3 มิถุนายน 2554 12:00 น.
ฉางน้อย
การที่เราจะคบหาหรือรู้จักใครสักคน
ไม่ว่าในฐานะใดๆก็ตาม
สิ่งหนึ่งที่ควรท่อง ควรจำไว้เสมอก็คือ...
" คน " เป็นสิ่งมีชีวิต มีทั้งด้านบวกและด้านลบอยู่ในนั้น
อย่าตั้งใจกับคนหนึ่งคนมากเกินไป
เพราะไม่มีใครอยากเป็นต้นเหตุของความล้มเหลว
.....................................................
อย่าคาดหวังกับคนหนึ่งคนมากเกินไป
เพราะไม่มีใครสามารถเป็นทุกสิ่งทุกอย่าง ที่ทุกคนอยากให้เป็น
อย่าให้เวลากับคนหนึ่งคนมากเกินไป
ไม่ว่าใครก็ตาม ต่างก็อยากมีช่วงเวลาเป็นส่วนตัว..คนเดียว..
อย่าพยายามเปลี่ยนแปลงคนหนึ่งคนมากเกินไป
เพราะนั่นจะทำให้เขาไม่หลงเหลือความเป็นตัวของตัวเอง
............................................................
อย่าควบคุมคนหนึ่งคนมากเกินไป
เพราะมนุษย์ย่อมหาวิธีแทรกตัวออกจากกฏที่ถูกกำหนด
อย่าบีบบังคับคนหนึ่งคนมากไปกว่านี้
เพราะถ้าคนคนนั้นหลุดจากภาวะบีบบังคับมาได้
คุณจะเป็นคนที่ถูกหันหลังให้ทันที
.......................................................
เธอ...ลองมองดูฉันดีๆ ฉันมีลมหายใจ
ไม่ใช่ภาพวาดที่จะสะสวยตลอดเวลา
ฉันเองก็เป็น " คน " เป็นสิ่งมีชีวิตที่มีอยู่สองด้าน
...ถ้าอยากรู้จักใครสักคน ต้องหัดเรียนรู้ ไม่ใช่เปลี่ยนแปลง...
..........................................................
( ขอบคุณบทความดีๆที่มาจาก mail นะคะ )
13 มีนาคม 2554 23:01 น.
ฉางน้อย
วันนี้มีเรื่องความฮาของการเขียนใบลามาเล่าสู่กันฟังคะ
ใครอ่านแล้วจะฮาหรือไม่ ไม่ว่ากันนะคะและไม่ต้องกลัวว่า
กรมสรรพากรจะเรียกเก็บภาษีความฮาย้อนหลังหรอกคะ
หรือใครจะฮาแบบขี้แตกขี้แตนก็ไม่ว่าอีกเช่นกันคะ อิอิ
วันนั้นภาคบ่ายของวิชาภาษาไทยของนักเรียนชั้นม.3/2
ฉันจำได้ว่า อาจารย์ผู้สอนเป็นอ.หน้าหมวย ผิวขาว ตัวเล็กๆ
ชื่อ อาจารย์ขวัญใจ
วันนั้นอ.ขวัญใจสอนให้นักเรียนเเรียนรู้เรื่องการเขียนใบลา
ไม่ว่าคำขึ้นต้นยังไง เนื้อหายังไง สาเหตุที่ลา และคำลงท้ายที่
อ.ขวัญใจบอกว่าจะลืมเสียมิได้
" เอ้า เขียนเสร็จแล้วส่งครู วางบนโต๊ะนี่นะคะ "
อ.ขวัญใจสั่งให้นักเรียนแต่ละคนลองเขียน ซึ่งผิดถูกตรงไหนยังไง
ท่านก็ตรวจทาน เขียนกำกับส่วนที่ผิดไว้ให้
สุดท้ายกองสมุดเป็นพะเนินบนโต๊ะอาจารย์ท่านนี้ สมุดของยิหวานั้น
อ.เขียนกำกับว่า ขั้นตอนการเขียนถูกต้อง แต่ตัวหนังสือเอียงไปหน่อย อิอิ
..............................................................................
