14 มิถุนายน 2547 01:07 น.
จันทร์เพ็ญ จันทนา
ปานรู้สึกกระสับกระส่าย เห็นแม่นั่งเด็ดต้นหอมผักชี และกำลังเตรียมของมากมาย สำหรับขายก๋วยเตี๋ยว ทุก ๆ เย็นแม่กับน้าจะไสรถเข็นไปขายของตรงแถบตึกที่มีการก่อสร้าง ลูกค้าก๋วยเตี๋ยวส่วนใหญ่ของแม่ก็เป็นพวกคนงานก่อสร้าง
ใช่...อาชีพคนงานก่อสร้างและ พวกกรรมกร ปานชินชาเสียแล้ว ก็เพราะพ่อของปาน ก็เป็นหนึ่งในสมาชิกของสังคมนี้ ปานเป็นลูกคนงานก่อสร้างที่เหมือนกับเด็กอีกหลายคน ที่ขาดโอกาสทางการศึกษา ไม่ใช่ปานไม่ เคยเรียนหนังสือ ปานเคยเรียนจนถึง ป.2แล้วก็ต้องออก เพราะอาชีพของพ่อ ต้องอพยพโยกย้ายอยู่บ่อย ๆ ไม่เป็นหลักเป็นแหล่ง อยู่ที่ไหนได้ไม่นาน พอหมดการก่อสร้างก็ต้องย้ายไปที่อื่น ๆ อีก ปานเคยรบเร้าขอเรียนหนังสือต่อ แต่พอปานพูดเรื่องนี้กับแม่ทีไร แม่ก็ทำท่าจะร้องไห้ทุกที เมื่อปานรู้อย่างนี้ปานก็ไม่เคยพูดเรื่องเรียนกับแม่อีกเลย
เพราะการที่ไม่ได้เรียนหนังสือนี่เอง ที่ทำให้ปานเหงาไม่รู้จะทำอะไรไปช่วยแม่ ขายก๋วยเตี๋ยวเรอะ ไม่สนุกสักนิด ร้อนก็ร้อน จะออกไปวิ่งเล่น แม่ก็ห้ามแม่คงกลัวปาน เป็นอย่างน้ำฝนกระมัง คิดถึงเรื่องน้ำฝน ปานยังกลัว ๆ ไม่หายปานกลัว..กลัวมากจริง ๆ ก็เมื่ออาทิตย์ที่แล้วนี่เอง น้ำฝนซึ่งเป็นลูกลุงชัย ช่างฉาบปูนเพื่อนของพ่อที่อยู่ห้องถัดไป จากห้องของปาน โดนปั้นจั่นหล่นลงมาทับตาย ใคร ๆ เห็นก็สลดใจเป็นที่สุด ลุงชัยกับป้ามาลี กอดศพลูกสาวร้องไห้อย่างน่าเวทนา แต่เถ้าแก่เจ้าของบริษัทก่อสร้างกลับเกรี้ยวกราด
" ก็เด็กมันเดินยุ่มย่ามไม่รู้เรื่องเองนี่หว่า ไม่ต้องมาโวยวายเรียกร้องเงินทองนา อั๊วไม่ จ่ายแน่นอน มีลูกก็ไม่ดูให้ดี ซวยชิบ!"
