณ์..

ฉางน้อย

 "ยัยวา..แต่งตัวเสร็จยังล่ะ เดี๋ยวไปสายรถติดกันพอดี ไหนจะไปยื่นบัตรคิวอีก " 
เสียงพี่สาว(ตัวดี)ตะโกนเร่งยัยวา หรือ ยิหวา ให้รีบลงไปรอรถเมล์ ก็วันนี้วามีนัดกับคุณหมอนี่นา หมอแผนกตาที่ รพ.ศิริราช จำได้ๆ

 " เสร็จแล้วๆ เรียกอยู่นั่นแหละ(น่ารำคาญ) " 
ประโยคสุดท้ายนั่นยัยวาไม่ได้พูดออกไปดังๆหรอกน่ะ เธอแค่คิดพูดในใจต่างหาก ขืนพูด(นอกใจ)ให้พี่สาวได้ยินซิไม่ได้ไปตามที่หมอนัดกันพอดี อิอิ

    6โมงเช้าที่ป้ายรถเมล์เริ่มมีผู้คนคลาคล่ำ ทั้งรถราทั้งผู้คนสัญจรผ่านไปมาจอแจจ้อกแจ้ก เฮ้อ สังคมเมืองหลวง ความเจริญที่หาไม่มีจากบ้านนอกเป็นแบบนี้นี่เองหรอกหรือ

 ที่นี่น่ะหรือคือสวรรค์เมืองฟ้าชั้นวิมานที่ใครๆต่างเสาะแสวงหาดิ้นรนไขว่คว้าเพื่อเดินทางสู่ดินแดนแห่งความศิวิไลซ์  แท้จริงแล้ว พวกเขาแสวงหาอะไรกันเล่า เฮ้อ ..ยัยวาคิดๆก็เริ่มเหนื่อยหน่ายกับชีวิตที่ต้องดิ้นรนยังชีพของคนเมืองหลวง

 "สาย 146 ค่ะ 146 ผ่านเซ็นทรัล ปิ่นเกล้า ศิริราช ขึ้นมาเลยค่ะๆ 
เอ้า คุณน่ะ ให้เขาลงก่อนซิคะ ค่อยขึ้นมา
 สองเท้าก้าวขึ้นมา สองขาก้าวลงไป 
นั่นๆ แถวกลางน่ะ ขยับหน่อย ถอยนิด ชิดๆหน่อยซิคะ แบ่งปันน้ำใจให้เพื่อนร่วมทางด้วยค่ะ ..."
 เสียงกระเป๋ารถเมล์สาวตะโกนโหวกเหวกแข่งกับเสียงผู้คนรอบข้าง ไหนจะเสียงเครื่องยนต์นานาชนิดๆที่เดินทางสายเดียวกันบนถนนเส้นนั้น

    ยัยวา และ เพื่อนร่วมเดินทาง ร่วมชะตาชีวิตบนรถขสมก.สาย146นั้นต่างยืนเบียดเสียดกัน เช้าๆอย่างนี้ไม่มีโอกาสได้นั่งแน่นอนถ้าไม่ได้นั่งจากต้นสาย 

 วา ได้ที่ยืนใกล้ๆข้างหลังคนขับด้านขวามือ ข้างๆกับชายคนหนึ่งอายุราวๆสัก30กว่าขึ้น แต่ไม่น่าเกิน 40ปี หน้าตาก็เหมือนดูดี นั่งฟังเพลงอย่างสบายอารมณ์ 

  แม่ลูกขึ้นมายืนด้านหน้ายิหวา ชายคนดังกล่าวก็ยังทำเฉย ไม่รุ้ไม่ชี้ 

" แม่ววว... เป็นผู้ชายซะเปล่า ช่างไม่มีน้ำใจเล๊ย คนดีๆทำไมหายากงี้(วะ)"  วาได้แต่คิดในใจอีกแล้ว 

 สักพัก กระเป๋ารถเมล์สาวผู้นั้นคงทนไมได้ เลยมาสะกิดๆ

" พี่ๆ มีน้ำใจลุกขึ้นให้เด็กนั่งหน่อยได้ไหมคะ "

ได้ผลคะ  ชายคนดังกล่าวหน้าม้าน คงอายที่กระเป๋ารถเมล์พูดซะเสียงดังฟังชัดให้ผู้โดยสารท่านอื่นได้ยินกันทั่ว เขาเลยรีบลูกขึ้น

     เฮ้อ ...ถึงจุดหมายปลายทางซะที รพ.ศิริราช 
หลังจากยื่นบัตรคิวแล้วก็มานั่งๆคิดว่า น้ำใจคนไทยหายไปไหนหมด มันเหือดแห้งหายไปตอนไหน 
ทำไมมีแต่ความเห็นแก่ได้ เห็นแก่ตัว การแบ่งปันน้ำใจระหว่างเพื่อนรอบข้างไม่มีอีกแล้วใช่ไหมนี่ ? ก็คิดอะไรเรื่อยเปื่อยสารพัดตามที่ว่างๆ อิอิ

    สองชั่วโมงผ่านไป เฮ้อ..เอาน่ะ เดี๋ยวเขาคงเรียกชื่อเราแล้วละ ใจเย็นๆ ยัยวา บอกกับตัวเอง 


".. คุณลุงสมบูรณ์คะ ลุงสมบูรณ์ " เสียงพยาบาลสาวหน้าใสเรียกรายชื่อผู้ป่วยตามลำดับก่อนหลัง

" คุณลุงสมบูรณ์อยู่ไหมคะ ? " เธอเรียกชื่อนี้เป็นครั้งที่สอง แต่วา ก็ไม่ได้สนใจสักเท่าไหร่ เพราะคิดว่าไม่ใช่ชื่อตัวเองสักหน่อย

    แต่แล้วยัยวาก็ต้องหันกลับไปมองอีกครั้ง เมื่อชายคนหนึ่งเดินเข้ามาในห้องด้วยสภาพที่เหมือนอิดโรย
 ตาด้านซ้ายมีผ้าก๊อซแปะไว้ อายุราวๆสัก 55 - 60 ขึ้นไป สภาพการแต่งกายก็ง่ายๆ เป็นเสื้อม่อฮ่อมสีน้ำเงินที่คาดว่าคงผ่านการใช้งานมานานมาก 
มากจนสีซีดจางหายไปตามกาลเวลา กางเกงก็เป็นกางเกงชาวเล พับขาขึ้นมาข้างหนึ่ง คาดผ้าขาวม้าที่เอว ลักษณะเหมือนคนที่ผ่านการทำงานหนักมาเกือบค่อนชีวิต

    พยาบาลสาวเห็นคุณลุงสมบูรณ์เดินเข้ามา ก็รีบเข้าไปจูงแขนลุงให้นั่งบนเก้าอี้หน้าหมอหนุ่ม(หน้าตี๋ อีกแล้ว)

     ยิหวา นั่งดูคุณหมอหนุ่มหน้าตี๋ซักถามพูดคุยถึงอาการของคุณลุงอย่างไม่ถือตัว ปรากฎว่า คุณลุงมาตัดไหมออก
 ซึ้งก็หมายถึงว่า ผ่านการผ่าตัดมาเรียบร้อยแล้ว หมอหนุ่มท่านนั้นพยายามพูดคุยอย่างเป็นกันเอง แต่คุณลุงเหมือนประหม่า ไม่กล้าพูดคุยกับหมอ ได้แต่ " ครับๆๆ " อย่างเดียว

 "  เอาล่ะครับคุณลุง เสร็จเรียบร้อยแล้ว ดูแลตัวเองดีๆนะลุง "

" เดี๋ยวลุงสมบูรณ์ เอาใบนี้ไปรอรับยาหน้าห้โต๊ 5 นะลุงนะ "

" ครับ ผมไปละครับ ขอบคุณครับ " ลุงคนนั้นที่นามว่า ลุงสมบูรณ์รับใบสีขาวจากหมอหนุ่มพลางยกมือไหว้ขอบคุณ หมอหนุ่มรีบยกมือไหว้รับแทบไม่ทัน 

" ลุงสมบูรณ์ ทางนี้คะ มา เดี๋ยวหนูพาไป " พยาบาลสาวมีน้ำใจจูงลุงสมบูรณ์ออกมานอกห้อง

    ยิหวานั่งดูการกระทำของหมอหนุ่ม(หน้าตี๋)กับพยาบาลผู้ใจดีแล้วก็ชื่นชมในใจ ว่า คุณหมอใจดี พูดดีๆ กับพยาบาลมีน้ำใจยังมีหลงเหลืออีกเหรอ ในสังคมทุกวันนี้

"  อ้าว...คุณลุงสมบูรณ์ มีอะไรหรือเปล่าคะ " พยาบาลสาวคนเดิมทำสีหน้าแปลกใจเมื่อเห็นลุงสมบูรณ์อีกครั้ง

" ผม เอาใบนี้มาคืนคุณหมอครับ " คุณลุงพูดด้วยน้ำเสียงซื่อๆออกจะเหน่อๆ พร้อมกับยื่นกระดาษใบเดิมส่งคืนให้คุณหมอหนุ่ม

" คุณหมอครับ ผมเอามาคืน ผมมีเงินไม่พอที่จะจ่ายค่ายา 
เขาไม่ให้ยากับผมมาครับ ผมไม่เอายาก็ได้ครับ " 
คาดคิดว่า ทั้งหมอทั้งพยาบาล รวมทั้งยิหวาทุกคนที่ได้ยินต่างก็อึ้งกับคำพูดแสนซื่อของคุณลุงท่านนี้

 ไม่รู้ซินะ สำหรับยิหวาเอง ฟังแล้วสะเทือนใจกับคำพูดซื่อๆของลุงคนนี้จัง

พาลทำให้คิดไปว่า หากพ่อเราหรือญาติพี่น้องเราไปตกอยุ่ในสภาพแบบนี้จะเป็นเช่นไร  เฮ้อ