อาจารย์ขวัญใจนั่งตรวจงานของนักเรียนไปเรื่อยๆ แต่แล้ว
สิ่งหนึ่งก็ผุดขึ้นบนใบหน้าอันแสนหวานนั่น คือ
ตอนแรกท่านอ่านแล้วก็อมยิ้มเฉยๆแล้วก็ยกมือขึ้นปิดปากพองาม
แต่ก็ยังมีเสียงหัวเราะคิกๆเบาๆพอน่ารัก
สุดท้ายคาดคิดว่า ท่านคงเก็บอาการไว้ไม่ไหวเลยปล่อยหัวเราะ
ก๊ากๆๆๆ ตรงนั้นเลยทีเดียว
พวกเรานักเรียนในห้อง 30กว่าคนก็ขำท่าทางของอาจารย์ประกอบกับงงๆ
ว่า ตกลงอาจารย์ท่านนี้ขำเรื่องอะไรกันแน่
" เอ่อ ..นายกิตติศักดิ์คนไหน ยกมือขึ้นซิ " อาจารย์ขวัญใจถาม
พลางเหลียวหาต้นตอความฮา ผู้จุดชนวนเสียงหัวเราะให้อาจารย์
" ผมเองครับ .." นายนั่นยกมือพลางยืนขึ้นด้วยความมั่นใจตัวเองมากมาย
" อ่อ เธอนี่เอง " อาจารย์รับรู้ พลางยิ้มขำ
" เธอว่าครูใจร้ายไหมนายกิตติศักดิ์ ? " อาจารย์ถามเพื่อนร่วมห้องของฉัน
" ไม่ครับ อาจารย์ใจดีมาก " นายนั่นตอบพลางทำตาหวานอีกแน่ะ อิอิ
" นั่นซิ ครูใจดี แล้วครูจะยิงเธอทำไมเนี่ยะ ?" อาจารย์ถามแล้วก็ยิ้ม
"..?????.." พวกเรา นักเรียนเริ่ม งง กันทั้งห้อง
...........................................................................
อาจารย์ขวัญใจเริ่มหัวเราะอีกครั้ง หัวเราะแบบหยุดไม่อยู่จริงๆ
หน้าแดง หัวเราะแบบน้ำหูน้ำตาเล็ดว่างั้นเถอะ
" อ่ะ เธออ่านให้เพื่อนๆฟังเลยนะ อ่านดังๆด้วย "
อาจารย์ยื่นสมุดเล่มนั้นให้เพื่อนอีกคนอ่าน
เพื่อนนักเรียนร่วมห้องของฉันเริ่มอ่านตั้งแต่ต้น ไม่ว่าคำขึ้นต้น
วันที่ หรือ สาเหตุที่ลา และสุดท้ายค่ะ ท่านผุ้อ่าน คำลงท้าย
เพื่อนนักเรียนคนนั้น จงใจอ่านช้าๆ ชัดๆว่า
" ด้วยความเคารพ อย่า ยิง "
ความฮามาพร้อมกันโดยมิได้นัดหมายกันทั้งห้อง
" ด้วยความเคารพอย่ายิง...." เพื่อนร่วมห้องตอกย้ำคำลงท้ายอีกครั้ง
" เฮ้ย ไอ่ศักดิ์ อาจารย์ไม่มีปืน จะยิงแกรได้ไงฟร่ะ ?"
เอาล่ะซิทีนี้ นายตัวดีนั่นแซวเพื่อน ทำเอานายกิตติศักดิ์เขินอายจนหน้าแดง
ในขณะที่อาจารย์หัวเราะจนหน้าแดง
......................................................................
เรื่องนี้สอนให้รู้ว่า..." ไปโรงเรียนอย่าริอ่านพกปืน
เพราะอาจโดนข้อหาลอบทำร้ายความฮาโดยมิได้นัดหมาย ฮ่า...."
ปล. ด้วยความเคารพอย่ายิง มีต้นกำเนิดมาจาก
ด้วยความเคารพอย่างยิ่ง .....อิอิ
12 มีนาคม 2554 18:59 น.
