24 กรกฎาคม 2549 17:41 น.
จันทร์เพ็ญ จันทนา
วันพ่อ วันหนึ่ง เมื่อปีนั้น
ยังตราตรึง ยังผูกพัน ยังจำได้
กราบเท้าพ่อ ด้วยความรัก จากหัวใจ
เห็นความห่วง ที่ยิ่งใหญ่ ในเงาตา
ห่วงลูกคนเล็ก...ยังเด็กนัก
ห่วงลูกที่พ่อรักเป็นหนักหนา
ห่วงไข่ลูกยอด ตลอดมา
และห่วงจนถึงวาระสุดท้าย!
ภาพพ่อยังเป็นภาพที่ซาบซึ้ง
คิดขึ้นมาครั้งหนึ่ง...ก็ใจหาย
ในโลกนี้ คงไม่มี คนมากมาย
ที่รักเรา เปี่ยมความหมาย ได้เท่านี้
พ่อสอนให้สัตย์ซื่อ ให้ถือเกียรติ
และอย่าให้ใครหยามเหยียดซึ่งศักดิ์ศรี
พ่อสอนให้เป็นกุลสตรี
และสอนว่าความดี นี้ยืนยง
ลูกที่พ่อภูมิใจ ใช่ดีเลิศ
ใช่ว่าต้องประเสริฐ ต้องสูงส่ง
เพียงธรรมดา สามัญ แต่ทระนง
และมั่นคง อย่างยิ่ง ด้วยจริงใจ
วันพ่อ วันหนึ่ง เมื่อปีนั้น
ยังตราตรึง ยังผูกพัน ยังจำได้
แต่วันพ่อ ปีนี้ ไม่มีใคร
คิดถึงพ่อ จะขาดใจ ...รู้ไหมจ๊ะ?
17 กรกฎาคม 2549 11:09 น.
จันทร์เพ็ญ จันทนา
หนึ่งชีวิตโอบประคองสองกระจาด
ริมฟุตบาทข้างถนนคนขวักไขว่
ตะวันกร้าวแดดกล้าสาดแสงไกล
แต่ตะวันในหัวใจไม่รู้เลย
ยายขายข้าวเกรียบว่าวเฝ้าชะเง้อ
มาซื้อยายหน่อยซิเออ! หลานหลานเอ๋ย
ยายหาบคอนมาตั้งขายเหมือนอย่างเคย
อย่าเฉยเมยแค่มองกันแล้วผ่านไป
ยายไม่ว่าถ้าลองนิดถ้าชิมหน่อย
กรอบอร่อยเชียวนะจะบอกให้
ถ้ากินแล้วขี้คร้านจะติดใจ
กลับมาซื้อยายใหม่กันสักวัน
พวกขนมนมเนยแบบฝรั่ง
คงจะแพงหลายกะตังค์ใช่ไหมนั่น
เท่ากับซื้อข้าวเกรียบยายได้หลายอัน
เจ้าหลานขวัญมามะ! อย่ารอรี
ยายมาตั้งกระจาดขายจนบ่ายคล้อย
แสนละเหี่ยเพลียละห้อยอย่างเหลือที่
ขายได้ไม่กี่อันเลยวันนี้
คนกินเป็นและใจดีไยรี้กาย
หรือว่ากินขนมยายมันไม่โก้
ไม่น่าอวดน่าโชว์คนทั้งหลาย
ข้าวเกรียบว่าวมันโบราณมันน่าอาย
มันจึงพ่ายเสียท่าขนมปัง
14 กรกฎาคม 2549 11:20 น.
จันทร์เพ็ญ จันทนา
ที่ท้องฟ้าจุดเทียนของท้องฟ้า
ในใจจุดเทียนจ้าไว้ส่องแสง
ที่ท้องฟ้ามีหมู่ดาวอันเรืองแรง
ในจึงแจ้งด้วยแสงดวงจากสรวงดาว
จากแดนฟ้ามีน้ำค้างมาพร่างพื้น
ใจฉ่ำชื้นด้วยน้ำค้างจากกลางหาว
จากแดนฝันมีความฝันอันเพริศพราว
ใจจึงกร้าวด้วยฝันอันยาวไกล
ฉันเห็นฝันของบางคนตกหล่นหาย
ตกกระจายเกลื่อนกล่นอยู่หนไหน
สัมผัสค่าสัมผัสคำ...สัมผัสใจ
จึงเข้าใกล้ค่าแห่งจิตนิจนิรันดร์
เพราะชีวิตใช่มีแค่ชีวิต
ฟ้ามีฝนคนมีสิทธิ์จะคิดฝัน
ตราบใดแสงจันทร์ยังจ้าคู่ตะวัน
รุ้งความฝันจักทอทาบอิ่มอาบใจ
ห้ามทุกปรากฏการณ์ห้ามปรากฎ
ห้ามให้งดห้ามให้เกิดพอห้ามได้
แต่ห้ามจินตนาการห้ามหัวใจ
คงห้ามได้ถ้าชีวิต...ได้ปลิดแล้ว!