" เอางี้นะลุง ลุงนั่งก่อน เดี๋ยวผมจัดการให้ ผมเขียนใบใหม่ไปให้ลุงนะ บอกว่า ผมให้มารับยาฟรี " หมอหนุ่มยังน้ำใจกับคุณลุงท่านนี้อยู่ไม่น้อยทีเดียว 

" ลุงเอาไปยื่นที่เดิมนะ ไม่ต้องห่วง ผมจัดการให้ครับ "

หมอหนุ่มคนเดิมก้มลงเขียนอะไรบางอย่างในแบบฟอร์มสีขาวแผ่นใหม่

 
   วา อึ้งแทบน้ำตาซึมกับประโยคที่ว่า " ผมมีเงินไม่พอจ่ายค่ายา เขาไม่ให้ยาผมมาครับ ผมไม่เอาก็ได้ครับ " 
ประโยคนี้วาคิดว่า หากผู้อ่านทุกท่านได้ยินด้วยหูตนเองในขณะนั้นคงอดไม่ได้ที่จะน้ำตาซึม คำพูดช่างแสนซื่อ 

 แม้ยิหวาไม่ใช่คนร่ำรวย แต่ยังมีทางเลือก อาจมีโอกาสที่ดีกว่าคุณลุงท่านนี้ ก็นะ คนเราเลือกเกิดไม่ได้นี่นา อะไรไม่ทราบ ดลใจให้วาเริ่มพูดคุยกับคุณลุง

"  คุณลุงมากับใครคะ แล้วลุงทานข้าวยังคะ ? "

" ผมมากับหลานชายครับ เขารอข้างนอก ยังไม่กล้าซื้ออะไรกินครับ กลัวเงินไม่พอจ่ายค่ายา  แล้วก็........"

".. แล้วก็... มีเงินไม่พอจ่ายค่ายาจริงๆด้วย " ประโยคนี้ วาได้แต่คิดในใจ แค่
คิดก็แทบน้ำตาซึม วาคิดว่า คนฟังในห้องนั้นคงเข้าใจนัยยะแห่งความหมายของลุงที่แกเว้นวรรคให้พวกเราเข้าใจกันเอง 

"  ลุงคะ หนูไม่ได้รวยหรอกนะคะ ลุงอย่าหาว่าหนูดูถูกนะคะ หนูให้ลุงไป 80 บาทให้ลุงไปกินข้าว ลงพาหลานไปกินข้าวซะนะคะ " วาพูดพลางก็หันไปเห็นหน้าห้องหมอ มีเด็กชายอายุราวๆ13-15ปีมองชะเง้อเข้ามาในห้องตรวจ คาดว่า คงเป็นหลานชายลุงสมบูรณ์

" ขอบคุณครับ ขอบคุณมาก ขอให้เจริญๆยิ่งๆขึ้นไปนะหนูนะ " ลุงรับเงินพลางยกมือไหว้ด้วยมืออันสั่นเทา 

มือคู่นั้นคงผ่านการตรากตรำงานหนัก  ลุงนำเงิน 80บาทของวา ใส่กระเป๋าหน้าอก พลางตบเบาๆราวกับให้แน่ใจว่า เงินยังอยู่ในนั้นแน่นะ ไม่หล่นหายไปไหน หากเงินหายไปนั่งคงหมายถึงข้าวมื้อนี้คงต้องอดทั้งลุงทั้งหลาน

" เอ้า นี่ ลุง ฉันมี 50 บาทฉันให้ลุงด้วยนะ " ยิหวาคิดว่าลุงคงปลื้มใจที่ในเมืองหลวงนี้ ยังมีคนมีน้ำใจอยู่บ้าง 
แม้ลุงไม่ได้พูดด้วยวาจา แต่สายตาและน้ำในตาที่รินรื้น ได้แสดงถึงความขอบคุณของลุงแล้วล่ะ วา คิดเช่นนั้นจริงๆ 

" ลุงๆ เอาไปนะ ของหนูมีย่อยแค่ 40 ที่เหลือเดี๋ยวซื้อนมให้ลูก หนูก็มีแค่นี้แหละ "  สาวรุ่นคนหนึ่ง ยื่นเงินแบ็งค์20ให้ลุงไป2ใบ 

  วารู้ ว่า ลุงคงดีใจจนพูดไม่ออก ได้แต่พูด ขอบคุณครับๆๆ  

 เงินแค่ 170 บาท อาจไม่มากมายนัก แต่อย่างน้อย อาจทำให้คุณลุงกับหลานชายอิ่มได้ในมื้อนี้
  เราอาจช่วยเหลือไม่ได้ทั้งหมด แต่หากเราทำแล้วสบายใจเราก็ทำไป 
วารู้ ลุงคงต้องพึ่งพาตัวเองด้วย ไม่ได้รอให้คนมาช่วยเหลือ และเหตุการณ์นี้ ลุงก็ไม่ได้ร้องขอความช่วยเหลือจากใครๆด้วย แต่เพราะความเป็นเพื่อนคนไทยด้วยกันต่างหาก

 ใช่..ยังไง คนไทยก็ยังไม่แล้งน้ำใจกันไปซะหมดหรอกน่ะ .. วาคิดในใจ พลางทบทวนเหตุการณ์ของความมีน้ำใจบนรถเมล์สาย  146 เมือเช้านี้

 ......... เหตุการณ์และเรื่องราวของคุณลุงสมบูรณ์อาจไม่เด่นชัด หากไม่มีหมอหนุ่ม(หน้าตี๋)คนนั้นจัดการค่ายาให้ คุณลุงจะได้ยาไปรักษาตา หยอดตาหรือไม่ ไม่อยากคิด 

    สังคมไทยอาจเปลี่ยนไป แต่น้ำใจคนไม่เคยเปลี่ยนยังไม่แล้งน้ำใจไปซะทีเดียว อย่างน้อยก็หมอหนุ่ม กับพยาบาลสาว ป้าใจดีคนนั้นที่ให้เงินลุงไป 50 บาท สาวแม่ลูกอ่อน ที่ให้อีก 40บาท

       เฮ้อ...ประเทศไทยน่าอยู่ขึ้นเยอะ ถ้าเราต่างมองโลกในแง่ดี ต่างหยิบยื่นน้ำใจ สิ่งดีๆให้แก่กัน 
อยากฝากบอกคุณหมอหนุ่มหน้าตี๋ (ใจดี สุดหล่อ) ว่า คุณน่ารักจัง คุณได้ทำบุญครั้งยิ่งใหญ่เลยรุ้ไหมคะ ฝากขอบคุณพยาบาลสาวผู้ใจดี น่ารักด้วย ยิหวา ชื่นชมการกระทำของพวกคุณค่ะ

  สมัยก่อน ยิหวาเคยคิดนะคะว่า  ทำไมหมอแต่ละคนมักมีหน้าตาตี๋ๆ ทำไม ต้องใส่แว่นด้วย และที่สำคัญ ทำไมต้องขี้เก๊กด้วย (ฟ่ะ) 55555 

แต่สำหรับตอนนี้ไม่แล้วค่ะ  การกระทำของคุณหมอหน้าตี๋ในวันนั้นเริ่มทำให้ยิหวามีทัศนคติที่ดีๆต่อหมอหน้าตี๋ขี้เก๊กใส่แว่นแล้วคะ 555555

 ...... เย้ๆๆๆ..คุณหมอหนุ่มหน้าตี๋ ใจดี สุดหล่อ ( สองประโยคหลัง แถมให้คะ 55555 )

 ..........................................

 ( เหตุการณ์ครั้งหนึ่ง เมื่อยิหวา ไปรพ. ศิริราช ยังเป็นความประทับใจที่ดีๆค่ะ )

 
    ( ฉางน้อย ทะเลไร้คลื่น ) 				
1 เมษายน 2551 21:51 น.

...หนังสือ คือ สหาย...

ฉางน้อย

00446_0.jpg " ตู๊ด ตู๊ด ตู๊ด.."  เสียงกริ่งสัญญาณข้อความมือถือดังขณะที่ฉันนั่งรถเมล์ไปหัวลำโพง เพื่อไปขึ้นรถไฟฟ้าใต้ดิน 

เฮ้อ..อย่าเพิ่งรีบซิ พี่สหายสืบ รถติดน๊า ..ฉันส่งข้อความตอบกลับไป

     ก็เช้าวันเสาร์ ที่ 29 มี.ค. ฉันมีนัดสำคัญกะพี่สหายนี่นา คนอะไรก็ไม่รู้ชื่อ สหาย อิอิ นัดสำคัญว่า จะไปเดินดูหนังสือด้วยกันที่ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิต์

"..อ้าวว..ห๋า ว่าไงนะคะ ต้องนั่งรถไฟฟ้าใต้ดินน่ะเหรอคะ .." เวงกรรมล่ะฉัน  เกิดมาทั้งที เคยนั่งแค่หนเดียวเอง ช่วงที่เขาทดลองให้บริการนั่นแหละ 5555 จะไปจองตั๋ว นั่งเป็นไหมเนี่ยะ เฮ้อ..เซ็งๆ 

".. แหมๆ   พี่ไปรับก็ได้ ที่หัวลำโพงไง นะ พี่ไปรอที่นั่นแล้วกัน "

"..ได้ๆคะ ." ฉันก็รับปาก เกรงใจก็เกรงใจ แต่ทำไงได้ คนบ้านน๊อก บ้านนอก ไม่เคยนั่งรถไฟฟ้าใต้ดินนี่นา อิอิ

".. เอ..แล้วเขาหยอดเหรียญยังไงหว่า "

".. เอ..แล้วเครื่องมันจะหนีบตูดเราไหมหว่า อิอิ " คิดไปเรื่อยตามที่สมองโล่งๆ อิ อิ

