12 มีนาคม 2551 12:19 น.
จันทร์ไร้เงา
รู้ทั้งรู้ว่าชอบดันตอบรักเขาที่ไม่ไช่
จะแก้ตัวยังไงเมื่อเขาก็รู้ก็เห็น
อ้อนวอนปลอบเช้าปลอบเย็น
ก็ไม่เห็นวี่แววจะเข้าใจ
จะเอาไงล่ะที่นี้
ในเมื่อเธอทำเชิดใส่
รู้ล่ะว่าห่วงแต่ชอบทำไม่สนใจ
แล้วที่นี้ทำไม่งอน
จะไม่ง้อหรือก็กระไรอยู่
เรื่องเจ้าชู้มีที่ไหนใครพร่ำสอน
ที่พูดพร่ำลำนำเพียงปากบอน
ใจแทบขาดรอนเมื่องอนไป
สงสารเถิดคนดีที่รักฉัน
กลับมาเหมือนคืนวันเก่าเราได้ไหม
รักก็รู้ทั้งรู้ยิ่งกว่าใคร
รักล้นใจของฉันก็คือเธอ
17 ธันวาคม 2550 11:36 น.
จันทร์ไร้เงา
คำคำเดียวที่เป็นคำประกอบความหมาย
ดูลึกซึ้งมากมายในความรู้สึกของฉัน
คำคำเดียวที่ถักทอความผูกพัน
ร้อยเชื่อมโยงหัวใจฉันสู่ใจเธอ
คำคำนี้คำเดียวที่ฝังติด
อยู่ใกล้ชิดแนบใจสม่ำเสมอ
มิลืมเลือนแม้พบพานนานนานเจอ
ยังรู้สึกดีดีเสมอไม่เปลื่อนไป
แต่ว่าใจคนเราหยั่งแสนยาก
เลยไม่อาจรับรู้ความคิดได้
ร้ายหรือดีมิอาจคาดได้ดั่งใจ
หากวาดหวังมากเกินไปจะเศร้าตรม
จากเพื่อนหนึ่งมิตรที่ชิดใกล้
เลยกลับกลายเป็นใครให้ขื่นขม
ด้วยความเห็นแก่ตัวแสนโสมม
ทำให้คนหนึ่งตรมทุกข์ท้อใจ
คำว่าเพื่อนอย่ากเตือนฟังสักนิด
ที่ผิดลืมเถิดอย่าหวั่นไหว
จงยึดมิตรแท้แน่แก่ใจ
หากนั้นไซ้เจ็บจนตายตนผู้เดียว
13 ธันวาคม 2550 14:52 น.
จันทร์ไร้เงา
อาบน้ำตา ต่างน้ำฝน ที่รดหัว
อาบจนตัว สั่นไหว ใจสะท้าน
รักที่เคย ช่ำหวาน ปานน้ำตาล
ก็ถึงกาล เปลื่อนเป็นขม ตรอมตรมใจ
ตกมาเถิด น้ำตาฟ้า ข้าร้องขอ
อย่ารีรอ โปรดตั้งเค้า เป็นเมฆใหญ่
ตกลงมา ซับน้ำตา ให้จางไป
แม้เปียกปอน ปานใด ไม่โทษเลย
4 ธันวาคม 2550 13:36 น.
จันทร์ไร้เงา
รักเธอมากสุดหัวใจ แต่ว่าสุดท้ายทำได้เพียงแค่ยืนมอง
รัก หรือ รักคืออะไร
มาก มากเท่าที่จะพอฉุดรั้ง
ยื้อ ยื้อเอาไว้สุดกำลัง
แต่ แต่สุดท้ายก็รั้งเธอไว้ไม่ได้อยู่ดี
ที่ ที่ตรงนี้ที่ฉันยืน
ฝืน ฝืนไว้สุดชีวี
น้ำ น้ำตาท่วมท้นใจครานี้
ยืน ยืนมองเธอที่เดินจากไป
21 พฤศจิกายน 2550 16:04 น.
จันทร์ไร้เงา
อยู่ใกล้เคียงกายแนบชิด
สนิทยิ่งเกินกว่าใครคนไหน
โอบกอดเอื้มคว้าสุดหัวใจ
แต่ไม่อาจคว้าได้แม้เพียงเงา