เถ้าแก่สั่งเรื่องนี้ให้ปิดเรื่องนี้เป็นความลับ เพียงอาทิตย์กว่า ๆ ทุกคนก็ลืมเรื่องนี้กัน แต่ปานยังไม่ลืมหรอก สภาพศพเละเทะนั้น แทบจำไม่ได้ว่าเป็นน้ำฝนที่ปานเคยรู้จัก ทั้งสงสาร กลัว แล้วก็ติดตา นึกแล้วขนลุกอย่างนี้ถึงแม่ไม่ห้ามปานก็คงไม่ไปยุ่งแถวก่อสร้างหรอก ปานกลัวเป็นน้ำฝนคนที่สองนี่นา
เมื่อเดือนที่แล้วพ่อและเพื่อนคนงานอื่น ๆ ย้ายมาทำก่อสร้างที่นี่ ตอนมาใหม่ ๆ ปานตื่นเต้นที่สุด เพราะเห็นพี่ ๆ เขาแต่งเครื่องแบบนักเรียน สวยงาม เออ...ไม่ใช่นักเรียนสิ พี่ ๆ พวกนี้เขาเป็นนักศึกษา หน้าตาสดใสกันทั้งนั้น ที่นี่เขาเรียกมหาวิทยาลัย ใช่!มหา วิทยาลัย ปานท่องตั้งนานกว่า จะจำได้ ปานไม่รู้หรอกว่าทำไมเขาถึงเรียกอย่างนี้ คงเพราะมันมีอะไร ๆเยอะแยะไปหมดกระมัง มีทั้งคน รถเก๋งสีสวย ๆ ตึกหลังใหญ่ ๆ พวกนักศึกษาก็เป็นหนุ่มสาว ไม่ใช่เด็ก ๆ อย่างปาน เห็นตึกใหญ ๆ แล้วปานภูมิใจจัง พ่อปานเก่งที่สุด สร้างตึกสวย ๆ สูง ๆ มาไม่รู้เท่าไหร่แล้ว
แต่ปานก็สงสัยอยู่ว่า เมื่อไหร่พ่อจะสร้างตึกอย่างนี้ให้ปานอยู่บ้างหนอ ปานเคยถามพ่อ พ่อก็จะคว้าปานไปกอดแล้วบอกว่า
"ตึกสวย ๆ น่ะมันที่อยู่ของพวกคนมีเงิน พวกเศรษฐีเขาลูกเอ๊ย อย่างเราน่ะมีที่ซุกหัวนอนก็บุญแล้ว"
แม่เองก็ว่าต้องมีเงินเยอะเท่านั้น ถึงจะทำอะไรได้ เอ..แต่ปานก็มีเงินนี่นา ปานเก็บไว้ในกระปุกออมสินตั้งเยอะแล้ว ไม่แน่นะ ถ้าปานเก็บ เงินได้มาก ๆ ก็อาจพอจะ อยู่ตึกสูง ๆ มีรถคันโต ๆ สวย ๆ ขับได้ว่าแต่ว่า...จะต้องมีเงินมากสักแค่ไหนหนอ ถึงจะพอ... ปานเองก็ยังสงสัยอยู่
แต่บ้านที่ปานอยู่ทุกวันนี้ก็ดีแล้วหละ สำหรับความรู้สึกของปาน มีสังกะสีกั้นไว้เป็นห้อง ห้องละครอบครัว ห้องของปานอยู่ริมสุด ติดกับตึกเรียนหลังหนึ่ง ตึกนี้ดีนะ มีคนสวย ๆ มาเรียนเยอะ ปานชอบไปแอบยืนดู โดยเฉพาะตามโคนต้นไม้ที่มีโต๊ะหินอ่อนตั้งอยู่ จะมีพี่ ๆ นักศึกษาสวย ๆ หลายคนมานั่ง ท่าทางแต่ละคน เหมือนนางเอกในละครวิทยุ ที่ปานฟังกับแม่เป็นประจำเลย
ปานอยากจะคุย อยากจะพูดกับพี่ ๆ พวกนั้นเวลาปานไปแอบยืนดูพวกเธอ เห็นเธอเหล่านั้นพูดคุยกันอย่างสนุกสนาน เสียงหัวเราะใส ๆ ดังมาเป็นระยะ ๆ ทำยังไงนะ ปานจะรวบรวมความกล้าของตัวเอง เข้าไปพูดคุยกับพวกเธอบ้าง ใคร ๆ หลายคนเคยเอ่ยปากชมปาน ว่าเป็นเด็กที่น่ารัก แต่ถึงอย่างไรปานก็รู้ตัวดีว่าเนื้อตัวปานออกจะมอมแมม เสื้อผ้าของปานไม่ขาวสะอาดเหมือนพี่ ๆ พวกนั้น