   ลงรถเมล์ปุ๊บ ฉันก็วิ่งจู๊ดไปจุดหมายชั้นใต้ดินที่พี่สหายบอกว่าจะ ยืน(เต๊ะท่า)รออยู่แถวๆนั้น อิอิ

 เจอแล้วผู้ชายคนนั้น เหมือนเคยเห็นจากโลกทวิภพที่ไหน อิอิ ข้างตัวเขามีถุงโตๆ2ถุงแน่ะ  ถือวิสา คันทัพ เอ๊ย ถือวิสาสะ เปิดดู โห..ขนมเพียบ อิอิ

โน่นขนม นั่นน้ำดื่ม นี่ก็อีก นมไมโล โน่นเลย์ถุงโตๆ 2 ถุงแน่ะ นี่ๆ ขนมเวอเฟอร์เคลือบคาราเมล ขนมปังอย่างดีอีก 2ห่อ โห แล้วนี่อีก ยูโร คัสตาร์ด เค้ก อีก 1กล่องโต ฯลฯ 

ทำยังกะพี่สหายจะวางแผนให้เราสองคนไปติดเกาะที่ไหนสัก3วัน2คืนงั้นแหละ หุหุ

".. มาๆช่วยถือๆ ทำไมซื้อไรมาเยอะแยะมากมายงี้ล่ะ ไหนว่าไม่เยอะไง " ฉัน(แกล้ง)บ่นไปงั้น สงสารพี่สหายต่างหาก หิ้วมาซะหนักเชียว

"..อืม.ยืนรอนี่นะ เดี๋ยวไปซื้อตั๋วก่อน แป๊บเดียว อย่าหายไปล่ะ."

 "..แล้วไม่ต้องพูดมาก ซื้อมาแล้วช่วยกินให้หมด กองทัพต้องเดินด้วยท้อง " พี่สหายบ่นก่อนเดินตัวปลิว อ่อ ไม่ปลิวซิ ต้องบอกว่า เดินตัวหนักไปซื้อตั๋ว อิอิ

       ระหว่างที่นั่งบนรถไฟฟ้าใต้ดินด้วยกันนั้น พี่สหายเอาแต่พูดๆๆ คุยๆ แล้วก็คุยๆซื้อตั๋วต้องไปที่ช่องนี้นะ.. รถมาต้องยืนรอตรงนี้นะ.. สารพัดที่พี่สหายจะพุดบอก สอนแนะนำ..ฉันก็ได้แต่มองหน้า แล้วก็..ค่ะๆๆๆๆ..

"..เป็นไรเราน่ะ ไม่พูดจา ได้แต่ค่ะๆๆ ทำเป็นตัวหนังตะลุงไปได้ ต้องชักปากถึงจะอ้าปากพูดได้ "

"..ป่าว คะ ก็แย่งพี่พูดไม่ทันแหละ อิอิ "

".. เดินตามพี่มาดีๆล่ะ ระวังหลง ลืมเอาป้ายชื่อมาแขวนคอให้เราด้วย เฮ้อ."  อ้าว ..พี่เค้าประชดหรือแดกดันหว่า งง อิอิ

".. โห ทำไมผู้คนเยอะแยะไปหมดล่ะพี่สหาย มาจากไหนกันนักหนา เนอะ ."

".. เขาก็คงเหมือนเราน่ะแหละ หนังสือคือชีวิตไม่ใช่เหรอ เราน่ะ ไม่งั้นก็คงไม่มางานนี้หรอกน่ะ " 

" ต่ะเองก็ชอบนี่ มาว่าแต่เค้า " ป่าว ฉันไม่ได้พูดออกไปหรอก ได้แต่คิดในใจ อิอิ กลัวโดนปล่อยให้หลงทาง 

คำว่า  " เรา" พี่สหายมักชอบเรียกฉันแบบนี้บ่อย หรือไม่ก็ " เธอ " แล้วแต่พี่สหายจะคิดคำไหนได้กะละมัง เอ๊ย ได้กระมัง อิอิ

  "..มาๆ มานั่งนี่ก่อน กินไรกันก่อน ค่อยเดินให้รอบเลยวันนี้ไม่ต้องห่วง เดี๋ยวพี่เป็นไก่ เอ๊ย เป็นไกด์ให้เอง " 

พี่สหายพูดพลางเดินนำฉันไปหาที่ว่างๆเพื่อกินขนมรวมทั้งของกินเล่นต่างๆ 

เราสองคนใช้พรมนั่นแหละแทนพื้นสนามหญ้าอย่างดี เพดานแทนท้องฟ้ากว้างไกล ให้สายลมจากเครื่องปร้บอากาศแทนสายลมแผ่วที่พัดผ่านผิวตามธรรมชาติ 

ให้ฝาพนังสี่ด้านแทนแมกไม้เขียวขจี นั่นฟังดีๆซิ เสียงผู้คนเอะอะจอแจ แทนเสียงหรีดหริ่งเรไรยามค่ำคืน  

 เฮ้อ.โรแมนกะติก ยัยหมวยเอ๋ย อิอิ 555555

".. เอ๊า ให้มากินขนม ไม่ได้ให้มานั่งยิ้ม คิดไรอีกเราน่ะ" 

"..เปล่าคะ แค่คิดไรเล่นๆ ขำๆ " ฉันยิ้มพลางพูดพลาง ยังขำนี่นา

"..อืม..รู้แล้วว่า เราน่ะ จินตนาการกว้างไกลซะเหลือเกิน จนพี่ตามไม่ทัน"

 ".. อ่ะนี่ ขนมกินซะจะได้อ้วนกะเขามั่ง นี่นม นี่น้ำอยู่นี่นะ หิวก็หยิบกินได้เลย นี่หนมปังนี่ก็อร่อยนะ พี่ชอบซื้อกินที่บ้าน "

"..โห นี่คนนะ ไม่ใช่แมว จะได้กินๆ เดี๋ยวจุกตายกันพอดี "

        สรุปนมคนละขวด ไม่หมดแฮะ อิ่มจัด ไหนจะขนมอีก ไหนจะน้ำอีก อิ่มตื้อตั้งแต่ยังไม่เริ่มเดินทัพ อิอิ   

"..พี่สหายๆ เดี๋ยวแวะ สนพ. เอิร์น เอ็ดดูเคชั่นด้วยนะคะ  "

หมวยจะไปหาซื้อหนังสือ " บ้านสีลูกกวาด " ของพี่พล ด้วย อย่าลืมล่ะ "

"..อืม..ไม่ลืมหรอกน่ะ ถ้าจำได้ " อ่ะ ยังไง ถ้าจำได้ก็ไม่ลืม งง แฮะ

".. นี่ๆ แวะสนพ. นี่ก่อนก็ได้นะ อยากอ่านหนังสืออะไร เลือกเอา เดี๋ยวพี่จ่ายให้ "

"..ไม่หรอกคะ เดี๋ยวหมวยจ่ายเอง เตรียมเงินมาแล้วนี่นา "

  ".. น่ะ คิดไรมาก พี่กันน้องกัน เดี๋ยวพี่จ่ายให้ ไปเลือกๆๆ"

" พี่สหาย หมวยเตรียมเงินมานะ หมวย..." พูดไม่ทันจบ พี่สหายก็แทรก...

".. ไม่ได้ เงินของเราน่ะ บูดแล้ว ไม่มี อย.รับประกันคุณภาพ เขาไม่รับนะ เขารับแต่เงินของพี่ "  โห พี่เรา คิดได้ไงเนี่ยะ มุขนี้ อิอิ

  ".. คิดเงินเลยครับ  แยกถุง " สรุปแล้วว พี่สหายจ่ายเงินให้จริงๆด้วย เฮ้อ...

".. อ่อ .. พี่ลืมบอกเราไปว่า พี่นำหนังสือเรื่องสั้นเก่าๆมาให้อ่านด้วยนะ สัก5-6เล่มมั้ง เดี๋ยวค่อยเอานะ พี่ถือให้ก่อนเดี๋ยวหนัก "

"..เหรอคะ งั้นไม่ต้องซื้อเยอะหรอกคะ เปลืองเงินด้วย แค่ได้เดินดูหนังสือ แค่นี้ก็สุขใจแล้วล่ะค่ะ วันนี้อิ่มใจ สุขใจที่ได้เดิน ได้ทำในสิ่งที่เราชอบ"

"..อืม..พูดเป็นด้วยเหรอเราน่ะ เก่งนี่ "

  ".. ก็พูดจากใจนี่ ไม่ได้เสแสร้งสักหน่อย แหมๆๆ "

".. โน่นๆๆ พี่สหายๆ สนพ. ณ.บ้านวรรณกรรม ถามหาหนังสือรายากุนิง ของ คุณทมยันตี ว่าวางจำหน่ายหรือยังนะ ไปๆๆๆ "

".. อ่อ ยังไม่ได้วางตลาดคะ ต้องรอราวสัก2-3เดือน เพราะต้องรอเขียนบทละครทางโทรทัศน์ให้เรียบร้อยก่อน ค่อยตีพิมพ์และวางแผง "

".. อ่อ..ค่ะ /ครับ ขอบคุณค่ะ/ครับ" ฉันและพี่สหายพูดแทบจะพร้อมกัน

  "..เรารู้ไหมว่าเธอคือใคร นั่นล่ะ คุณทมยันตี ล่ะ "

".. อ้าว เหรอ แล้วก็ไม่บอก ไปๆ กลับไปถ่ายรูปก่อน "

     เฮ้อ ได้เจอตัว แต่ไม่รุ้จักซะนี่ ได้อ่านผลงานบ่อย แต่ไม่เคยเห็นตัวตนที่แท้จริงของท่าน ดูหน้าตาเหมือนดุ แต่ใจดี ท่านให้เกียรต์มาแจกลายเซ็นด้วยละ เป็นกันเองดีจัง

