10 ตุลาคม 2545 09:26 น.

Feeling part 4 : ความผิดหวัง

จากความฝันสู่ความจริง

ตอนที่ 4 : ความผิดหวัง
     เป็นอะไรหรือวะ ชิด ทะเลาะกับจ๋อมมาหรือไง
     ผมถามออกไปด้วยความเป็นห่วงแต่มันก็ไม่ตอบนั่งก้มหน้านิ่ง ผมเลยเดินไปซื้อน้ำมาเลี้ยงมัน มันรับน้ำแต่ก็ยังคงนั่งเงียบต่อไป
     มีอะไรก็บอกมา ถ้านายไม่บอกแล้วเราจะรู้ไหมเนี้ย ผมถามเพราะเริ่มรำคาญ พอพูดไปได้สักครู่มันค่อยๆ เงยหน้ามา
     ตอนนี้จ๋อมมีแฟนใหม่แล้ว
     นายรู้ได้ไง จ๋อมเค้ามาบอกขอเลิกหรือไง
     เปล่า แต่ตอนเช้าเราไปรอจ๋อมที่หน้ามหาลัย รอได้สักครู่ก็เห็นรถเก๋งสีขาว ขับเข้ามาและก็เห็นจ๋อมนั่งในรถด้วยนะซิวะ
     แล้วทำไมนายปักใจว่าจ๋อมเขามีแฟนใหม่ละ
     ถ้าไม่ใช่แฟนแล้วใครจะมาส่งจ๋อมถึงที่นี้ละ มันพูดเสร็จก็เริ่มน้ำตาคลอเบ้า ผมก็เห็นว่าเริ่มจะท่าไม่ดี ก็เลยชวนมันไปเดินเล่นดีกว่า
     ผมกับเจ้าชิดตั้งแต่เป็นเพิ่นกันมาไม่เคยเห็นมันอกหักเลยส่วนมันจะเป็นคนหักอกผู้หญิง มากกว่า แต่ตอนนี้มันดูจะเสียใจมาก แต่ผมก็ยังไม่ปักใจเชื่อว่าจ๋อมเขาจะมีแฟนใหม่เพราะเห็น รักกันจะเป็นจะตายระหว่างชิดกับจ๋อม
     เราเดินกันไปสักครู่เจ้าชิดดูจะอาการดีขึ้น แต่ซักพักมันหยุดเดินและดูเหมอลอย สายตามันมองไปตรงที่สวนหย่อมเล็ก เห็นจ๋อม ปิ่นและนก กำลังนั่งติววิชากันอยู่
     เอก เราไปก่อนนะ
     เฮ้ย จะไปไหนหรอ
     เรารู้สึกไม่ดีเลย อยากไปเดินเล่นที่อื่น 
พูดจบมันก็เดินกลับ ผมได้แต่ งงและก็เดินเข้ามาหาปิ่น
และ ชิดไปไหนละค่ะ จ๋อมถามด้วยความสงสัย เมื่อกี้ยังเห็นเดินมากับเอกอยู่
เลย
     ไม่รู้เหมือนกัน คงมีธุระมั้ง ผมตอบแบบเรียบ กะว่าจะถามจ๋อมซักหน่อยเรื่องมันเป็นยังไงกันแน่ แต่ยังไม่ได้ถาม ทั้งสามสาวก็ขอตัวกลับก่อนเพราะพวกเธอว่าจะไปกินไอศครีมที่หน้ามหาลัย ผมว่าจะไปด้วยแต่คิดอีกทีไปหาเจ้าชิดดีกว่าไปปลอบใจมันก่อน
     หลังจากลากับปิ่นแล้ว ก็เริ่มเดินหาเจ้าชิด มันไม่รู้เดินไปไหนเดินเร็วชะมัด 
ลองถามเพื่อ ที่คณะไม่มีใครเห็นเจ้าชิด จนเย็นผมกลับมาที่หอ เคาะประตูห้องนอนเจ้าชิดมัน ก็เงียบไร้เสียงตอบ ผมเป็นห่วงมันเพราะมันคงจะพึ่งเคยอกหักครั้งแรกกลัวมันจะคิดมาก
     ไอ้อาการอกหักผมก็เคยเป็น ตอนนั้นผมเรียนอยู่ในระดับม.ปลาย ผมเรียนเป็นโรงเรียนเอกชน ผมเคยแอบชอบเพื่อนผู้หญิงคนหนึ่งมาก ผมพยายามจะสนิทกับเธอให้มากกว่านี้ แต่นั้น ก็ทำให้ผมรู้ว่าผมไม่ดี พอที่จะไปชอบเธอเพราะเธอมีเพื่อนชายที่ สนิทกันมาก และเขาก็ยังเป็นหนุ่มรวยและหน้าตาดีกว่าผมมากมันรู้สึกเหมือนตัวเองไม่มีความหมายต่อใครทั้งนั้น อยากอยู่คนเดียว แต่โชคดีที่ตอนนั้นผมยังอยู่กับพ่อแม่ ท่านคอยปลอบใจผมทำให้ผ่านช่วงนั้นมาได้ แต่นี้เจ้าชิดมันอยู่คนเดียวเดี๋ยวมันจะคิดมากเกินไป
     ผมนอนไม่ค่อยหลับเลย รอฟังเสียงประตูห้องเจ้าชิดเปิด แต่มันก็เงียบสนิท จนผมเผลอหลับไปตั้งแต่เมื่อไหรก็ไม่รู้
	
