23 มิถุนายน 2552 09:35 น.
จอมปราชญ์แดนอาคเนย์
บทจะลา...น้ำตาคลอถึงห่อเศร้า
มิอาจเนาว์เคียงกายถึงถ่ายถอน
กลัวก็แต่ฤดีช้ำย้ำอุทร
เจ้าอาวรณ์แต่ตอนลาน่าเศร้าจริง
ด้วยชีวิตคิดไปได้แต่เศร้า
ไร้รูปเงาสลักวางกลางใจหญิง
มันโหยอ่อนกร่อนในใจเสียจริง
จึงจมดิ่งลงฝังวังบาดาล
ปล่อยสายใจให้ไหลผ่านทั้งแปดทิศ
ไม่หวลคิดพร่ำอาลัยในอีสาน
หากอุดรก็จรหลีกปลีกอังคาร
ไม่อยู่นานแดนทักษิณ..กลัวสิ้นใจ
จำจรลีหนีไกลประจิมทิศ
ปล่อยชีวิตไร้อาวรณ์ผ่อนเงื่อนไข
เลยบูรพาให้ไกลฝั่งอย่าหวังใจ
ไม่หวังใครมารู้ใจในหรดี
อุษาคเนย์เหหันไม่ผันพบ
อาจไม่สบอารมณ์ระทมที่
จนพายัพก็หวังไกลไม่ใยดี
กลัวเหลือที่จะหมดใจในทิศลวง
เหลือสองทิศเป็นตัวแปรแน่ตระหนัก
คือ..ทิศรัก..เจ้าอยู่ใหนไม่ห่วงหวง
หรือเจ้าเป็น...ทิศไม่รัก..ถึงมักลวง
ใจจะล่วงพ้นภวังค์...ฝั่งทิศใหน..คริคริ
...แบบว่า
20 มิถุนายน 2552 18:36 น.
จอมปราชญ์แดนอาคเนย์
ทอดสายตาลากยาวสู่ราวรุ้ง
จดริมคุ้งท้ายน้ำอร่ามสวน
เห็นเม็ดใสแห่งละอองฟองเย้ายวล
อยากเดินสวนผ่านรุ้งปรุงแสงงาม
ดูแสงรุ้งวันนี้สีสวยสด
งามหมดจดชวนตื่นตาอะร้าอร่าม
แดงแสดเหลืองเขียวน้ำเงินม่วงคราม
คละหยดน้ำแห่งนภาน่าชวนมอง
ทอดอารมณ์เดียวดาย....ใต้ต้นดอกเหลือง
แลชำเลืองน้ำเจิ่งนาบ่าสู่หนอง
น้ำเคยใสก็กลับกลายเป็นสีทอง
ยิ่งแสงส่องทาบทาพาผ่องพรรณ
เมื่อสายฝนหล่นหมดหยดสุดท้าย
แสงรุ้งกลายเจือจางกลางใจฉัน
หยากแปลงร่างเป็นเม็ดฝนหล่นทั้งวัน
ให้รุ้งนั้นได้ก่อร่างสร้างรุ้งงาม..อิอิ
..แบบว่า...
16 มิถุนายน 2552 19:55 น.
จอมปราชญ์แดนอาคเนย์
ดาวเลื่อนเดือนหลบเร้น หรือไร
ถึงเปลี่ยวเหงาฤทัย ไม่เว้น
ก่อนงามเด่นอำไพ พราวพร่าง สว่างเพ็ญ
กลับด่วนลาหลีกเร้น หลบหน้า ฟ้าไฉน
คอยเหงาหงอยปล่อยฟ้า ให้คอย
คอยที่ไร้ร่องรอย หม่นฟ้า
ใจจะขาดล่องลอย ไปสุด สายตา
มิอาจได้ยลหน้า แห่งเจ้า เฝ้าคอย
ไม่อาลัยแผ่นฟ้า หรือดิน
ลาจากฟากเมฆินทร์ ถิ่นร้าง
เคยเคียงคู่โสภิณ อดีตก่อน ฝังจำ
แม้นขาดเดือนดาวคว้าง หวั่นค้าง กลางสวรรค์
ดูเดือนดาวสกาวหล้าพาย่ามจิต
ย่ามใจคิดว่าสมหมายได้เสกสรร
หลงงมงายว่าได้รักภักดิ์นิรันดร์
แท้จริงนั้น..คว้าจับได้...เพียงสายลม
..แบบว่า...ชีวิตมันเศร้าอะ
13 มิถุนายน 2552 15:58 น.
จอมปราชญ์แดนอาคเนย์
บรรจงพรมอารมณ์รสจรดขอบคิ้ว
กรีดกรายนิ้วลูบเรีอนผมชมเกศา
กรุ่นปลายเนตรหวามฤทัยนัยน์แววตา
สะเทิ้นพาอารมณ์พลอยหลงกลอยใจ
ละมุลแก้มแย้มโอษฐ์โสตสะพรั่ง
ประดุจดังจะคลั่งนวลป่วนเหลือไฉน
เยิ้มลักยิ้มอิ่มเอมแล้วแก้วขวัญใจ
ครุ่นทรวงในแท้หน๋อ...ยอนวลนาง
สอางค์นวลยวลยิ้มปริ่มจะหลง
นั่งพะวงลงนอนห่อนบ่ห่าง
คิดถึงแก้มแต้มฝันวันแสงจาง
คงอ้างว้างหากห่างนางแม้นาที
แล้วยามใดฤดีโดยโปรยว่ารัก
ลงพำนักจอดใจมิหน่ายหนี
เกรงเหลือเกรง..เกรงว่าถ้าสิ้นนารี
อาจจะสิ้นฤดีเสียแต่ยังอ่อนวัย.....คริคริ
..แบบว่า
12 มิถุนายน 2552 13:14 น.
จอมปราชญ์แดนอาคเนย์
..อิรวดีศรีกระแสว่าแลสินธุ์
ยลประทินฟ้าแดนแสนสุขสันต์
ลุ่มน้ำแห่งความหมายคลายจาบัลย์
สองฝั่งฝันเหยียบสะท้าน...ซ่านเหลือกมล
มาบัดนี้ลำน้ำทองถึงครองโศก
ในหล้าโลกยากหักใจได้สักหน
จากตองอูมาระกำด้วยน้ำทน
กลับเวียนวนถึงพ่ายแพ้..แก่นารี
นารีหนึ่งซึ่งภักดิ์ตระหนักยิ่ง
เป็นดุจมิ่งขวัญหล้าสง่าศรี
นามจันทราคู่ควรค่าแห่งราตรี
ใจเจ้านี้กว้างกว่าลำสาคร
อีกหนึ่งนางวางไว้ที่ในอก
ไม่อาจยกเจ้านั้นเหนือสิงขร
ตะละแม่กุสุมานามอรชร
ชู้สมสมรมิวางวายจะเสน่หา
อีกอเทตยากันทิมาข้าก็รัก
คะนึงนักปอละเตียงเวียงหงสา
เชงสอบูชู้รักมิสร่างซา
แม้นันทาเทวีที่เฝ้ารำพึง
หากหัวใจหมายหยุดสุดเศร้านัก
ด้วยเสน่ห์รักรุกเร้าเข้ารุมทึ้ง
เส้นสายสวาทบาดเหลือเจือรัดรึง
คำนึงซึ้ง...เพียงระกำ..ยามห่างไกล..อิอิ
..แบบว่า