  ฉันยังคงเดินอมยิ้มจากบู๊ธสนพ.ณ.บ้านวรรณกรรม พี่สหายเลยแซว หาว่าเป็นปลื้มที่ได้คุยกับนักเขียนชื่อดัง ทมยันดี 

"..โน่นๆ ..หนังสือการ์ตูนญี่ปุ่น อ่านไหม พี่ซื้อให้ "

".. ไม่หรอกคะ โตแระ ไม่อ่านการ์ตูนแระ ไม่ใช่เด็กๆ" ปากว่าโตแล้วไม่อ่านการ์ตูน แต่ตาก็เหลือกๆ เอ๊ย เหลือบๆมองนิดๆ ก็ชอบนี่ แต่ไม่ดีกว่า ค่อยซื้อ

"..เอาน่ะ พี่ซื้อให้ สนุกน๊า เรื่องนี้ ขำด้วย แค่5เล่มเอง  ไม่เยอะน่ะ " 

 " นี่ ดูซิ ชื่อ คิโกะจัง ผมม้าตาขวาง หน้าตาตลกเหมือนหมวยเลย " อ้าว พี่เรา ตกลงว่า ชมหรือหลอกด่าอ่ะ อิอิ หาว่าเราหน้าตาตลกเหมือนการ์ตูนนี่นา 

".. อ่ะๆ ก็ได้ๆ ซื้อก็ได้ แต่หมวยจ่ายเงินเองน๊า ห้ามพี่แย่งจ่ายด้วย "

     แต่ผลสุดท้าย พี่สหายก็แย่งจ่ายเงินอีกจนได้ เฮ้อ.....สงสารแต่พี่สหายแหละ ของตัวเองไม่ค่อยได้ซื้อหนังสืออะไรเลย มีแต่ของหมวย ทั้งหนังสือ ทั้งขนม  พี่สหายบอกว่า ..

  ".. ได้ซิ ได้ความสบายใจไง เห็นคนที่เขาชอบอ่านหนังสือ ยิ้มกะหนังสือ พี่ก็มีความสุขแล้วละ

 ได้เห็นผู้คนมากมายรุมล้อมหน้งสือ เปิดหน้าหนังสืออ่านแล้วก็อิ่มเอมกับตัวหนังสือ พีก็อิ่มใจแล้ว.."

    แหมๆ   พูดซะซึ้ง พี่สหายสืบเรา อิอิ

  เราสองคนเดินเข้าร้านนั้นออกร้านโน้น เฮ้อ..สบายใจจัง แม้ไม่ได้ซื้อทุกร้าน เพียงแค่เห็นกองหนังสือมากมายที่รอวันจำหน่ายออกไป พวกะราก็อิ่มเอมใจอย่างที่พี่สหายว่าจริงๆนั่นแหละ

".. มา มานั่งพักก่อนอีกสักรอบ เดี๋ยวค่อยเดินต่อ ไหนเสบียงของเราละ เอามากินซิ"

"..รู้ป่าวว่า คุณคึกฤทธิ์ เขียนหนังสืออะไรบ้างที่ดังๆน่ะ "

 ".. แหมๆ รู้ซิคะ ก็ อย่างไผ่แดงนี่ไง ไหนจะกาเหว่าที่บางเพลงอีก ไหนจะ หลายชีวิตอีก " ฉันพูดทำ(อวด)รุ้ดีไปงั้น อิอิ

"..เอ่อ.เก่งนี่ คิดว่ารู้แต่เรื่องการ์ตูนซะอีก .

".. เป็นไงบ้างมาเดินวันนี้ ชอบไหม  สนุกไหม เหนื่อยไหมเนี่ยะเราน่ะ ?"

".. ไม่หรอกคะ ขอบอกว่า สุขใจมากกว่า สุขใจที่ได้ทำในสิ่งที่เราชอบ ทำในสิ่งที่เราใฝ่ฝันมานาน แต่ไม่มีโอกาสสักครั้ง สบายใจที่สุด
 "..  พี่ดีใจ ที่เห็นเรามีความสุข 

ดีใจที่เราบอกว่า สุขใจที่ได้ที่ได้ทำในสิ่งที่ตัวเองชอบ

 พี่ก็มีความสุขที่เห็นน้องมีความสุข พี่อยากให้เราน่ะ อ่านหนังสือเยอะๆ ถ้ามีโอกาส วันหน้าพี่พามาอีกนะ "

"..แล้วไปไง หิ้วไหวไหมเนี่ยะ พี่ไปส่งไหม ?"

"..ไม่ต้องหรอกคะ ขอบคุณมาก พี่จัดการเรื่องราวทุกอย่างให้แล้วยังจะต้องไปส่งอีกหรือคะ ไปได้คะ ไหวๆค่ะ "

".. แล้วเราน่ะ รู้  รู้ไหม ว่าคุณค่าของหนังสืออยู่ที่ไหน 

สำหรับพี่นะ พี่คิดว่า คุณค่าของหนังสือไม่ได้อยุ่ที่ราคาแพงแสนแพง คุณค่าของหนังสือไม่ได้อยุ่ที่เป้นหนังสือใหม่ๆ

 แต่พี่คิดว่า คุณค่าของหนังสือ อยู่ที่ใจ อยู่ที่ความชอบของคนอ่านมากกว่า หนังสือบางเล่มนะอาจจะแพงมากมาย แต่หากว่าคนอ่าน อ่านแล้วไม่มีความพอใจ ไม่ชอบก็ไร้ค่า

 ในขณะเดียวกัน หนังสือบางเล่มอาจจะเก่าในสายตาคนอื่น อาจไม่มีค่าไม่มีราคา ไม่มีคุณค่าของความเป็นหนังสือ แต่หากคนอื่นเขาอ่านแล้วพอใจประทับใจในหนังสือเล่มนั้น พี่ว่า นั่นแหละ คือคุณค่าที่แท้จริงของหนังสือล่ะ .."  

 "..เราน่ะ ฟังที่พี่พูดอยุ่ไหมเนี่ยะ หือ .." พี่สหายถาม หลังจากเห็นฉันเงียบไป ไม่ยอมละสายตาจากการ์ตูน คิโกะจัง ผมม้าตาขวาง อิอิ

 ...........ฉันกับพี่สหายตกลงกันว่า จะเดินอีกรอบเป็นรอบสุดท้าย แวะร้านหนังสือดอกหญ้า เป็นร้านสุดท้าย เพราะพี่สหายต้องการหนังสือเรื่อง ไผ่แดง ของคุณคึกฤทธิ์ ปรากฎว่าหมดพอดี เลยได้หนังสือเรื่องหลายชีวิตมาแทน 

พีสหายซื้อให้ฉันด้วยอีกเช่นเคย ฉันไม่ยอมให้ซื้อ ไม่รับ พี่เค้าก็ไม่ยอม บอกว่า ไม่ซื้อให้น้องนุ่งแล้วจะซื้อให้แมวที่ไหนอ่านล่ะ

 "..เดี๋ยวแวะสนพ.นี้อีกสักหน่อยนะ เผื่อมีไรน่าสนใจ"

".. ไม่ต้องเลยพี่สหาย กลับๆๆ พอแล้วๆๆ ไม่เอาๆ" ฉันต้องรีบปฎิเสธพร้อมกับดึงชายเสื้อ ไม่ยอมเข้าไป กลัวพี่สหายต้องจ่ายเงินมากกว่านี้ 

".. พี่จ่ายค่าหนังสือให้ก็เยอะแยะแล้ว  ไหนจะค่าตั๋วรถไฟฟ้าอีก ไหนจะค่าขนมอีก ไหนจะกินข้าวผัดมันปูอีก เฮ้อ มีแต่พี่ออกเงินทั้งนั้น ค่าหนังสือราวๆ 20 เล่ม เยอะไปหมด "

   ".. บ่นๆ ยังไม่แก่ ทำบ่นเดี๋ยวแก่ล้ำหน้าพี่ไม่รุ้ด้วย  ไป เดี๋ยวไปส่งที่หัวลำโพง แล้วกลับบ้านเองได้นะ "

".ได้คะ ขอบคุณมากๆสำหรับวันนี้ สักวันหมวยคงมีโอกาสได้ตอบแทนพี่สหายบ้างนะคะ ขอบคุณๆค่ะ "

  น่ะๆๆๆ... ยังไงก็ยังจำได้คะว่า พี่พูดอะไรไว้บ้างตอนที่นั่งพักทานขนม ทานนม และนั่งทานข้าวด้วยกัน จำได้ๆแหละน่ะ 

  พี่สหายบอกว่า "..คุณค่าของหนังสือไม่ได้อยู่ที่ราคาแพงแสนแพง  ไมได้อยู่ที่ความเป็นหนังสือใหม่ 

แต่คุณค่าของหนังสืออยุ่ที่ตัวเราอ่านแล้วพอใจ อ่านแล้วชอบ ประทับใจในหนังสือเล่มนั้น นั่นแหละ คือความมีคุณค่าของหนังสือเล่มนั้น "

     พี่สหายคะ  อยากฝากบอกอีกสักนิดนะคะว่า ".. คุณค่าของหนังสือนั้น อยุ่ที่ผู้ให้ด้วยคะ

  หากผู้ให้เต็มใจมอบให้ด้วยความบริสุทธิ์ใจ หนังสือ   หนังสือเล่มนั้น หรือหลายๆเล่มก็มีคุณค่าต่อผู้รับด้วยเช่นกันค่ะ "    

     ขอขอบคุณ พี่สหายที่ทำให้ฉันได้มองโลกทัศน์ที่กว้างขึ้นค่ะ 

แหะ..แหะ..  อ่านแระ ซึ้งม่ะๆ อิอิ  ....จบดีกว่า ..เย้ๆๆๆๆ .... =^_^=				
25 มีนาคม 2551 02:00 น.