     วันนี้ผมก็ยังตื่นสายเช่นเคยรีบไปเปลี่ยนชุดเลยตรงไปยังมหาลัย แวะร้านขายขนมปังซื้อนมและขนมปังไปกิน ระหว่างทาง ผมไปถึงที่มหาลัย ผมเข้าห้องเกือบสาย โดนอาจารย์เทศน์ พอผมมานั่งมองไปรอบๆห้องก็ยังไม่เจอเจ้าชิด 
     มันเป็นอะไรของมันกันแน่ ผมคิดในใจ แต่สักครู่เจ้าชิดมันก็เข้ามาในห้อง อาจารย์มองดูเจ้าชิด ซึ่งแต่งตัวเหมือนเมื่อวานยังกับไม่ได้กลับบ้าน และก็เข้ามาเรียน อาจารย์อึ้ง ไปสักครู่ก็สอนต่อ เจ้าชิด มันดูซึ่มๆ หนักกว่าเมื่อวานอีก พอเลิกเรียนผมก็ตรงไปถามเจ้าชิดซึ่งนอนฟุบอยู่กับโต๊ะ พอไปสะกิดเรียกมัน เจ้าชิดเงยหน้าขึ้นมาทำหน้างัวเงีย รู้สึกได้กลิ่นแอลกอฮอล์ออกมาจากปากเจ้าชิด
     แก กินเบียร์ด้วยหรือวะ
     มันไม่ตอบ ผมก็เลยพยุงมันไปห้องน้ำ ไปล้างหน้าซะหน่อย หลังจากล้างหน้า
ล้างตามันเสร็จ ผมก็พามันมาที่ม้านั่งหน้าคณะ ระหว่างที่ผมพยุงมันอยู่มันก็พร่ำพรรณนาไปต่างๆนานา ประมาณว่าไม่มีใครรักมัน ไม่มีใครต้องการมัน พอมานั่งที่ม้านั่ง มันก็นั่งเงียบครื่ม ไม่พูดไม่จา มองเหมอไปทางตึกคณะนิเทศฯ ผมก็ได้แต่ตบไหลและเราก็นั่งยังงั้นจน 4 โมงเย็น ผมก็ลากมันกลับ แต่ชิดบอกจะอยู่ต่อ ผมก็ยื้อกับเจ้าชิดอยู่ได้สักครู่มันก็ยอมไป ผมก็เลยต้องไปเรียกรถแท็กซี่มารับไปที่หอ และพาเจ้าชิดไปนอนที่ห้องของมันเอง และผมก็ไปนอน ระหว่างที่ผมกำลังจะนอน ผมคิดว่าหากเป็นผมและปิ่น ผมควรจะทำอย่างไร