ฉางน้อย
มีผู้หญิงคนหนึ่งประสบอุบัติเหตุ
ทำให้ต้องตาบอดทั้งสองข้าง
และเธอก็ทุกข์ทรมานกับการสูญเสียการมองเห็น
แต่สามีเธอก็พยายาม ปลอบใจ และให้กำลังใจเธอตลอด
พยายามสอนให้เธอใช้ประสาทสัมผัสให้มากขึ้น
ที่ทำงานของเธอกับสามีอยู่คนละทาง
แต่เขาก็ขับรถไปส่ง และไปรับอยู่เสมอ
......................................................................
จนวันหนึ่งสามีเธอรู้สึกเหน็ดเหนื่อยมาก
เขาจึงพูดกับเธอว่าให้เธอลองพยายามขึ้นรถเมล์ไปทำงานเอง
โดยที่เขาไม่ต้องไปรับไปส่งได้ใหม
นาทีนั้น เธอรู้สึกเหมือนโดดเดี่ยว และน้อยใจสามีเธอ
แต่เธอก็พยายามทำตามที่เขาขอ
เธอพยายามขึ้นรถเมล์เอง พยายามไปทำงานด้วยตัวเอง
จนในที่สุดเธอก็สามารถทำได้
..........................................................................
วันหนึ่งก่อนที่เธอจะลงรถไปทำงานตามปกติ
พนักงานเก็บสตางค์บนรถเมล์ก็เข้ามาจับแขนเธอและพูดกับเธอว่า
" ผมช่างอิจฉาคุณผู้หญิงจริงๆครับ "
เธอก็เลยถามว่า " อิจฉาเธอเรื่องอะไร ? "
พนักงานเก็บสตางค์คนนั้นก็เลยบอกว่า .....
" สามเดือนที่ผ่านมา
ผมจะเห็นสุภาพบุรุษคนหนึ่งเขาจะขึ้นรถเมล์ตอนเช้า
มานั่งตรงเบาะหลังคุณ เฝ้ามองดูคุณด้วยความห่วงใย
และตามคุณลงรถไป "
" และเฝ้าดูคุณเดินเข้าไปที่ทำงานอย่างห่วงใย
และตอนเย็นทุกๆเย็นเขาก็จะมาเฝ้ารอดูคุณขึ้นรถ
และคอยดูคุณจนคุณลงรถ "
พอเธอได้ยินดังนั้น เธอก็น้ำตาไหลด้วยความตื้นตัน
เพราะตลอดเวลาที่ผ่านมาเขาไม่เคยทิ้งเธอไปไหน
เขายังอยู่ดูแลเธออย่างใกล้ชิด
เขาเหนื่อยยิ่งกว่าตอนที่เขาต้องคอยมารับมาส่งเธอซะอีก
เย็นนั้นเธอกลับถึงบ้านก็โผกอดสามี พร้อมกับเอ่ยคำขอโทษ
ขอโทษที่เข้าใจเขาผิดมาตลอด........
((((...มาจาก.fw.mail ที่อ่านแล้วอึ้ง...))))
................................................
( โชคดี และ ขอบคุณที่ฉันยังคงเป็นฉันเช่นทุกวันนี้
หากวันใด วันหนึ่งฉันเกิดเหตุการณ์เช่นนี้บ้าง
จะมีใครเคียงข้างกันตลอดไปไหม ? "
20 กุมภาพันธ์ 2554 19:35 น.
ฉางน้อย
" ติ๊ดด..ติ๊ดด..ติ๊ดด.." เสียงสัญญาณโทรศัพท์มือถือดังขึ้น
ฉันกดรับไม่ทันได้พูดอะไรเลย เสียงจากปลายสายก็แทรกเข้ามา
" ฮัลโหล น้องเหรอ ปืนของเตี่ยยังอยู่ที่น้องไหม ? "
" อ้าว เฮ้ย พี่พงษ์ศักดิ์เหรอ ? " นี่คือคำตอบรับที่น่ารักมากคะ จากยิหวา อิอิ
" อยู่ซิพี่ ของ ของเตี่ยทุกชิ้นยังอยู่ครบถ้วนสมบูรณ์ น้องเก็บรักษาอย่างดี"
" อืมม์ ..ดีแล้ว เสาร์นี้พี่ออกเวร เดี๋ยวไปยิงปืนเล่นด้วยกัน "
พีชายสรุปเอง่เสร็จสรรพ
" ห๋า..จริงๆเหรอพี่ ได้เลยๆ มาไวๆเลยนะ "
ฉันไม่ค่อยจะตื่นเต้นสักเท่าไหร่นักเนอะ อิอิ
พี่พงษ์ศักดิ์เป็นลูกพี่ลูกน้องของฉันเอง มีศักดิ์เป็นพี่ชาย
อายุห่างกัน10กว่าปี น่ารักนิสัยดีเหมือนใครบางคนแถวๆเนี๊ยะ 555
............................................................................................