อุทาหรณ์สอนใจ(พี่) มัสลิน

ฉางน้อย

00445_13.jpg วันนี้หมวยเล็กมีเรื่องว่าว เอ๊ย มีเรื่องเล่าเช้านี้มาให้ฟังคะ เป็นเรื่องราวของเจเจ๊สุดที่รักค่ะ 

 เป็นเรื่องราวของสามพี่น้องที่น่ารักๆครอบครัวหนึ่ง 

 มีเจเจ๊มัสลิน หญิงเหล็ก ตัวเล็กๆแกร่ง สู้งาน แม้แต่เครื่องยนต์คูโบต้ายังอาย อิอิ

 เฮียสืบ คนนี้ออกจะเก๊กซิม เอ๊ย   ทำเก๊กมาดหล่อใส่สาวๆค่ะ สุดท้ายก็กินแห้ว หุหุ

 คนสุดท้าย ยัยหมวยเล็ก คนนี้คนสุดท้อง ที่ใครๆมักบอกว่า คนสุดท้องไม่บ๊องส์ก็บ้า อิอิ จริงป่าวน๊า 

 ..... เป็นเรื่องราวความรัก ความผูกพันของพี่น้องตระกูลหนึ่ง อ่ะ ไม่โม้แระ ไปอ่านกันเลยคะ 

 
ขอได้รับความขอบคุณจาก......

 ...ฉางน้อย อินเตอร์เทนเม้นท์

 พากษ์เสียงภาษาไทย โดย...ตุ๊ดตู่ ซาวด์  แอนด์ มิวฉิก อิอิ

 เรื่อง โดย...ฉางน้อย ทะเลไร้คลื่น 

  ถ่ายภาพ...โดย ..เฮียสืบ หรือว่า นักสืบไร้อันดับ หุหุ

 (ทั้งนี้ และทั้งนั้น ขอขอบคุณผุ้ให้การอุปถัมภ์รายการด้วยดีมาตลอด นั่นคือ เจเจ๊มัสลินของเรานี่เอง..ฮา...)

 
 " ฮือๆๆ..อูยยย..."  อ่ะ..เสียงอะไรร้องดึกๆดื่นๆ เอ..เสียงร้องใกล้ๆนี่เองนี่นา หมวยเล็กหันซ้ายมองขวา หาที่มาของเสียงฮือๆนั่น

อ่ะๆ ..ดังมาจากห้องเจเจ๊นี่ ไม่ได้การละ ต้องสอดรุ้สอดเห็น เอ๊ย ต้องเคาะประตูซะแระ ว่าเป็นไรอีก

 ...ก๊อกๆ...เงียบแฮะ... อ่ะน่ะ อีกทีๆ

...ก๊อกๆๆ... ......

" เจเจ๊ ..เป็นไรป่าวคะ เสียงเหมือนผีบ้านผีเรือนที่ไหนมาร้องฮือๆที่ห้องเจเจ๊ป่ะคะ ..? "

   " ยัยหมวยบ้า ..ผีบ้านผีเรือน ผีบ้าผีบอที่ไหนร้องล่ะ เจเจ๊ปวดท้องอ่ะ ฮือๆๆ.." ว่าแล้วเจเจ๊ก็อ้อนหมวยเล็กซะเลย อิอิ

"..เหรอ ..เป็นไรมากป่ะคะ ไปหาหมอนะคะ นะ เดี๋ยวไปเรียกเฮียเอารถออกก่อนนะ..รอแป๊บนึง.."  

"..ไม่ไป๊ ไม่ไป ไม่ไปนะ เจเจ๊ไม่ไปหาหมออ่ะ หมวยเล็กก็รู้อยู่ว่า เจเจ๊กลัวเข็มฉีดยาอ่ะ ไม่ไปน๊า .." 
 น้านนนน..เจเจ๊ของหมวยเล็กล่ะค่ะ กลัวเข็มฉีดยา อิอิ แต่ยังทำปากดีโอดครวญอีก

"..เอาน่ะ รับรองคะว่าหมอที่นี่ เก่งที่สุด ดีที่สุด อะแฮ่ม..แล้วก็ หล่อที่สุดด้วยน๊า สนป่ะๆๆ  หมวยเล็กเอาน้ำร้อนเข้าสาด เอ๊ย เอาน้ำเย็นเข้าลูบ อิอิ

" ..เหรอ จริงป่ะ ไหนลองพูดใหม่ซิ ว่า แก่ที่สุด หรือว่า เก่งที่สุด.." เจเจ๊เริ่มเอียงหูฟังแหละ อิอิ คำว่า เก่ง หรือ แก่กันแน่ 5555

"..เก่งค๊า..หมอเก่งที่สุด ย้ำ หล่อด้วยน๊า หมวยเล็กขอบอก อิอิ "

"..เหรอ แน่นะ ..." เหมือนเจเจ๊ต้องการตอกย้ำคำว่า หล่อ 5555 หมวยเล็กเลยต้องทำเสียงเพิ่มความมั่นใจให้เจเจ๊เข้าไว้ อิอิ 
 

 "..เฮี้ยยย..เฮีย ..เฮียสืบๆ เอารถออกเร็วๆเข้า พาเจเจ๊ไปหาหมอด่วนเลย" ได้ผลแฮะ กับคำว่า เฮีย แต่มีไม้โท ต่อท้ายข้างบน อิอิ เฮียสืบสะดุ้งโหยง

"..นี่ หมวยเล็ก เฮียบอกแล้วใช่ไหมว่า เรียก เฮียเฉยๆไม่ต้องเติมไม้โทให้หรอกน่ะ  สอนไม่จำ เด็กคนนี้นี่ .."

'.. ค่ะ ..เฮียเฉยๆ.." หมวยเล็กรับคำ พลางทำตาใส ซื่อ(บื้อ)น่าหยิก

".. เฮ้ยย..อะไรของมันอีกเนี๊ยะ คำว่า เฮียเฉยๆ เอามาจากไหนอีก.." เฮียสืบเริ่มทำตาขวางอีกรอบ

 "..อ๊าววว..ก็เฮียบอกหมวยเล็กเองนี่นา ว่าให้เรียกว่า..เฮียเฉยๆ..อ่ะๆ อย่านะ อย่าเถียงน๊า เดี๋ยวหยิกปากเลย " หมวยเล็กเถียงเฮียสืบคอเป็นเอ็น พร้อมกับคอยหลบมะเหงกที่จะลงมาใส่หัวตอนไหนไม่รู้

".. เฮ้อ..เฮียละอ่อนอกอ่อนใจกะหมวยจริงๆน๊า .." เฮียสืบ (แอบ)ส่ายหน้าด้วยความรำคาญ (ถึงจะแอบยังไงก็เห็นแหละว๊า เชอะ)

 
.... ในท้องถนนที่เริ่มคราคร่ำด้วยผู้คน แม้ไม่มากมายนัก แต่ด้วยความเป็นห่วงเป็นใยอาการของเจเจ๊ก็ทำให้พวกเราร้อนใจไปตามๆกัน

 ".. เฮียๆ เลี้ยวไม ทางนี้อ่ะ นั่นมันโรงบาล ที่รับตัดขนสุนัขอ่ะ อ่านดิ เขาเขียนว่า รับตัด ตกแต่งขนสุนัข อ่านดีๆ เราพาเจเจ๊ไปหาหมอคนนะคะ ไม่ใช่หมอ....."   

..แฮ่.. หมวยเล็กรีบบอกเฮียเมือเฮียเริ่มเขว เลี้ยวผิดซอยคะ คงตื่นเต้นๆๆ อิอิ

".. เออๆๆ..รู้แล้ว โทษที..โทษอ่ะเจเจ๊ ผมไม่ตั้งใจ..' เฮียสืบทำสีหน้าเจียมเจี๊ยม สำนึกผิด

 "..เอาน่ะ จะหมอหมาหรือหมอคน ขอให้หมอหล่อไว้ก่อน " เจ๊มัสของเราไม่ทิ้งคอนเซ็ปเดิม 55555

 
  .....ตัดฉับ มาที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่ง(ที่ไหนม่ะบอกหร๊อก) 

".. โห..หู๊ววว..เฮียสืบๆ นี่มันห้องผุ้ป่วยในโรงบาล หรือว่า โรงแรมระดับ(ไก่ย่าง)ห้าดาวกันแน่เนี๊ยะ หือ ..ว๊าววว..ทำไม เลิศหรูอลังการซะอย่างกะห้องพักในโรงแรมเลยเนอะ .."  หมวยเล็กตะลึงงันกับความหรูหราเลิศเลอของห้องรับรองผู้ป่วยระดับ วีไอพี

".. ใช่ซิ จะไม่หรูได้ไง ทั้งโรงบาลมีห้องแบบนี้แค่สองห้อง ไว้ต้อนรับระดับวีไอพีไง คืนละสองหมื่นเชียวนะ รู้ป่าว " คำพูดของเฮียสืบทำให้หมวยเล็กถึงบางอ้อ.. มิน่าๆๆ เนอะ

  " ..ยัยหมวย แล้วเราน่ะนะ อย่าพูดเสียงดังไป ทำตัวมาจากบ้านน๊อก บ้านนอกไปได้ พูดไรเบาๆหน่อยได้ไหม สอน....." เฮียกำลังจะต่อประโยคที่ว่า..