     ผมตื่นขึ้นมาวันนี้เป็นวันเสาร์ผมไม่มีเรียน เลยลงไปหาอะไรทาน และก็ขึ้นมาหาชิดที่ห้อง ลองเปิดเข้าไปดูชิดหายไปแล้ว ผมพยายามหามันรอบ หอพักแล้วก็ไม่เจอ เลยเดินไปตามชายหาด ไปเจอเจ้าชิดนั่งเหมออยู่
     "เป็นไงบ้าง ชิด สบายใจขึ้นบ้างหรือยัง"
     "ก็ดีขึ้นแล้วละ แต่มันยังรู้สึกไม่สบายใจยังไงไม่รู้วะ"
     "แล้วนายไปถามจ๋อมให้รู้เรื่องหรือยังละ"
     "ยังเลย เราไม่กล้าไปหาจ๋อมอีกเลย เพราะกล้วว่าจ๋อม จะพูดว่าเขาคือแฟน จ๋อม"
     "นายก็ได้แต่เดาละว้า แต่ที่เราดูๆจ๋อมก็ไม่ได้สนิทกับใครนอกจากนายนี่หว่า"
     "มันก็จริง แต่วันนั้น จ๋อมนั่งรถมากับเจ้าหนุ่มคนนั้นจริงๆ นะเว้ย"
     "เราเชื่อนายนะ แต่เขาอาจเป็นแค่เพื่อนของจ๋อมก็ได้"
     "แต่เรารู้สึกว่า.."
     "นายก็ได้แต่รู้สึก ทำไมไม่ไปถามจ๋อมเองเลยละ แล้วนี้บ้านจ๋อมเขาอยู่ไหนละ"
     "ถัดจากนี้ไปไม่เท่าไหรหรอก"
     "งั้นเราก็ไปถามจ๋อมให้รู้เรื่องเลยไป"
     ผมและเจ้าชิดก็เดินมาถึงหน้าบ้านของจ๋อม บ้านจอมเป็นตึกแถว ซึ่งเปิดกิจการ เป็นร้านขายของชำ ตอนเราไปถึงมีเด็กมาซื้อขนม อยู่หนึ่งกลุ่มใหญ่ โดยมีคนขายเป็น จ๋อมเองนั้นแหละ พอเดินมาถึงหน้าร้านเจ้าชิดรีบหันหลังกลับและ รีบเดินหนนี แต่จ๋อมเหลือบเห็นก่อนจึงทัก
     " ชิดจะรีบไปไหนหรอ มานั่งกินน้ำก่อนซิ"
     จ๋อมเรียกเสร็จก็รีบขายขนมให้เด็ก แล้วรีบไปเปิดน้ำอัดลม ส่วนเช้าชิดก็เดินเก้ๆกังๆเข้าไป ผมก็เดินตามเจ้าชิดเข้าไป
     " ขายดีไหมจ๋อม " ผมทัก
     "ก็ดีช่วงนี้เด็กชอบมาซื้อขนม เพื่อสะสมแลกของเล่นนะ"
     " ก็ดีนะ "
     "ชิด ทำไมหมู่นี้ชิดชิบหลบหน้าจ๋อมตลอดเลย มีอะไรหรอ"
     ชิดได้แต่นั่งก้มหน้านิ่ง ไม่พูดอะไร ผมก็เลยถามให้แทน
     "คือ เจ้าชิดมันหึงจ๋อมนะ"
     "หึงเรื่องอะไร?" จ๋อมทำหน้างง
     "ก็เมื่อสองวันก่อน ชิดเห็นมีคนมาส่งจ๋อมที่มหาลัยนะ"
     "ออ...นั้นพี่ชายจ๋อมเอง พี่เขาไปเรียนต่อที่กรุงเทพ นานจะกลับมาที และวันนั้พี่เขาจะกลับไปกรุงเทพเลยแวะมาส่งจ๋อมนะ"
     พอเจ้าชิดได้ยินยังงั้นเท่านั้นแหละ ก็เงยหน้าขึ้นมาทำหน้าดีใจ
     "จริง หรือจ๋อม"
     "จริงสิ ชิดอะ คิดมากไปได้"
     "ก็เราไม่รู้นี่"
     "ไงเจ้าชิด นายคิดมากทำไมวะ" ผมพูดและก็ตบไหล่เจ้าชิดมันเบาๆ
     "จ๋อม ไปหาอะไรมาให้กินหน่อยสิ เราหิวจะตายอยู่แล้ว" ผมพูด
     "ได้ๆ รอแป็บหนึ่งนะ"
     และจ๋อมก็ไปสั่งร้านก๋วยเตี๋ยวข้างๆ ได้ เล็กแห้งและน้ำมาอย่างละชาม
     "ชามแห้งนี้ของ เอกนะ และชามน้ำนี้ก็ของชิดนะ"
     "จ๋อมนี้รู้ใจชิดจริงๆเลย" นั้น เจ้าชิดทำฟอร์ม ผมรู้นะว่ามันไม่ได้ชอบกินก๋วยเตี๋ยวน้ำ เอาซะเลย
     "แหมก็คนเป็นแฟนกันนี้หน่า" แล้วจ๋อมก็เดินหน้าแดงหายไปหลังร้าน
     คนมันมีแฟนก็ดียังงี้ละมั้ง มีคนคอยเอาใจ แต่ก็ละครับ ผมก็มีเหมือนกัน เพียงแต่ผมกับปิ่นยังไม่ค่อยทำตัวเป็นแฟนกันเปิดเผยเท่านั้นเอง แต่ผมก็ไม่เคยบอกรัก ปิ่นเลยแฮะ