และแล้ววันที่ฉันรอคอยก็มาถึง เสาร์ที่ 29 มกราคม 2554
ที่ผ่านมานี่เอง พี่พงษ์ศักดิ์ขับรถคู่ใจสีแดงแปร๊ดดมาจอดสนามหญ้าหลังบ้าน
" ไหน น้องดูซิเหลือกระสุนประมาณกี่นัด ?"
โฆ พี่เราไม่พูดพล่ามทำเพลงเลยวุ้ย มาถึงก็ถาม
" น่าจะเหลือราวๆ 18 นัดได้มั้งพี่บาว" ฉันตอบไป
" เหรอ อืมม์ ดีแล้ว งั้นเราเอากระสุนของเก่ามายิงก่อนดีกว่า
แล้วเดี๋ยวค่อยซื้อใหม่ เพราะกระสุนเก่าไว้นานเกินไปก็ไม่ดีหรอก "
" ตอนนี้กระสุนรุ่นนี้ของเตี่ยไม่มีแล้วนะที่ทางชุมพร ระนอง สุราษฏร์ฯ
ไว้พี่ขึ้น กทม.จะหาซื้อให้แล้วกันนะ "
พี่ชายเขาพูดซะยืดยาว
" โห พี่บาว ยิงหมดกระสุนเนี๊ยะนะ เดี๋ยวชาวบ้านชาวช่องแตกตื่นกันพอดี "
ฉันค้านออกไปนิดนึง พอเป็นพิธี 5555
" เอาน่ะ เสียงไม่ได้ดังนักหรอก ลองดู
เดี๋ยวพี่สอนให้ ไหนว่าลูกเตี่ยไง "
"หรือว่าไม่กล้า ว๊า เสียชื่อลูกของเสือเก่านะเนี่ยะ "
อ่าวว .. แล้วกันซิ มาสบประมาทกันได้ไง ไม่ยอมวุ้ย
" ก็ใช่นะเป็นลูกเตี่ยไง แต่แค่เคยจับปืนเล่นเฉยๆ ไม่เคยยิงจริงๆนี่นา
ปอด.....(แหก)เหมือนกันนะ.....เฟร้ย "
คำในวงเล็บฉันคิดในใจไม่กล้าบอกดังๆ เดี๋ยวพี่ชายส่งมะเหงกให้
................................................................................................
" น้องต้องระลึกเสมอนะว่าเวลาจับปืน ห้ามหันกระบอกปืน
ไปในทิศทางที่มีคนอยู่และถ้าไม่จำเป็นอย่าเพิ่งเอานิ้วชี้สอดเข้าในไกปืน
เพราะเราไม่รู้ว่า มีกระสุนหลงเหลืออยู่หรือไม่ "
พี่ชายฉันอธิบาย พูดซะยืดยาว
พลางปลดแม๊กออกจากกระบอกปืนเสียงดังกริ๊ก
" ค่ะ...ค่ะ...." ฉันได้แต่รับฟังพลางพยักหน้ารับรู้
พร้อมๆกับกลืนน้ำลายเฮือกใหญ่ อิอิ
" วา จะยิงปืนจริงๆเหรอลูก ? " แม่ค่ะ
แม่ฉันโผล่หน้าจากในห้องครัวร้องถาม
" อ้าว ก็ยิงจริงซิแม่ ยิงเล่นจะยิงทำไมเนอะพี่บาว "
ฉันตอบแม่พลางเหลียวหาลูกคู่ อิอิ
" งั้นแม่ไปหน้าบ้านก่อนแล้วกัน "
รู้หรอก แม่คงคิดว่าเสียงปืนจะดังไปไหม
" อืม น้องดูนี่นะ พี่เอากระสุนของพี่กับของเตี่ยมาให้ดู
ของพี่กระสุนขนาด 9 มม. ของเตี่ยกระสุนมีขนาดแค่7.6 มม."