" ..สอนไม่จำ.." หมวยเล็กรุ้ตัวเอง ต่อให้เสร็จสรรพ อิอิ ได้ผล เฮียสืบขว้างค้อนมารอบสอง (เอาตะปูเก็บก่อน อิอิ )

" .. อย่าพูดมาก ไปๆ เข้าไปดูเจเจ๊ก่อน ป่านนี้นอนร้องไห้แล้วมั้ง " เฮียกลัวหมวยพูดมากไปกว่านี้ รีบดันหลังให้เข้าไปในห้องรับรองผู้ป่วย

 "..ก็จริงๆนี่เฮีย ถ้าหมวยได้นอนเล่นห้องแบบนี้นะ ให้หมวยนอนป่วยสัก10คืนก็ยอมล่ะ ถึงจะได้ ก็จะได้ตายตาเหลือก เอ๊ย ตายแบบตาหลับ ว่า ครั้งหนึ่งเราได้นอนห้องหรูๆ อิอิ "

"..แหะ..แหะ.ไม่พุดก็ได้อ่ะคะ โทษที เผลอพูดมากไปนี๊ดด.." หมวยเล็กจำต้องหุบปากโดยปริยาย เมื่อสายตาเฮียมองมารอบที่สอง

 "..ฮือๆๆๆ.."  นั่นเจเจ๊ของพวกเราเป็นไรไปอีก เห็นหน้าสองสุดที่รักสองคนแทนที่จะดีใจ กลับร้องไห้ซะนี่ พี่เรา

".. ฮือๆๆๆ.. อาตี๋ๆ อ่ะ มาให้เจเจ๊กอดหนอ่ย เจเจ๊กลัวเข็มอ่ะ ตี๋รู้ทั้งรู้ ยังจะพาเจเจ๊มาหาหมออีก  ฮือๆๆ..พรืดดดด." 

เสียงสุดท้ายนั่น เจเจ๊ของเราสั่งน้ำมูกพรืดเดียวเต็มหัวไหล่เฮียสืบ 5555 (หมวยเล็กแอบขำ อิอิ) เจเจ๊เราถือโอกาสซบไหล่เฮียสืบสั่งขี้มูก

 อืม..ช่างเป็นแผนที่แยบยล เสียนี่กระไร... อิอิ

  
.....ย้อนหลังไปเมื่อปลายปี 50 พวกเราต่างเป็นห่วงเจเจ๊กันทตั้งแต่เจเจ๊เริ่มมีอาการแปลกๆ ปวดท้องโดยไม่มีสาเหตุ แต่เจเจ๊ก็ทนทำงานเรื่อยมา หาหมอที่ไหนๆก็ยังไม่ทุเลา หลายครั้งหลายครา เจเจ๊เริ่มชาชินกะอาการปวดท้อง บางครั้งทำงานจนลืมว่า ตัวเองปวดท้องอยู่ อิอิ

 มีอยุ่ครั้งหนึ่ง เฮียสืบแนะนำให้ลองรักษากับหมอบ้าน หมอสมุนไพร

".. เจ๊ ลองทานยาหม้อดูไหม เป็นยาสมุนไพรน่ะ หมอบ้านใส่หม้อดินแล้วกินแต่น้ำ ก็เอาสมุนไพรพื้นบ้านนี่แหละ เอามาต้มกิน " เฮียสืบ พูดเหมือนน่าเชื่อถือมากๆ 

"..เหรอ แล้วอาการหายดีเลยเหรอ เป็นปกติหรือเปล่า หายแน่นะ.." เจเจ๊ของหมวยเล็กเริ่มคล้อยตามคำชักจูง 

"..หายซิ รับรอง แต่ถ้าจะหายแบบเด็ดขาดนะ ถ้าเจ๊กินยาหมดหม้อเมื่อไหร่นะ เจ๊ต้องเอาหม้อดินใบนั้นไปถ่วงน้ำทันที เข้าใจป่ะ.." เฮียสืบเริ่มฉายแววเจ้าเล่ห์ออกมาแระ อิอิ

".. อ้าว ทำไมต้องเอาไปถ่วงน้ำด้วยละ ไม่เข้าใจซิ.." เจเจ๊พาซื่อตามเฮียสืบ 55555

".. อ๊าวววว..เจ๊จะเก็บหม้อดินของแม่นาคทำไม อ่ะ ก็ไปยืมเขามาเป็นหม้อยา กินเสร็จแล้วก็ต้องคืนเจ้าของซิเจ๊ 55555555555.." 

เฮียสืบระเบิดเสียงหัวเราะก้องด้วยความสะใจ ที่ สามารถแกล้งเจ๊มัสของเราได้สำเร็จ หมวยเล็กก็พลอยขำไปด้วย ก๊ากกกกก

     ..... หวืออออออออออ...โพล๊ะ...ตุ๊บ..เสียงวัตถุบางอย่างลอยผ่านศรีษะเฮียสืบกับหมวยเล็กไปอย่างเฉียดฉิว ไปกระทบฝาผนังก่อนที่จะตกลงบนพื้นในที่สุด

 ส่วนที่ต้องบอกว่า เสียงอะไรนั่น ก็เพราะว่า ทั้งหมวยเล็กทั้งเฮียสืบ ต่างก็รู้กันแล้วว่าหากเฮียสืบพูดจบแล้ว ผลที่ตามมาจะเป็นเช่นไร 555555 

ราสองพี่น้องต่างพร้อมใจกันหลบสิ่งแปลกปลอมในมือเจเจ๊ ไม่มองว่าอะไรหรอกคะ ขอหมอบก่อน กลัวโดนลูกหลง 555555

  พวกเราก็รู้ว่า เจเจ๊กลัวเข็มจนฝังใจเพราะสมัยเด็กๆนั้น โดนเพื่อนเกเรแกล้ง เข้ามาก็ถามว่า ..เธอๆ  ไหนดูแขนเธอซิ นิ่มป่ะ  พี่มัสเราก็พาซื่อคะ ตอบว่า นิ่ม อะ ลองจับดูดิ ..ไอ้คนเกเร ไม่จับเฉยๆซิคะ เอาเข็มมาจิ้มซะ เนื้อปูดออกมาเลยค่ะ เจ

เจ๊ตกใจจนเป็นลม พอฟื้นขึ้นมาร้องหา โอเลี้ยง 5555 เจเจ๊อยากกินโอเลี้ยงอ่ะหมวยเล็ก ขำกันทั้งบ้านคะ  อิอิ

 
 อ่ะๆ มาฟังกันต่อคะ อิอิ

หลังจากปลายปีที่แล้วเจเจ๊มีอาการแบบเดิมอีก  คือ มีอาการปวดท้อง จุก เสียด กินอะไรนิดหน่อย ก็จุก คับแน่น ท้องอืด เหมือนมีลมดันในกระเพาะ เอ ..แต่ลมจะดันช่วงไหนไม่รุ้ด้วยนะ คำว่า ลมดัน  พอเฮียกะหมวยถามทีไร เจเจ๊แกเขิน ดึงผมบนหนังศรีษะร่วงเป็นกระจุก(เขินจัด)

 
หลังจากที่เฮียสืบกับหมวยเล็กลาก(คอ)เจเจ๊ไปหาหมอให้ชันสูตร เอ๊ย ไปให้หมอวินิจฉัยโรค ผลการวินิจฉัยของหมอครั้งแรก ท่านฟันธงมาว่า..

  ".. คุณมัสลิน นั้น มีอาการของถุงน้ำดีอักเสบ ต้องเข้ารับการผ่าตัดโดยด่วน.."

"..ห๋า..ผ่าตัดเหรอคะ.." เจ๊มัสลิน หรือเจเจ๊ของพวกเรา โวยวายลั่นพร้อมกับนับนิ้วมือ ไม่พอคะ แถมยังยกเท้ามาช่วยนับ 

".. เจ๊ ทำไร   ผมให้ยืมนิ้วนับเอาป่ะ .." เฮียสืบคงรำคาญ

"..ก็ถ้าเจ๊ผ่าตัด เจ๊ก็มีอาการไม่ครบ 32 ประการน่ะซิ ไม่นะ ไม่ผ่า ฮือๆๆๆ.."

      ..โถ..ทำไปได้ นับนิ้วเพื่อนับว่า กลัวไม่ครบ 32 ประการ....

..ปู๊ดดดดดดดด... สงสัยเจ๊ร้องไห้เยอะไปหน่อย ความดันลมเริ่มทำงานอีกแระ อิอิ ตัวใครตัวมันล่ะคะ กิ๊วๆๆ

 
....... แต่สุดท้าย ด้วยความที่ห่วงลุกน้อง ห่วงลิงน้องๆสองตัว อิอิ ห่วงภาระกิจที่ต้องรับผิดชอบหลายอย่าง ทำให้เจเจ๊ตัดสินใจเข้าพบหมออีกครั้งในวันที่ 1 มี.ค.ที่ผ่านมานี่เอง  (หลังจากน้องสาว หมวยเล็ก ขึ้นเขียงเตียงผ่าตัดไปแล้วเมื่อปลายปีนี้ พอมาต้นปี เจเจ๊ก็เอากะเขามั่ง อิอิ  )


 เสาร์ที่ 1 มี.ค.51....