                              ***********************************************				
30 กันยายน 2545 16:45 น.

Feeling part 3 : สงสาร

จากความฝันสู่ความจริง

ตอนที่3 : สงสาร
     ผมเดินออกจากห้องเรียนด้วยความเบลออย่างมากคงเป็นเพราะเมื่อคืนนอนดึกไปหน่อย 
     นายเป็นอะไรไปวะ เอก ชิดเข้ามาถามด้วยความเป็นห่วง
     นั้นซิเราก็เห็นนายเผลองีบตั้งหลายหน วิทย์เข้ามาถามด้วยเช่นกัน
     เมื่อคืนเราอ่านตำราหนักไปหน่อยนะ ไม่เป็นอะไรมากหรอก
     อย่าหักโหมมากไปนะเอก เดี๋ยวไม่สบาย วิทย์บอกด้วยความเป็นห่วง
     งั้นเราไปยืดเส้นยืดสายหน่อยดีไหมละ ก็เล่นกีฬาไง เจ้าชิดเป็นคนออกความเห็น
     พวกเราเลยตัดสินใจว่าเราจะไปเล่นฟุตบอลกัน ที่จริงฟุตบอลกับผมก็ไม่ค่อยจะถูกกันเท่าไร แต่เนื่องจากในสมัยมัธยมผมมีโอกาสได้เข้าร่วมแข่งขันฟุตบอลห้องด้วย ซึ่งทำให้ผมได้ฝึกซ้อมและมีทักษะอยู่พอสมควร พวกเราลงไปเล่นกับรุ่นพี่ ซึ่งเล่นอยู่ก่อนหน้านี้แล้ว แต่วิทย์สิทำอย่างไรก็ไม่ยอมลงไปเล่น เพราะเขาเคยโดนลูกฟุตบอลกระแทกที่ศีรษะจนต้องเข้าโรงพยาบาล วิทย์นั่งอยู่ข้างสนาม เล่นไปได้สักครึ่งชั่วโมง หันมาอีกทีเจ้าวิทย์หายไปไหนไม่รู้พวกเราคิดว่าคงไปเดินเล่นมั้ง พอเล่นเสร็จก็มานั่งพัก เจ้าวิทย์วิ่งมากระหืดกระหอบและบอกว่า
     เอก ชิด พวกนกเล่นแบตมินตันที่สนาม
     จริงเหรอ เฮ้ย เอกไปเร็ว เจ้าชิดกระชากพวกเราสองคนให้ไป
     แล้วเราทำไม ไม่ซื้อน้ำไปฝากละ ผมพูดเปรยๆออกมา
     ความคิดดีนี่ เอก
     พวกเราเลยรีบไปซื้อน้ำกับป้าอิ่ม พนักงานประจำสหกรณ์ของมหาลัย และรีบตรงไปยังสนามแบตมินตัน ปิ่นและเพื่อน กำลังจะเลิกอยู่พอดี
     อ้าว เอก มานานยัง
     พึ่งมา พอดีผ่านมาเลยซื้อน้ำมาฝาก
     ขอบใจนะ เอก 
     แล้วปิ่นก็รับน้ำไปกิน ส่วนเจ้าชิดวิ่งไปหาจ๋อมเลย จ๋อมก็รับน้ำไปกินอย่างสดชื่น แต่เจ้าวิทย์นั้นกล้าๆกลัวที่จะเอาน้ำไปให้กับนก พอนกมองดูท่าทางของประวิทย์ ก็ทำหน้าเบื่อๆ และเดินออกไปจากสนามแบ็ดมินตั้น
     ปิ่น จ๋อม เราไปก่อนนะ เบื่อคนแถวนี้นะ
     แล้ว นกก็มองไปยังประวิทย์และหัดหน้ากลับพร้อมกับเดินไปเลย ผมกับปิ่นมองหน้ากันและหันไปหาชิด ซึ่งทั้งชิดและจ๋อมก็หันมาเช่นกัน พวกเราทุกคนคงรู้สึกเดียวกันว่า ประวิทย์น่าสงสาร ที่จริงนกก็ไม่น่าจะทำยังงั้น แต่ก็ไม่รู้จะทำอย่างไรเหมือนกัน เพราะเราไม่สามารถบังคับจิตใจใครได้ ก็ได้แต่ถอนใจนะแหละ
     กลับกันดีกว่านะ ปิ่นชวนพวกเรากลับ ซึ่งมีความรู้สึกเหมือนกันกับพวกเรา
     ดีเหมือนกัน งั้นตอนกลับเราแวะร้านขายไอติมไหม เจ้าชิดพูดแล้วก็หันไปหาจ๋อม
     ก็ได้ แต่ชิดเป็นคนเลี้ยงนะ จ๋อมพูดแนวเล่นๆกับชิด
     โอเค ไปกันเลยไป งั้นเดี๋ยวเป็นเจ้ามือเอง
