9 มิถุนายน 2553 17:11 น.
จอมปราชญ์แดนอาคเนย์
เพ็ญพโยมโลมดินสิ้นศรีศักดิ์
เสมือนภักดิ์ผ่อนบำเรอละเมอถึง
บูรพานั่น...จันทร์หงายคล้ายรำพึง
สาดแสงถึงแดนประจิมพริ้มสายตา
คลื่นลมแรงปะทะผิวสยิวนัก
สุดจะหักใจหลงปลงสเน่หา
หนึ่งสาวงามข้ามเขตรักปักมนตรา
ทอดสายตาเป็นสะพานสานไมตรี
โอ้ฝั่งของไม่เป็นรองผองมนต์เสน่ห์
ซ้อนสนเท่ห์ในเล่ห์รักลุ่มสักขี
ริมท่าน้ำ ณ ยามดึกนึกเปลี่ยวฤดี
เพียงสายนทีกับสองเราเคล้ากายา
จวบราตรีพี่สะท้านกาลอุษาสาง
เห็นแสงจางส่องนทีพี่หลงผวา
แอบสะอื้นกลืนระทมข่มน้ำตา
ต้องร้างลาน้องคนงามยามรุ่งอรุณ
โขงพยาน..สานใจไม่สิ้นสูญ
ศรีโคตรบูรณ์หน่อเนื้อคอยเกื้อหนุน
ให้รักงามท่ามอุษาคเนย์เห่การุณ
อ่อนละมุลแม้จำพรากจากแสนไกล
.แบบว่า....ยิ่งกว่าจินตนาการอีก...อิอิ
6 มิถุนายน 2553 08:45 น.
จอมปราชญ์แดนอาคเนย์
ลืมเสียแล้ว...ไฉนเลยที่เคยพร่ำ
ว่าดื่มด่ำกับคำหวานประมาณไหน
ลืมเสียหมดทิ้งรันทดไว้ภายใน
ลืมหรือไรที่อาวรณ์และอ่อนโยน
ลืมคิมมันต์เสียแล้วแก้วตาพี่
ลืมสายนทีที่รินไหลถิ่นไกลโพ้น
ลืมกลิ่นสาปท้องทุ่งปรุงกลิ่นโคลน
เคยตะโกนก้องเนินเพลินภิรมย์
ดอกลูกลาวคราวนี้มีแต่เฉา
มีแต่เหงาราวประดามาทับถม
จากเหลืองทองหมองดินสิ้นอารมณ์
เจ้าลอยลมลับไป..ไกลท้องนา
ลืมเสียเถิด..ผืนดินถิ่นแห่งนี้
ลืมดนตรีสีซอคลอเถิดสา
ลืมผ้าซิ่นโฮลสไบไกลกายา
ลืมเถิดหน้า..ของชายขแมร์...แม่จงลืม...อิอิ
...แบบว่า...โทษทีครับ...ที่จองนานไปหน่อย