      เจเจ๊ ตัดสินใจขอพบคุณหมอเพื่อให้หมอทำการวินิจฉัยโรคให้ละเอียดอีกครั้งหนึ่ง ขอแบบละเอียดสุด หมอที่เก่งที่สุด ได้ระดมมาเพื่อทำการวินิจฉัยอาการของเจเจ๊โดยเฉพาะ 

ท่านศาสตรดาจารย์มาเองคะ เครื่องมือที่ดีที่สุด ทันสมัยที่สุดได้เตรียมพร้อมเพื่อการนี้เพื่อนำมาใช้กับเจเจ๊ รวมทั้งห้องรับรองผู้ป่วยคืนละสองหมื่นนั่นแหละคะ อย่างที่บอกกล่าวตอนแรก เป็นห้องพักผู้ป่วยที่มีห้องรับรองแขก ห้องรับแขก ห้องน้ำ ห้องครัว ห้องอบซาวน์น่าด้วย 

เฮ้อ..เยอะแยะไปหมด หมวยเล็กถึงบอกไงว่า ถ้ามีวาสนาได้นอนห้องแบบนี้ ถึงตายก็นอนตายตาเหลือก เอ๊ย ตาหลับแระ  อิอิ

  ตอนเช้า หลังจากที่เฮียสืบกะหมวยเล็กส่งเจเจ๊เข้าโรงพยาบาลแล้ว ทั้งหมอทั้งพยาบาลช่วยกันควานหาเส้นเลือด เพื่อฉีดเข็มให้น้ำเกลือ แต่คงเป็นเพราะเจเจ๊ตื่นเต้น เลยทำให้ระบบการทำงานของเส้นเลือดผิดปกติ ทำให้เส้นเลือดตีบตัน เจ๊คงตื่นเต้นจนเป็นลม 

     ส่วนอาการปวดท้องยิ่งปวดหนักขึ้นเรื่อยๆ แต่เจเจ๊ก็ทนไม่ยอมฉีดยา ไม่ยอมรับมอน์ฟีนจากหมอ เพราะเจ๊รู้ว่า ยังไงซะความเจ็บปวดเหล่านี้ มอร์ฟีนก็คงต้านไม่อยุ่คะ คุณหมอเลยต้องให้ยาปฎิชีวนะแล้วรอดูอาการสักพัก

 แต่ในระหว่างนั้น เจเจ๊ก็ยังต้องทำงาน ต้องดูแลลิงสองตัวคือ เฮียสืบกะหมวยเล็กด้วย สมแล้วที่หญิงเล็ก แต่เป็นหญิงเหล็กจริงๆ ใจของเจเจ๊แกร่งมากๆ ก็บอกแล้ว เครื่องยนต์คูโบต้า ยังอาย อิอิ

".. เฮียเป็นไร ทำหน้าเหมือนลิงโดนเหยียบหาง ." หมวยเล็กรู้ว่า เฮียคงกังวลเกี่ยวกับอาการป่วยของเจ๊คนเดียวของเฮีย พี่สาวเขานี่ เนอะ

"..เออ..ถ้าเฮียเป็นลิง แกก็เป็นลิงด้วย เพราะแกเป็นน้องชั้นว่ะ " ยังดีแฮะ เฮียไม่ทุกข์ ไม่ซึมเศร้าแระ ก็ด่าน้องนุ่งได้แล้วนี่นา สบายใจแระ 

 "..หมวยเล็กรู้น่ะ เฮียเป็นห่วงเจ๊ ใช่ป่าวละ แต่เฮียเชื่อดิ คนดีผีคุ้มครอง แหะ..แหะ.." หมวยเล็กชวนคุย อยากให้เฮียสบายใจ

"..เฮ้ยๆ เมื่อกี้ว่าไรนะ คนดีผีคุ้มครอง มีด้วยเหรอ เคยได้ยินแต่คนดี พระคุ้มครอง เฮ้อ.." เฮียส่ายหน้าด้วยความระอา แกมรำคาญ อิอิ

 
อังคาร ที่ 11 มี.ค......

       พวกเราสองพี่น้องพาเจเจ๊ไปโรงพยาบาลแต่เช้า เพราะมีนัดกะคุณหมอไว้คะ ไปนอนรอเพื่อให้อาหารย่อยให้หมดทั้งวัน ไม่ต้องทำไรกันละ 

หมอให้ดื่มน้ำที่ผสมยาระบายเป็นลิตรๆ (จำไม่ได้ว่ากี่ลิตรแระ)สรุป กินน้ำที่ผสมยาระบาย พร้อมทั้งกินยาถ่ายอีก 2-3เม็ด เพื่อทำการล้างท้อง

     ตกดึกคืนนั้น เจเจ๊ก็ไม่ต้องหลับต้องนอนกันละคะ คลานเข้าออกห้องน้ำกันทั้งคืน ประมาณ 12 ครั้งมั้งคะ 

 ครั้งสุดท้าย คลานออกมาจากห้องน้ำ ผมเผ้ากระเซอะกระเซิงเหมือนผีบ้า หน้าซีด ปากซีด เหมือนแมวที่โดนรถเฉี่ยวข้างถนน เจเจ๊ พุดได้คำเดียว แย่แระ ทวารบาล(บาน) 555555

รุ่งเช้า   หมอก็ให้ยานอนหลับอีก เพื่อส่องกล้อง พวกเราสองพี่น้องรอลุ้นตื่นเต้นๆว่า ส่องกล้องหรือส่องอะไรกันแน่หว๊า  อิอิ

"..เฮียๆ หมอเขาจะนำคลิปฉาวของเจ่เจ๊ไปเผยแพร่ป่ะคะ "   หมวยเล็กเริ่มปากดีแกแระ  หุหุ
  หมวยเล็กถามเสร็จก็วิ่งจู๊ดดดด ไปเข้าห้องน้ำยืนหัวเราะคนเดียว 55555

 
  สุดท้าย คุณหมอระดับท่านศาสตราจารย์ออกมาพูดคุยอธิบายสาเหตุที่แน่ชัดแล้วว่า เกิดจากอะไร ..

     สำไส้เป็นหลุมลึกประมาณ 1 เซ็นต์ ทำให้กากอาหารที่ไม่ย่อยก็เข้าไปอุดตันส่วนที่เป็นหลุม ไปตกค้างคาตรงหลุมนั้น ทำให้เกิดการอักเสบ เจ็บปวด  

..ภาษาปะกิต หมอเรียกไร น๊า เอ่อ..คุณหมอเรียกว่า Diverticula หาใช่เกิดจากถุงน้ำดีอีกเสบไม่

  อิอิ เจเจ๊เกือบซวย เกือบโดนตัดถุงน้ำดีแระพี่เรา

 ส่วนสาเหตุที่คุณหมอชุดแรกวินิจฉัยโรคผิดพลาด เป็นเพราะว่า ลำไส้ของเจเจ๊ได้โค้งงอไปอยู่ในตำแหน่งเดียวกันกับถุงน้ำดี และเมื่อตรวจด้วยเครื่อง MRI ทำให้ทราบตำแหน่งนั้น คิดกันว่า เกิดจากถุงน้ำดี  ซึ่งคุณหมอบอกว่า หากผ่าต้ดเอาถุงน้ำดีออกไปแล้ว ก็ต้องนำลำไส้มาไว้ข้างนอกเพื่อให้ลำไส้ได้ทำงานแม้ไม่สมบุรณ์เหมือนเดิมก็ตาม

   คิดดูซิคะ ว่า เวลาไปนั่งทาน KFCในห้าง เดินหิ้วลำไส้ไปด้วย ทำไงกัน ผู้คนคงแตกตื่น 55555

 

แต่เจเจ๊โชคดี ที่ได้เจอหมอเก่งๆค่ะ ระดับศาสตราจารย์ เครื่องมือก็ทันสมัย 

เฮ้อออ..เกือบซวยไหมล่ะเจเจ๊  

  สุดท้ายเจเจ๊เลือกรักษาด้วยวิธีการกินยาคะ ดีนะคะที่ไม่ยอมให้หมอผ่าตัดถุงน้ำดี เจเจ๊ต้องกินยาสม่ำเสมอ พอจะทุเลาได้ อาจไม่หายขาด แต่เจเจ๊ก็มีความสุขในชีวิต ใช้ชีวิตได้ตามปกติสุข ยังออกเดินทางไปท่องโลกภายนอกได้อีกนานคะเจเจ๊   

เจเจ๊ได้มีกำลังใจที่ดี สุขภาพจิตดี ก็ไม่เป็นปัญหา 

 เฮ้อออออ....


 นิทาน เรื่องนี้ สอนให้รุ้ว่า คำวินิจฉัยครั้งแรกผิดพลาดกันได้ 

เอาน่ะ ผิดครั้งแรก ถือว่า เป็นครู 

ผิดครั้งที่สอง เป็นอาจารย์ 

ผิด่ครั้งที่สามเป็น ท่านผอ.

ผิดครั้งที่สี่ ไล่ออกไปเป็นภารโรง เลยดีกว่า อิอิ   

..................................................

      T  H  E    E  N  D 				
28 กุมภาพันธ์ 2551 01:43 น.

:+:.ภาษาจีนวันละคำสองคำ,:+:

ฉางน้อย

   เรื่องเล่าจากเจ้าฉางน้อยมีอยู่ว่า หลังจากที่พี่ปา พาฉางน้อยท่องเที่ยวเมืองจีน ( พี่ปา หรือ พี่ตั๊กแตน หรือฉางน้อยแอบเรียกพี่ตั๊กแตน(ปาทังกา) หรือพี่มัสลินคนสวยของฉางน้อย นั่นเอง อิอิ)

 พี่ปา ทั้งลาก ทั้งจูงฉางน้อยเดินซะเหนื่อยหอบ ลิ้นห้อยเหมือนแมวเลย อิอิ ยังสงสัยว่าพี่เค้ารีบไปไหนนักหนา เลยถามว่า..

 ฉางน้อย ... เจ๊ๆ รีบไปตามควายที่ไหนอ่ะคะ รีบจูงฉางน้อยจัง เค้าเหนื่อยแระน๊า

 
พี่ปา ... ป่าว จ๊ะ ไม่ได้ตามควาย แต่จูงควายเดินหนีคนต่างหาก อิอิ (ขออภัย หากคำไม่สุภาพ)

 
.. แป่วววววว.. ไม่น่าถามเล๊ย  โดนไปหนึ่งดอกจนได้ เฮ้อออ

 

          ส่วนมากสองพี่น้องพากันเดินดูของเฉยๆ ไม่ได้ซื้ออะไรติดไม้ติดมือหรอกคะ กลัวจะติดใจอีกต่างหาก อิอิ เข้าแวะชมร้านนั่น  ออกร้านโน้น ไปร้านนี้  จนกระทั่งฉางน้อยหยุดเดินซะดื้อๆ ทำตาใสๆ..ซื่อๆ..( ส่วนจะบื้อด้วยหรือไม่นั้น สุดจะคาดเดาคะ )

 ฉางน้อย ... พี่ปาๆ น้องฉางน้อยหิวข้าวอ่ะ หิวน้ำด้วยดิคะ ทำไงดี ?