     พวกเราก็เลยเดินไปยังร้านไอติมหน้ามหาวิทยาลัย ที่จริงเจ้าชิดมันก็ไม่ได้รวยซักเท่าไหร แต่เนื่องจากพ่อเจ้าชิดประกอบอาชีพขายที่ดิน ทำให้ช่วงเมื่อสองสามปีที่แล้วได้กำไรมาจากการขายที่ดิน เพราะช่วงนั้นเป็นช่วงที่ที่ดินราคาสูง เดือนหนึ่งพ่อของเจ้าชิดก็จะส่งเงินเข้ามาทางบัญชีของเจ้าชิดเอง ตอนนี่คงได้เป็นหมื่นแล้วมั้งผมคิดว่านะ พวกเรากินไอติมกันไปคุยกันไปสนุกสนานทำให้พอจะลืมเรื่องแย่ๆเมื่อกี้ได้ 
     พอกินกันเสร็จก็แยกย้ายกันกลับบ้าน กลับหอพักกัน ผมกับเจ้าชิดก็เดินกลับด้วยกันอีกตามเคย ระหว่างทางผมกับเจ้าชิดแวะร้านหนังสือ กำลังใจ ซึ่งเป็นร้านหนังสือที่ใหญ่พอๆกับร้านหนังสือในกรุงเทพ โดยมีพี่สิน เป็นคนดูแลร้าน
     เอ้า! เอกเป็นไงบ้างช่วงนี้ไม่ค่อยแวะร้านพี่เลย
     ไม่ค่อยว่างครับพี่ งานส่งอาจารย์เพียบเลยพี่
     หวัดดีครับพี่สิน เจ้าชิดเข้าไปหาพี่สิน
     หวัดดีจะ นี้เพื่อนเอกหรือ ชื่ออะไรจ๊ะ
     ชื่อชิดครับ
     เออพี่สินตอนนี้มีหนังสืออะไรบางละพี่
     ก็มีเกี่ยวกับนิยายนะ และก็มีหนังสือเกี่ยวกับบทกลอนตอนนี้กำลังเป็นที่นิยม มากเลยนะ เอก จะลองเอาไปอ่านสักเล่น สองเล่มไหม
     ก็ดีพี่ พี่ช่วยเลือกให้หน่อยซิครับ
     เดี๋ยวนะ แล้วพี่สินก็ลงไปหาหนังสือใต้เคาน์เตอร์ ผมก็เลยมองไปรอบๆ ร้าน และก็ไปสะดุดตรงหนังสือเรื่อง ความลับ
     พี่สิน เรื่องความลับ เป็นเรื่องแนวไหนหรือพี่
     ก็เป็นเรื่องของผู้เขียนที่แอบรักผู้หญิงคนหนึ่งซึ่งเขาไม่กล้าบอกเธอจนสุดท้ายเธอและเขาก็ต้องจากกันนะ เอกสนใจเหรอ
     เปล่าครับพี่
     เอ้า เอกนี้ไงหนังสือที่พี่บอก มันเป็นหนังสือแนวเป็นกลอนซึ่งตอนนี้
วัยรุ่นชอบกันมาก
     ไหนขอดูหน่อยครับพี่
     ผมลองเปิดอ่านทีละหน้าๆ ผมรู้สึกถูกใจหนังสือเล่มนี้มาก มันดูเหมาะกับอารมณ์ของตอนนี้ เพราะตอนนี้ผมกำลังหลงรักปิ่นเลยทีเดียว
     เล่มนี้ราคาเท่าไหรหรือครับ
     55 บาท จ๊ะ แต่เดี๋ยวพี่ลดให้นะ
     พี่สินลดให้เหลือ 50 บาท ผมกับเจ้าชิดก็ลากันกลับบ้าน เพราะตอนนี้ก็เย็น
มากแล้ว ผมกลับมาถึงหอ ก็ลงไปอาบน้ำและก็ขึ้นมาที่ห้อง มานั่งอ่านหนังสือเล่มที่
ผมซื้อมาที่เตียง มันเป็นหนังสือรวมกลอนไว้สำหรับส่งเพ็จ บางที่อ่านไปรู้สึกเอียนกับความหวานของบทกลอนแต่ก็ยังคงอ่านต่อไป สงสัยเพราะอารมณ์ผมกับหนังสือมันตรงกันละมั้ง
     หลังจากเรียนมาจนถึงครึ่งปีแรกก็รู้สึกว่าอะไรก็ดูดีไปหมด มองดูอะไรก็สวยงามคงเป็นเพราะความรักทำให้ผมเป็นยังนี้ แต่ก็ไม่เหมือนเจ้าชิดที่เกิดเรื่อง เพราะตอนบ่ายของวันที่มีการส่งรายงานผมไม่เจอเจ้าชิดแต่เช้า แต่พอเดินไปได้สักครู่ก็เจอเจ้าชิด
     ตอนผมเห็นเจ้าชิด ผมแทบจำมันไม่ได้ ดูมันทำหน้าเศร้าๆยังไงไม่รู้ 
     เป็นอะไรไปวะ ชิด
     ไม่มีอะไรหรอกวะ เจ้าชิดคงพยายามตอบอย่างเลี่ยงๆ
     เฮ้ย ปกตินายไม่เป็นยังงี้หนี่หวา อกหักมาหรือไง
     ผมแหย่มันไปเล่นๆ เพราะคิดว่าคนอย่างเจ้าชิดคงอกหักไม่เป็น หรือไม่ถ้าอกหักมันก็คงไม่รู้สึกสะเทือนอะไรมากแต่มันกลับหันหน้ามาและเริ่มทำถ้าเหมือนจะร้องไห้ ทำตาแดง ผมเห็นถ้าจะพูดถูกใจดำมันซะแล้วแฮะ