พี่พงษ์ศักดิ์พูดพลางดึงกระบอกปืนของพี่ออกจากที่คาดเอว
" โห ปืนของพี่บาวสวยอ่ะ ชอบๆ ว๊า แต่หนักกว่าของเตี่ยเยอะเลย "
ฉันทำตาวาว เมื่อเห็นปืน.38 กึ่งออโตเมติกของพี่พงษ์ศักดิ์ ซึ่งมีขนาดใหญ่กว่าของเตี่ย
" อืม เดี๋ยวให้ลองฝึกมือทั้งสองกระบอกเลยดีไหม ? "
" ดีๆ ได้เล๊ยยย โอเค เลยพี่บาว " ฉันยิ้มตาลุกวาว อิอิ
..................................................................................................
พี่พงษ์ศักดิ์ไปหยิบขวดน้ำพลาสติกมาวางเป็นเป้า
ซึ่งระยะห่างกันประมาณ5 ช่วงรถกระบะ
(ประมาณกี่เมตรหว่า ไม่แน่ใจ )
" อ่ะ น้องลองก่อนนะ นัดแรกของเตี่ยก่อนก็ได้ ลองดู"
พี่ชายบอก
" แหม พี่เอาจริงเหรอ สั่นๆเหมือนกันนะเนี่ยะ " ฉันชักหวั่นๆ อิอิ
" บอกแล้วไม่ต้องกลัว มือใหม่ต้องจับ2มือนะอย่างที่พี่บอก
ก่อนจะเหนี่ยวไกปืน น้องต้องตั้งสติหายใจลึกๆสัก2วินาที
ตามองเป้ากระสุน หรี่ตาซ้าย เล็งด้วยตาขวา "
" อ่อ ลืมไป น้องน่ะไม่ต้องเล็งก็ยิงแม่นแล้วล่ะ อิอิ "
พี่ชายไม่วายแซวคนกันเองอีกแน่ะ 5555
ฉันตั้งสติ ตามองเป้าหมายคือขวดน้ำพลาสติก
มือขวากำกระบอกปืนอย่างดี เสียงพี่ชายแว่วมา
ให้เอามือซ้ายจับทับกุมมือขวาอีกที ป้องกันเวลายิงกระสุน
ออกไปแล้วแรงดันของกระสุนจะทำให้ปลายกระบอกปืนตีแสกหน้าเราได้
" ไอ๋หย๋า.. น่ากลัวเหมือนกันแฮะ.." ฉันชักปอด(แหก) อิอิ
" เอาน่ะ ใจเย็นๆไอ่น้อง มีพี่อยู่ทั้งคน " พี่ชายบอก
ถึงเวลาที่สุดแล้วหวั่นนิดๆ กระสุนนัดแรกในชีวิต
ไหนจะเสียงดังของปืนอีก ไม่รุ้ว่าจะดังสักแค่ไหนกันหน๊อ
................................................................................ง
" เอาเลย ไอ่น้อง พร้อมนะ " พี่ชายถามความพร้อม
" ค่ะ " คำเดียวสั้นๆจากปากฉัน
ฉันรู้เพียงว่า ตัวเองสูดลมหายใจลึกๆ ตามองเป้าหมาย
มือขวากำปืนแน่น มือซ้ายกุมทับมือขวาอีกทีไม่ลืมทำตามที่พี่ชายบอก
ฉันรู้เพียงว่า พี่ชายตัวดีถอยห่างไปยืนด้านหลังฉัน
เพียงเสี้ยววินาทีที่ฉันจะลั่นกระสุนออกไป
" เปรี้ยง...." กระสุนนัดแรกวิ่งฉิวออกจากกระบอกปืนของเตี่ย
แว่บเดียวกันนั้นฉันเห็นประกายไฟแปล๊บขึ้นที่ปลายปืน
พร้อมๆกับหูฉันอื้ออึงด้วยเสียงกระสุนที่ถีบตัวจากการเหนี่ยวไกปืน