 พี่ปา(ทังกา) ... อืมม์..งั้น เราไปหาอะไรกินกันดีกว่า เนอะ กินไรดีล่ะเจ้าฉางผิง ( พี่ปา ชอบเรียกฉางน้อยว่า ฉางผิง )

 ฉางน้อย ... ฉางอยากนั่งMacDonald อ่ะ ที่นี่มีไหมคะ ? ยัยฉางเริ่มอ้อนออดเหมือนมอดกัดไม้(หน้าสาม)

 พี่ปา(ทังกา) ... โอเค เลยน้อง  ไม่ ตัง เหลา นะจ๊ะ

 ฉางน้อย ... อ้าว พี่ปาไม่มีตังค์หรือคะ ไหนว่ามีตังค์ไงล่ะ ?

 พี่ปา(ทังกา) ... ยัยบ๊องส์..คำว่า  ไม่ ตัง เหลา หมายถึงร้านแมคโดนัลด์ย่ะ ไม่ได้หมายความว่าเราไม่มีตังค์ ภาษาจีนที่นี่ เขาเรียกกันแบบนี้ อย่ามั่วเฟ้ย..

 ฉางน้อย ... อ๊าววว.. ก็ใครจะไปรู้ล่ะ    เห็นว่า ไม่ๆ ตังค์ๆ คิดว่าไม่มีตังค์นี่นา
อ่อ.. แบบนี้นี่เอง  เจ้าไม่ตังเหลา อิอิ ขำค่ะ

 
เอ่อ.พี่ปาคะ หากว่าฉางน้อย อยากดื่มน้ำอัดลมล่ะค่ะ จำพวกมิรินด้า หรือ แฟนต้าน่ะค่ะ  คนจีนที่นี่เขาพูดกันว่าไงคะ ? ฉางน้อยไม่วายสงสัย

 พี่ปา(ทังกา) ... เอ..แฟนตา พี่ปา เอ๊ย พี่ตั๊กไม่แน่ใจนะ แต่มิรินด้า คนจีนที่นี่ เขาเรียกว่า " หมี่ ริน ต๋า "

 ฉางน้อยหัวเราะ คิกคิก ...แหม ขำจังคะ น่าจะเรียก ว่า หมีแพนด้าไปเลยก็หมดเรื่อง เนอะพี่ปาเนอะ

 พี่ปา(ทังกา) ... เอาอีกแล้ว  เราน่ะ ชอบทำเรื่องเพี้ยนๆไปทุกเรื่องน๊า

 ฉางน้อย ... อ่อ   แล้วถ้าคำว่า โค้ก หรือ โคคา  โคลา ล่ะค่ะ  เขาพุดว่าไง คะ ?

 พี่ปา (ทังกา) ..." เข่อ โขว่  เข่อ เล่อ " พี่ปาคนงามออกเสียงให้ฟัง ฉางน้อยก็ยัง งงๆ ค่ะ

 ฉางน้อย ... อะไร โข่งๆนะคะ ยัง งง คะ ไม่เข้าใจ

 พี่ปา (ทังกา) ... เข่อ โขว่ เข่อ เล่อ ก็คือ โค้ก โคคา โคลา ไง แปลว่า ถุกปาก ถูกใจไงจ๊ะ คนจีนที่นี่เขาเรียก แบบนี้จ๊ะ

 ฉางน้อย ... อ่อ แล้วไปคะ  น้องฉางน้อย คิดว่า พี่ปาจะมางมหอยโข่งอะไรตอนนี้ แฮ่...แฮ่..

 
ได้ที ฉางน้อยไม่รอช้า รีบปล่อยหมัดคำถามเด็ด เหมือนมวยคู่เอก ที่ปล่อยหมัดฮู๊คใส่คู่ต่อสู้ระหว่าง ฉางน้อย ศิษย์ ป.เปาอินทร์ กับ มัสลิน ศิษย์เจ้าแม่กวนอู แหะ..แหะ.. เอ๊า ผ่านๆ คุยเรื่องไรกันเนี่ยะ อิอิ

 
เอ ..ว่าแต่ว่า วันก่อนน๊า ฉางน้อยเตะผ่าหมากพี่มัสด้วยน๊า พี่มัสได้ที รับนั่งยองๆ เก็บหมากที่ฉางน้อยผ่าไว้ เสร็จแล้วคุณพี่ก็ไปหาพลู ปูนแดงมากินด้วยกัน 555555

 
ฉางน้อย ...แล้ว " กาแฟ สตาร์บัค " ล่ะค่ะ  เรียกว่าไง คะ ?

 พี่ปา(ทังกา) ...ก็เรียกว่า  " ซิง ปา เค่อ  จ๊ะ " ซิง แปลว่า กาแฟ นะจ๊ะ

 
ฉางน้อย ... ร้าน ฟิซซ่า ฮัท ล่ะค่ะ ? ฉางน้อยตัวดี ยังไม่หายสงสัย

 
พี่ปา(ทังกา) ... " ปี้ เซิง เค่อ " แปลว่า ร้านฟิซซ่า ฮัท จ๊ะแม่หนู

 
ฉางน้อยยังสงสัยต่อ ... เอ่อ..แล้ว Kentucky Friend Chicken ล่ะคะ ? เราจะพุดว่าไง คะ ?

 พี่ปา(ทังกา) ... อืมม์ ถ้าเคนดักกี้ ภาษาจีนที่นี่ เค้าคงเรียกว่า " เขิ่น เอ๋อ จี  " มั้งคะ น่าจะใช่จ๊ะ เพราะ  จี แปลว่า ไก่ นี่นา 

 
ฉางน้อย พยักหน้า หงึกๆ จะจำได้หมดไหมเนี่ยเรา ยิ่งฉลาดๆอยุ่ด้วยน๊า อิอิ

 ฉางน้อย .. อ่อ ..พี่ปาๆ เมื่อกี้ฉางน้อยลืมบอกอ่ะคะว่า เดินเยอะไปหน่อยมั้ง รองเท้าสึกหมดแระคะ ซื้อคู่ใหม่ได้ป่ะคะ ?

 พี่ปา(แสนใจดี กัดฟันตอบ ) ... อืมม์ ได้ซิหาคุ่ใหม่เนอะ ยี่ห้ออะไรดีจ๊ะ ? " รุ่ย ปู้ "  " ไน่  เค่อ " หรือว่า  " อา ตี๋ ด๋า ซือ " ดีล่ะค่ะ

 ฉางน้อย ตาเหลือก  ทักว่า .. โห เจ๊ๆ พูดช้าๆซิคะ ฉางน้อยแปลไม่ออกด้วยค่ะ ฟังไม่ทันด้วยน๊า 

 พี่ปา (ทังกา)  ... เอ๊า .. ก็บอกยี่ห้อของรองเท้าให้ฟังไง๊  แหมๆๆ

 รุ่ย ปู้ ..ก็คือ ยี่ห้อ รีบอก

ไน่ เค่อ ..ก็คือ ยี่ห้อ  ไนกี้ นะจ๊ะ จำไว้ แล้วก็ส่วนคำว่า ..

 อา ตี๋ ด๋า ซือ...ก็เป็นยี่ห้อ อาดิดาส ไงจ๊ะ ไงละ แปลไม่ออกล่ะซิหล่อน อิอิ

 
ฉางน้อย (ไม่วายเถียง) ... อ๊าวววว..แต่ฉางน้อยเป็นหมวยนี่นา งั้นเปลี่ยนจาก อาตี๋ด๋าซือ เป็น อา หมวย ด๋า  ซือ ซิคะ อิอิ

 ( ฉางน้อยได้ทีขี้แพะไหล เอ๊ย ขี่แพะไล่ อิอิ ) เจ้าฉางผิงของพี่ปา พูดแล้วหัวเราะคิกคิก ด้วยความชอบใจที่กวนพี่สาวคนสวยได้สำเร็จ อิอิ

  พี่ปา(ทังกา) ... เออ..ไปนอกเรื่องได้เรื่อยเชียวนะยัยฉางผิง เมื่อไหร่จะไปนอกโลกซะทียะหล่อน แต่ไม่ไปก็ดีกลัวพี่เหงาดิ 

 
 " เฮ้อ..คนจีนที่นี่น่ะนะ เรียกชื่อสิ่งของ เครื่องใช้แต่ละอย่างไม่เหมือนกันหรอกนะ

 อย่างโทรศัพท์ยี่ห้อ โนเกีย หรือ Nokia นะ ฉางน้อยทายซิ เขาเรียกว่า อะไร 

 
ฉางน้อยส่ายหน้า (แต่ตาชักปรือ ง่วงนอนเต็มประดา) ... เดาไม่ออก จนด้วยปัญญาอันน้อยนิดค่ะพี่

  พี่ปา(ทังกา) ... อืมม.. อย่างโนเกีย เชาเรียกว่า " นั่ว จี ย่า "

 โซนี่  ก็เรียกว่า .. " สั่ว หนี "

  หรือแม้แต่ เสื้อผ้าของยี่ห้อ ลาคอสต์ เขาก็เรียกว่า "  เอ้อ หยวี " ที่แปลว่า จระเข้น่ะจ๊ะน้องหนู 

 พี่ปาพูดพลางหันหน้ามามองน้องคนสวย ปลากด เอ๊ย ปรากฏว่า ยัยฉางน้อยกินอิ่มก็นอนหลับทันใด 

.... ว๊ายยยย..ยัยบ้า ปล่อยให้ชั้นพล่ามบ่นคนเดียวอีกแระนะ เดี๋ยวเหอะๆๆ ..

                                    ......................................

                               ( ฉางน้อย ทะเลไร้คลื่น )				
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟฉางน้อย
Lovings  ฉางน้อย เลิฟ 1 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟฉางน้อย
Lovings  ฉางน้อย เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟฉางน้อย
Lovings  ฉางน้อย เลิฟ 1 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงฉางน้อย