                   ***********************************************				
23 กันยายน 2545 05:21 น.

Feeling part 2 : เพื่อนใหม่

จากความฝันสู่ความจริง

ตอนที่2 : เพื่อนใหม่
     ปัง! ปัง! เจ้าเอกตื่นหรือยัง ผมสะดุ้งตื่นมาด้วยเสียงเคาะประตูของเจ้าชิด งัวเงียมองนาฬิกา ตอนนี้มัน 7 โมง 15 แล้ว คาบเรียนผมเรียนตอน 7 โมงครึ่ง ผมแทบจะตาลีตาเหลือกเปลี่ยนชุดอย่างเร่งด่วน และรีบออกมาพร้อมกับเจ้าชิด รีบไปเรียกรถมอเตอร์ไซด์ที่จริงเราก็ไม่ต้องใช้แต่ตอนนี้มันเร่งด่วนเลยรีบไป พอมาถึงที่มหาลัยพวกเราเกือบจะไปสายแล้ว เฉียดไปนิดเดียว ผมพยายามจะเลือกที่นั่งที่อยู่หน้าสุดเพื่อจะได้ฟังอาจารย์ชัดๆ แต่ที่นั่งก็แทบจะเต็มหมดแล้ว เลยต้องนั่งหลังๆหน่อย
     คาบนี้เรียนกับอาจารย์นิพล ท่านเป็นคนที่มีรูปร่างค่อนข้างท้วม และใส่แว่นเหมือนกับผมเลย แต่แว่นของอาจารย์จะหนากว่าผมมาก เราเรียนเรื่องอารมณ์ขั้นต้นขอมนุษย์ พอหมดเวลา เจ้าชิดรีบวิ่งออกไปก่อนเลย ส่วนผมยังอยู่เก็บหนังสืออยู่ ทำให้ผมออกจากห้องคนสุดท้าย พอกำลังจะออก ก็มีคนหนึ่งวิ่งสวนเข้าห้องอย่างรีบร้อน ด้วยความแปลกใจถึงถามไปว่า
     เอ่อให้ช่วยอะไรไหม
     อ๋อ เปล่าน่ะ คือเราตื่นสายน่ะ พูดจบเขาก็ถอนหายใจ ช่วยไม่ได้ เดี๋ยวรอเรียนคาบบ่ายแล้วกัน
     งั้นไปหาอะไรกินกันเถอะ เออใช่ เราชื่อเอกนะ นายละ
     เราชื่อประวิทย์ เรียกเราว่าวิทย์ก็ได้
     ว่าแล้วก็เดินไปด้วยกัน
     แล้วคาบนี้ เขาเรียนอะไรบ้างละวิทย์ถามถึง 
     อ๋อก็เรียนเกี่ยวกับอารมณ์ข้างต้นของมนุษย์น่ะ นายจะเอาสมุดเราไปดูไหม ผมจึงหยิบหยิบสมุดส่งให้
     ขอบใจ
     แล้วเราก็เลยเดินไปคุยไป วิทย์เป็นคนเชียงราย เข้ามาเรียนที่มหาลัยบูรพา เพราะได้ทุนเรียนฟรีที่นี่ มาพักอาศัยกับอาที่เป็นเป็นเจ้าของตึกแถวซึ่งนั้นก็ไกลจากมหาลัยมาก ระหว่างที่เดินคุยกันอยู่อาจารย์นิพล ก็เข้ามาทัก แล้วเรียกตัววิทย์ไปคุย ผมจึงถือโอกาสแยกออกมา ไปหาปิ่นที่ตึกนิเทศฯ  แต่พอเลี้ยวหัวมุมก็เจอเจ้าชิดขวางอยู่
     ไง เอก นายจะไปไหนวะ
     ก็แค่จะไปตึกนิเทศน์  เออแล้วนายรีบออกไปไหนวะตอนเรียนเสร็จหน่ะ
     พอดีเรามีนัดกับน้องจุ๊บแจงหว่ะ เออ.. ไปหาอะไรกินดีกว่า
     พวกเราเดินไปที่โรงอาหาร ซึ่งเป็นโรงอาหารชั้นเดียว ที่กว้างมาก แต่พอคนมากินพร้อมกัน ก็ดูอึดอัดอยู่ดี พวกเราจึงรีบเดินไปสั่งอาหารก่อนจะอดกินและผมก็ได้ข้าวผัดมากิน ส่วนเจ้าชิดได้ข้าวแกงร้านป้าหน่อย ขณะกำลังจะเริ่มกิน อยู่ๆเจ้าชิดก็ตะโกนขึ้น
     ปิ่นๆ ตรงนี้ว่าง
     พอผมหันไปดู ก็เห็นปิ่นกับเพื่อนผู้หญิง อีก 2 คน เธอคงหาโต๊ะนั่งลำบาก พอเจ้าชิดเรียกจึงรีบเดินมานั่ง พอนั่งได้ ปิ่นก็บอกชิดว่าว่า
     นี่ วันหลังไม่ต้องเรียกเสียงดังก็ได้ อายคนอื่นเขา
     พอหันไปมองก็จริงทุกคนดูมองพวกเราเป็นสายตาเดียว
     เราขอโทษ วันหลังจะไม่ทำแล้วจ้า
     เอก ชิด นี่ นก กับ จ๋อม จ๊ะ
     สวัสดีครับ ยินดีที่ได้รู้จักครับ
     จากการพูดคุยกันก็ทำให้ผมสังเกตเห็นว่า นกมีนิสัยค่อนข้าง จะห้าวๆ คล้ายทอม ส่วนจ๋อมดูเป็นคนร่าเริงและคุยเก่ง ทั้งสองคนเป็นเพื่อนซี้ของปิ่น คุยได้ไม่ทันไร วิทย์ก็เดินมาทำหน้าเซ็งๆพร้อมกับถือขนมปังกับนมมากิน เจ้าวิทย์ชะงักเมื่อเห็นนก ทำอย่างกับเจอผี ส่วนนกก็ประหลาดใจกับการแสดงท่าทางของวิทย์
     นี่ๆ เราไม่ใช่ผีนะ ทำหน้างี้หมายความว่าไง นกทำทางจะลุกไปชกเจ้าวิทย์
     เฮ้ยๆ อย่าพึ่ง จ๋อม พยายามรั้งนกไว้ ให้นั่งกินกันต่อ ผมจึงเรียกวิทย์ให้นั่ง
และถามถึงว่าอาจารย์เรียกไปทำไม 
     ก็เรามาช้าในวันที่เขาเรียนกันวันแรกนะซิ อาจารย์ก็เลยเทศน์ให้ซะยกใหญ่
     ไม่เป็นไรหน่ะ ก็นายไม่ได้อยากจะมาสายหนิ ผมและชิดช่วยกันปลอบใจ
     เออ  เดี๋ยวเราแวะไปห้องสมุดหน่อย ไปด้วยกันไหม ผมชวนเจ้าวิทย์และชิดไปด้วย
     เราก็เหมือนกัน ต้องไปหาหนังสือเกี่ยวกับการแสดง มาทำรายงานด้วย ขอไปด้วยนะ 
     ปิ่นพูดและก็ชวนเพื่อนปิ่นไปด้วย พวกเราทั้ง 6 คนเลยเดินไปด้วยกันหมด ห้องสมุดของที่นี้มีด้วยกัน 3 ชั้น ติดเครื่องปรับอากาศ พวกเราแยกย้ายกันหาหนังสือที่ตัวเองต้องการ ครึ่งชั่วโมง ปิ่นขึ้นมาบอกว่าจะกลับแล้ว เราก็ลากันตรงนั้น ชิดทำหน้าเหมือนเสียดาย พอหลังจากกลุ่มของปิ่นกลับ เจ้าชิดก็ถามขึ้นว่า
     เอก นายคิดว่าจ๋อมสวยไหมวะ
     ก็ใช้ได้ ทำไมนายสนใจหรือไง
     เออเราสนใจ
     งั้นค่อยคุย กันที่หลังได้ไหมเรากำลังหาตำราอยู่ ผมตอบด้วยความรำคาญ
     ก็ได้ แล้วมันก็หันไปคุยกับวิทย์ สักพักผมก็เจอหนังสือ จึงรีบยืมแล้วรีบกลับ
     ประวิทย์ เสียงหนึ่งเรียกวิทย์ขณะที่พวกเราเดินออกมาจากห้องสมุด
     คุณอา มาได้ยังไงครับ วิทย์รีบเข้าไปสวัสดี ผมถึงได้รู้ว่านี้ คืออาของวิทย์
     พอดีอา มาทำธุระแถวๆนี้นะ เลยแวะมาหาแก นั้นเพื่อนๆแกหรือ
     ใช่ครับ นี้ชิดและนี้ก็เอกครับ พวกเรากำลังจะกลับ
     งั้นเดี๋ยวอาไปส่งนะจะได้ไม่ต้องเดินกันไกล
     ครับ เจ้าชิดรีบตอบทันที
     เราเลยได้กลับบ้านด้วยรถของอาวิทย์ การมีเพื่อนก็ดีหยังงี้แหละ