นางเอก...นางฟ้าของปาน พวกเธอจะสนใจ บ้างไหมนะถ้าปานเข้าไปคุยด้วย พวกเธอจะเอ็นดูปานเหมือน ที่ใคร ๆ เอ็นดูหรือเปล่า ปานจินตนาการเห็นภาพของตัวเองอยู่ท่ามกลางพี่ ๆ พวกนั้น เป็นเด็กน้อย ท่ามกลางหมู่นางฟ้า ปานเฝ้าด้อม ๆ มอง ๆ มาหลายวัน คอยที่จะเข้าไปหาพวกเธอ คอยโอกาส และคอยความกล้าของตัวเอง ถึงวันนี้ เดี๋ยวนี้ ปานก็ได้แต่เฝ้าบอกตัวเองว่ายังไม่กล้าพอ ทั้ง ๆ ที่ก็ตั้งใจไว้แล้ว ตั้งแต่เมื่อคืนแต่อย่างไรก็ตาม ตั้งแต่เช้าจนถึงสาย ๆ ปานก็ยังคลุกอยู่กับแม่และน้า ช่วยหยิบโน่นจับนี้ไปตามเรื่อง ทั้ง ๆ ที่ปานรู้ดีว่า ใจตัวเองไปอยู่ที่พี่ ๆ พวกนั้นแล้ว อากาศในห้องร้อนอบอ้าวเต็มที่ ทำให้ปานพาลหงุดหงิด แม่คงสังเกตเห็น
" เป็นอะไรไปน่ะปานเอ้ย หน้าหงิกเชียว ร้อนละซิท่า ไปเดินเล่นข้างนอกไป๊ แต่อย่าไปไกลนะ แม่เป็นห่วง ยิ่งมีเอ็งคนเดียวด้วย "
ปานเดินออกมาจากห้องพัก ไม่รู้จะไปไหนดี แต่แล้วเท้าของปานก็มา หยุดอยู่ตรงมุมตึก บริเวณที่ปานเคยมาแอบยืนดูพี่ ๆ พวกนั้นเป็นประจำ ตอนนี้คงเป็นเวลาพักเที่ยงแล้ว พวกพี่ ๆ นางฟ้าของปาน จับกลุ่มคุยกันอยู่ที่โต๊ะหินอ่อนตัวเดิม เอ๊ะ! นั่นพวก เธอกำลังดูอะไรกันอยู่หรือน่ะ เท่าที่ปานเห็น รู้สึกจะเป็นผ้าสีชมพู ๆ ความอยากรู้อยากเห็นทำให้ปานเดินเข้าไปใกล้พวกเธอเรื่อยโดยไม่รู้ตัว สายตาของปาน ก็จ้องแป๋วไปที่ของ ชิ้นนั้น ที่พี่คนถักเปียเขาเอาวางไว้ที่ม้านั่งข้าง ๆ ตัว อ๋อ! ปานรู้แล้วล่ะ ที่แท้เจ้าผ้าสี ชมพูสวย ๆ นั่นคือโบว์สำหรับติดผมนั่นเอง ความสนใจและเพราะความลืมตัวทำให้ปานเดิน ไปจนใกล้พวกพี่ ๆ เอื้อมมือไปจะจับมัน ช่างสวยจับใจจริง ๆ นางฟ้าคนสวยมีแต่ของสวย ๆ ทั้งนั้น แต่...
"ว้าย! ไอ้เด็กบ้า! นี่จะมาขโมยของเหรอ ไป...ตกใจหมด "
ปานสะดุ้งเฮือก ด้วยความตกใจสุดขีด เด็กหญิงส่ายหน้าน้อย ๆ ไม่มีคำพูดใด ๆ เล็ดลอดออกมา จากปานของปาน นางฟ้า...นางฟ้า.. ปานวิ่งหันหลังกลับ วิ่ง...วิ่ง
แล้วก็วิ่ง วิ่งเร็วที่สุดในชีวิต กลับไปที่ห้องของตัวเอง ห้องที่เล็ก แคบ และสกปรกเหมือนรูหนูของปานไม่มีใคร อยู่สักคน ปานถลาเข้าไป ตรงกองฟูก ซบหน้าลงกับหมอนที่เก่าและเหม็นสาบ รู้สึกเจ็บปวดแปล๊บ ๆ ที่ตรงหัวใจ มือกำผ้าห่มแน่น... แล้วปานก็ร้องไห้