19 มิถุนายน 2547 14:55 น.
จันทร์เพ็ญ จันทนา
ซ่าซ่าซ่า ซู่ซู่...นั่งดูฝน
แล้วก็ดลหัวใจ ให้ฉ่ำฝัน
คิดถึงเหลือเกิน...ภาพวานวัน
ที่ทุกภาพ ยังผูกพัน ถึงวันนี้
บ้านทุ่ง ริมท่า ท้องนาไร่
คูคลอง น้ำใส ที่ไหลปรี่
กล้างาม - งามกล้า เขียวขจี
เมื่อได้ฝน แต่ละที แสนดีใจ
แตกกอ หน่อกล้า ผงาดแกร่ง
เสริมแรง สร้างรวง กันยกใหญ่
เด็กน้อย บนคันนา ยอมเดินไกล
เอาปิ่นโตไปส่งให้...ใครหลายคน
ใครหลายคน...หลังอาบฟ้า หน้าอาบฝัน
เพียรบากบั่น ไม่หวั่นไหว ในแดดฝน
ลูกต้องไม่ลำบาก ไม่ยากจน
ตั้งใจเรียน ตั้งตน นะลูกนะ!
ทำนา ทำไร่ มันไม่แน่
ฟ้า-ฝน จะดี-แย่ ใครรู้ล่ะ
กว่าหนี้สินจะหมด ปลดภาระ
กินเงินเดือน ดีกว่าน่ะ...ดีกว่ากัน
เสียงพ่อแก่ แม่เฒ่า เฝ้าสั่งสอน
เจ้างามงอน ก็เติบงาม เดินตามฝัน
กล้าก้าว ฟันฝ่า กล้าประชัน
ในเวทีการแข่งขัน ของชีวิต
จากทุ่ง เถื่อนท่า มาเมืองหลวง
ภาพพ่อแม่ ห่าง แต่ ห่วง ยังตามติด
กลางกรุง กล้าน้อย กระจ้อยนิด
ยังคงคิด คำนึง ถึงป่า-นา
กล้ากับกรุง แม้บางครั้ง อาจดูขัด
กล้าเจ้าก็แจ่มชัด ในคุณค่า
มีตัวตน กับหน้าที่ และศรัทธา
มีหัวใจ ที่แจ่มจ้า กำลังใจ
มองฝน ซู่ซู่ อยู่ในเมือง
เห็นฝัน มลังเมลือง อยู่เต็มใฝ่
รักฝน รักฝัน สุดหัวใจ
ฝน-ฝัน ที่นั่น-ที่ไหน...สุข เหมือนกัน
14 มิถุนายน 2547 01:28 น.
จันทร์เพ็ญ จันทนา
ฝนตก ฟ้าร้อง ลมแรง
พายุกร้าวแกร่ง...โหดหิน
ไม้ใหญ่ล้มฟาดแผ่นดิน
ด่าวดิ้น อเนจอนาถ เจียนขาดใจ
สงสารหญ้าแพรก
เจ้าก็แหลก เจ้าก็ป่น หม่นไหม้
หรือชีวิตเจ้าเล็กน้อยเกินไป
เจ้าหัวเราะ เจ้าร้องไห้...ใครจะรู้!
คนเห็นไม้ใหญ่ล้ม
ก็ระดมกำลังเข้ากอบกู้
ประคบประหงมอุ้มชู
ลืมดู ลืมห่วงใย อะไรทั้งนั้น
เพียงหยาดน้ำตา...หญ้าต่ำต้อย
คงเล็กน้อยเกินกว่าใครจะไหวหวั่น
เสียงร้องของคนไม่สำคัญ
โหยหวน พร่าสั่น สะท้านใจ
สะท้านใจ แต่ก็ไม่สะท้านป่า
เจ็บปวดก็ก้มหน้า เพียงร้องไห้
สะท้อนเรื่องสะท้อนภาพ กับทุกข์ภัย
เก็บเป็นความน้อยใจ...ใจน้อยน้อย
เช็ดคราบน้ำตา
เชิดหน้าขึ้นเถิด ความต่ำต้อย
เรื่องราว เดี๋ยวก็เป็นเพียง ร่องรอย
จะเศร้าสร้อยต่อไป ทำไมกัน
มองดูรอบรอบข้าง
ใช่เจ้าจะอ้างว้าง...อย่าไหวหวั่น
เป็นหญ้าแพรกต้นน้อย...ก็สำคัญ
เพราะหญ้าแพรกด้วยกัน...เท่านั้นที่รู้!
14 มิถุนายน 2547 00:39 น.
จันทร์เพ็ญ จันทนา
ที่ท้องฟ้าจุดเทียนของท้องฟ้า
ในใจจุดเทียนจ้าไว้ส่องแสง
ที่ท้องฟ้ามีหมู่ดาวอันเรืองแรง
ในจึงแจ้งด้วยแสงดวงจากสรวงดาว
จากแดนฟ้ามีน้ำค้างมาพร่างพื้น
ใจฉ่ำชื้นด้วยน้ำค้างจากกลางหาว
จากแดนฝันมีความฝันอันเพริศพราว
ใจจึงกร้าวด้วยฝันอันยาวไกล
ฉันเห็นฝันของบางคนตกหล่นหาย
ตกกระจายเกลื่อนกล่นอยู่หนไหน
สัมผัสค่าสัมผัสคำ...สัมผัสใจ
จึงเข้าใกล้ค่าแห่งจิตนิจนิรันดร์
เพราะชีวิตใช่มีแค่ชีวิต
ฟ้ามีฝนคนมีสิทธิ์จะคิดฝัน
ตราบใดแสงจันทร์ยังจ้าคู่ตะวัน
รุ้งความฝันจักทอทาบอิ่มอาบใจ
ห้ามทุกปรากฏการณ์ห้ามปรากฎ
ห้ามให้งดห้ามให้เกิดพอห้ามได้
แต่ห้ามจินตนาการห้ามหัวใจ
คงห้ามได้ถ้าชีวิต...ได้ปลิดแล้ว!
12 มิถุนายน 2547 20:53 น.
จันทร์เพ็ญ จันทนา
ดวงเดิม แห่งจันทร์เดียว
ยังอยู่เดี่ยว อยู่นานมา
มีเหงา...และเหงากว่า
เป็นรสชาติ ที่คุ้นชิน
มีใจ อยู่ในจันทร์
ใจก็ฝัน อยู่อาจิณ
ฝันไปจนได้ยิน
เสียงร้องไห้ จากใจจันทร์
จันทร์เดียว วิถีเดิม
จบ และ เริ่ม คือเท่ากัน
เท่าเดิม และ เท่านั้น
ล้าเต็มที แล้วชีวิต!