                            ***********************************************				
14 กันยายน 2545 02:22 น.

Feeling part 1 : ความรู้สึกดีๆ

จากความฝันสู่ความจริง

ตอนที่ 1 : ความรู้สึกดีๆ
     เอก! รอเราด้วย ผมหันกลับไปหาปิ่น เพื่อนสนิทคนหนึ่งของผมเรารู้จักกันในวันงานรับน้อง โดยเจอกันที่ซุ้ม. ผมยังจำได้ว่าที่ซุ้มนั้นป็นซุ้มของพี่ต้น หัวหน้า คณะมนุษย์ศาสตร์สาขาจิตวิทยา ตอนนั้นผมกับปิ่นโดนร้องเพลงคู่กัน ผมจึงได้รู้จัก และสังเกตเห็น เธอเป็นคนสวยมาก หลังจากเสร็จงานรับน้องผมก็ได้เจอกับพี่ต้น อีกครั้ง
     ไงเอก งานรับน้องสนุกไหม
     สนุกดีครับพี่ เออพี่ผู้หญิงคนนั้นชื่ออะไรหรือพี่
     คนไหนหรอ อ๋อ.....
     คนที่ร้องเพลงคู่กับผมไงพี่
     เขาชื่อ สุดา ชื่อเล่น ปิ่น ถามทำไมหรือเอก
     เปล่าพี่ แค่ถามเฉยๆ
     แล้วผมจึงรีบขอตัวออกมาก่อนที่พี่ต้นจะถามอะไรไปมากกว่านี้ซึ่งผมคงจะตอบ
ไม่ได้ พอออกมาผมก็เจอปิ่น ผมเลยลองทักดู
     ปิ่น เป็นไงสนุกไหม
     เธอทำหน้างง ก็โอเคนะ แต่นายรู้จักชื่อเราได้ไง
     อ๋อก็พี่ต้น.ช่างเหอะ. เอาเป็นว่าเราชื่อ เอกสิทธิ์ เรียกสั้นๆว่า เอก ยินดีที่ได้รู้จัก
     เช่นกัน
     หลังจากนั้นเราก็มีโอกาสคุยกันบ่อยๆ เราสนิทกันอย่างรวดเร็ว เธอเล่าให้ผมฟังว่า ครอบครัวของเธอ ทำงานเกี่ยวกับร้านอาหาร อยู่แถวพัทยา ตอนแรกพ่อแม่ของเธออยากให้เธอไปเรียนที่ Abac แต่เธอเลือกที่จะเข้า ม.บูรพา เพราะเป็นโรงเรียนรัฐฯถึงแม้จะไกลจากบ้านของเธอก็ตาม
วันหนึ่งขณะที่ผมกำลังเดินคุยกับปิ่นอยู่ เสียงหนึ่งก็ดังแทรกขึ้น
     เฮ้ย! ไงเอก
     เจ้าชิด เป็นเพื่อนสนิทของผมตั้งแต่เรียนมัธยมต้นด้วยกันเจ้าชิดถือได้ว่า เป็นเสือผู้หญิงคนหนึ่งเลยทีเดียว นี่มันคงจะเห็นปิ่นเลยแกล้งฟอร์มเข้ามาทักผมทั้งๆที่ปกติจะไม่
     อ้าวชิด นายไปไหนมา
     ก็ไปเดินเล่นนิดหน่อย นี้กะจะชวนนายกลับหอ เออคนสวยชื่ออะไรครับ
     ปิ่นยิ้มๆไม่ได้ตอบอะไร ผมจึงรีบๆชวนมันกลับหอ
     ไปๆ เจ้าชิดกลับหอ ก่อนจะรีบผลักมันเดินนำหน้าก่อนจะหันกลับมาถามเธอ
     ปิ่นจะกลับหรือยัง เดี๋ยวเราไปส่งดีมั้ย
     ก็ได้
     พวกเราจึงเดินไปส่งเธอที่หน้ามหาลัยหลังจากนั้นเราจึงรีบเดินกลับหอที่อยู่ในถัดจากมหาลัยไปไกลพอสมควรหอพักที่เราอยู่เป็นตึกสูงเหมือนแมนชั่น มีอยู่ 7 ชั้น เป็นหอพักเปิดซึ่งเท่าที่ผมรู้มีเพียงเราสองคนที่เป็นนักศึกษา เจ้าของที่นี่ชื่อ เฮียสุชาติ คุณรู้มั้ยแค่เดือนละ 500 บาทเองแต่ยังไงผมก็ว่าสมราคาเพราะหากคุณมาดูสภาพห้องคุณ ต้องคิดว่าเป็นห้องเก็บของแน่ๆมันออกจะดูเล็กไปหน่อยี ดีนะ ที่ผมกับเจ้าชิดเช่าอยู่กันคนละห้อง ไม่อย่างนั้นก็คงอัดกันเป็นปลากระป๋อง ส่วนห้องน้ำจะอยู่ชั้นหนึ่ง มีห้องน้ำอยู่ 6 ห้องเท่านั้นถ้ามาช้าคุณอาจจะต้องรอจนเหน็บกิน ภายในบริเวณชั้นหนึ่ง ก็จะมีตู้ล็อกเกอร์เก็บของอีกฝั่งจะเป็นที่ตากผ้าพอผมกลับถึงห้องก็ลงมาอาบน้ำ ซักผ้ากว่าจะเสร็จก็ 6 โมงเย็นแล้วเลยไปเดินเล่น