นัดแรก ทำเอาฉันตะลึงงัน ยิ้มแหยๆ
ในขณะที่พี่ชายหัวเราะก้องพร้อมๆกับวิ่งไปดูร่องรอยวิถีกระสุน
" เฮ้ย เก่งเว้ย น้องพี่ พลาดเป้าหมายห่างแค่ฝ่ามือเดียวเอง "
พี่ชาย(กัดฟัน)ชม อิอิ
แต่ฉันนี่ซิ ทั้งมือ ทั้งใจพร้อมกันสั่นพั่บๆๆ เพียงชั่วขณะก็เป็นปกติ
" อืมม์ ใช้ได้ๆ นี่แค่มือใหม่ นัดแรกนะเนี่ย ต้องหัดเล่นบ่อยๆจะได้ชำนาญ "
ฉันใจชื้นขึ้นเมื่อได้รับคำปลอบใจจากพี่ชาย เอาน่ะ มือใหม่นี่นะ
" อ่ะ ทีนี้ ตาพี่บาวยิงมั่งแล้วล่ะ ผลัดกันๆ "
ฉันยื่นปืนเตี่ยให้พี่ชายลองบ้าง
" ไม่ต้องหรอก เอาปืนพี่ดีกว่า กระสุนหาง่ายกว่า ปืนเตี่ยเก็บไว้ก่อน "
" เปรี้ยงง ..." นัดแรกของพี่พงษ์ศักดิ์พลาดเป้าไปนิดเดียวเช่นกัน
นัด2...นัด3.. นัด 4...จนกระทั่งนัดที่ 10 ผ่านไป สำหรับฉันและพี่พงษ์ศักดิ์
" ฮ่า.. พลาดเป้าเหมือนกันไอ่น้องเอ้ย มือไม่แม่นแล้วว่ะ "
พี่ชายยอมจำนน
............................................................................................
" อ่อ พี่บาว แล้วปลอกกระสุนล่ะ หายไปไหน ? " ฉันริ่มสงสัย
" อืมม์ ปลอกกระสุนของเตี่ยนะ จะดีดตัวออกไปข้างหน้า
แต่ปลอกกระสุนรุ่นของพี่จะดีดตัวไปด้านหลัง หาง่ายมาก "
" นั่นซิ น้องก็สงสัยว่าทำไมปลอกกระสุนของเตี่ยทำไมหาไม่เจอเลย "
วันนั้นฉันกับพี่พงษ์ศักดิ์นั่งคุยกันเรื่องปืน พี่ชายบอกหลายสิ่งหลายอย่าง
สรุปฉันยิงเล่นไปเกือบ 10 นัด พี่ชายยิงเล่นไปราว 3-4นัดได้มั้ง
แต่ทั้งสองพี่น้อง พลาดเป้ากันทั้งนั้น อิอิ มือใหม่นี่เนอะ
กระสุนนัดแรกฉันอาจจะกลัวไปเอง แต่ในเมื่อนัดแรกผ่านไปได้ด้วยดี
นัดที่ 2 และนัดต่อๆไปย่อมทำลายกำแพงแห่งความกลัวนั้นไปได้หมดสิ้น
ฉันใจกล้ามากขึ้น ไม่ได้คิดกลัวอะไรอีกต่อไปแล้วเกี่ยวกับเรื่องปืน
แต่พี่ชายก็สอน บอกว่า อย่าประมาทถ้าปืนอยู่ในกำมือเราแล้ว ต้องมีสติทุกครั้งไป
ปืนไม่เคยทำร้ายใคร แต่คนจะทำร้ายคนด้วยกันเองทั้งนั้น
ฉันคิด กระสุนนัดแรกของฉันคงคล้ายอุปสรรค
หรือปัญหาบางอย่างที่เรากลัว
แต่หากเราผ่านพ้นนัดแรกไปด้วยดี
ก็เหมือนอุปสรรคที่ผ่านพ้นลุล่วงด้วยดีในคราวแรก
.............................................................................................
( ฉ า ง น้ อ ย ท ะ เ ล ไ ร้ ค ลื่ น )