13 กรกฎาคม 2549 13:08 น.
จันทร์เพ็ญ จันทนา
(คน)
นั่งริมน้ำ
แล้วชื่นฉ่ำไอละอองของน้ำใส
มองบึง มองบัว ทั้งดอกใบ
เพื่อสะท้อน พลังใจ ให้ชีวิต
(บัว)
จากโคลนจากตมจากข้างใต้
บัวก็ยังฝันใฝ่ หมาย-มี สิทธิ์
แตกหน่อ ใต้น้ำ ทีละนิด
ออกฤทธิ์ ออกแรง เต็มแรง
เป็นสาย เป็นกอ ก่อเกิด
ด้วยหวังอันประเสริฐ ซึมซับแสง
ไม่หวั่นอุปสรรค ที่แทรกแซง
ความฝันไม่เคยแห้ง จากหัวใจ
อาจไม่ประสีประสา
แต่ก็ยังมุ่งหน้าในฝัน-ใฝ่
ซื่อในแนวทางที่เป็นไป
ตรงในวิธี วิถีเดิม
วิถีเดิมของบัวที่พร้อมบาน
เน้นย้ำอุดมการณ์แต่แรกเริ่ม
ชำแรก แตกกอ ต่อเติม
พูนเพิ่ม สายใย ในสายบัว
จากราก รักราก รักเหง้า
ภาคภูมิพงศ์เผ่าทุกเหง้าหัว
รักตม ดินต่ำที่สร้างตัว
รักโคลนหม่นมัว รักที่มา
(คน)
เรียนรู้จากบัวที่บานแบ่ง
ซึมซับเรี่ยวแรง คุณค่า
บัวงาม รู้งาม รู้ศรัทธา
เติบกล้า รากเหง้า ก็ยังมี
(บัว+คน)
ดอกบัวชูตนให้คนชื่น
พ้นวัน ผ่านคืน สมศักดิ์ศรี
เป็นคน ชูตน เป็นคนดี
แล้วลืมที่มาหรือเปล่าเหง้าของคน?
6 กรกฎาคม 2549 09:31 น.
จันทร์เพ็ญ จันทนา
ฝนตก ฟ้าร้อง ลมแรง
พายุกร้าวแกร่ง...โหดหิน
ไม้ใหญ่ล้มฟาดแผ่นดิน
ด่าวดิ้น อเนจอนาถ เจียนขาดใจ
สงสารหญ้าแพรก
เจ้าก็แหลก เจ้าก็ป่น หม่นไหม้
หรือชีวิตเจ้าเล็กน้อยเกินไป
เจ้าหัวเราะ เจ้าร้องไห้...ใครจะรู้!
คนเห็นไม้ใหญ่ล้ม
ก็ระดมกำลังเข้ากอบกู้
ประคบประหงมอุ้มชู
ลืมดู ลืมห่วงใย อะไรทั้งนั้น
เพียงหยาดน้ำตา...หญ้าต่ำต้อย
คงเล็กน้อยเกินกว่าใครจะไหวหวั่น
เสียงร้องของคนไม่สำคัญ
โหยหวน พร่าสั่น สะท้านใจ
สะท้านใจ แต่ก็ไม่สะท้านป่า
เจ็บปวดก็ก้มหน้า เพียงร้องไห้
สะท้อนเรื่องสะท้อนภาพ กับทุกข์ภัย
เก็บเป็นความน้อยใจ...ใจน้อยน้อย
เช็ดคราบน้ำตา
เชิดหน้าขึ้นเถิด ความต่ำต้อย
"เรื่องราว" เดี๋ยวก็เป็นเพียง "ร่องรอย"
จะเศร้าสร้อยต่อไป ทำไมกัน
มองดูรอบรอบข้าง
ใช่เจ้าจะอ้างว้าง...อย่าไหวหวั่น
เป็นหญ้าแพรกต้นน้อย...ก็สำคัญ
เพราะหญ้าแพรกด้วยกัน...เท่านั้นที่รู้!