     แถวชายหาดบางแสน อากาศตอนเย็นของชายหาดเป็นอากาศแบบสบาย สบาย ลมเย็นพัดเข้ามาเป็นระลอกๆเดินไปได้สักครู่หนึ่ง ผมเห็นครอบครัวๆหนึ่งดูมีอบอุ่นดีจังจนผมรู้สึกคิดถึงบ้าน คิดถึงครอบครัว ผมนั่งลงและมองไปยังทะแลที่ไกลสุดตา กับบรรยากาศยามพระอาทิตย์ ตกดิน มันดูสวยมาก ผมจำได้ดี แต่ก่อนที่ผมจะได้มาเข้าเรียนที่นี่ ทุกปีครอบครัวของผมจะมาเล่นน้ำกันช่างเป็นความทรงจำที่ดี แต่ตอนนี้ผมอยากคุยกับพวกเขาเหลือเกิน ผมเดินหา
โทรศัพท์ นั่นไง หน้าร้านเซเว่น
     ตู้ดตู้ดตู้ด
     ฮัลโหล สวัสดีครับ บ้านพงศ์ประเสริฐครับ
      พ่อครับผมเองครับ เอกไงพ่อ
      อ้าว! เอกเป็นไง มีอะไรหรือ
      เปล่าครับ ไม่มีอะไรครับพ่อ แค่คิดถึงนะครับ
     เออ แม่แกอยากจะคุยด้วยนะ
     ฮัลโหล! นั้นเอกเหรอ เป็นยังไงบ้าง ได้หอพักหรือยัง ดีมั้ยลูก วันแรกเป็นยังไงบ้าง
     เดี๋ยวๆแม่ ตอบแทบไม่ทันนะแม่ครับ
     ก็แม่เป็นห่วงนี้ลูก
     เสียงแม่ ก็ยังแสดงถึงความเป็นห่วงอยู่เสมอ
     ครับแม่ ผมสบายดีครับแม่ แม่ไม่ต้องเป็นห่วงครับ
     งั้นหรือลูก
     ส่วนหอพักหน่ะได้แล้ว ก็พอใช้ได้นะแม่ แล้วยัยโอ๋เป็นไงบ้าง
     ฮัลโหล พี่เอกเหรอ โอ๋โฮ เสียงแหลมชะมัดน้องเรา
     ไงจ๊ะ ยัยโอ๋ สบายดีไหม
     สบายดีค่ะพี่เอก พี่เอกเป็นยังไงบ้าง
     ก็ดีจ้ะ
     แหวะ.หวานไปแล้วพี่
     โอเค พี่จะวางแล้วนะ เหรียญหมดแล้วฝากดูแลแม่ให้ด้วยละ ยัยโอ๋ และฝาก สวัสดีกับพ่อด้วยนะ
     ได้ค่ะพี่ บ๊าย บาย
     เฮ้อ! หายคิดถึงไปเปราะหนึ่ง ว้าเริ่มหิวแล้วแฮะ เลยไปหาอะไรกินในร้านขาย 24 ชั่วโมง เลยได้ นม และ ซาลาเปา มากินระหว่างทางเดินกลับ ผมกลับมาถึงที่หอพักก็ประมาณ 1 ทุ่ม ลองเคาะดู เจ้าชิดคงยังไม่กลับหรือไม่ก็หลับไปแล้ว ผมเลยกลับมาที่ห้องของผมนั่งเขียน Diary ต่อตอนนี้ผมเขียนได้ 5 เล่มแล้ว เขียนไปเขียนมาก็คิดถึงเรื่องของปิ่น แปลกนะที่ผมคิดถึงเธอ ตะหงิดๆ



***********************************************				
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟจากความฝันสู่ความจริง
Lovings  จากความฝันสู่ความจริง เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟจากความฝันสู่ความจริง
Lovings  จากความฝันสู่ความจริง เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟจากความฝันสู่ความจริง
Lovings  จากความฝันสู่ความจริง เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงจากความฝันสู่ความจริง