17 ตุลาคม 2552 11:14 น.
จอมปราชญ์แดนอาคเนย์
ตาละห้อยคอยชะเง้อเพ้อเรื่อยเปื่อย
ลมยิ่งเอื่อยเฉื่อยไฉนใจฉันหวิว
แหงนมองฟ้าพาละล่องท่องลมปลิว
สุดสยิวละลิ่วไปในเวิ้งนภา
ลัดพนาละล้ารอละออสาว
ละอ่อนเจ้าเคยเคล้าเคียงครั้งเดียงสา
สิ้นสำเนียงก็เพียงให้ใฝ่จินตนา
ระโหยหาอยู่เช้าค่ำระกำจริง
ถ้าแม้นมีเดชะบุญมาหนุนส่ง
ให้ร่วมวงศ์จะคงอยู่คู่กับหญิง
คงตระการละลานชมภิรมย์จริง
ใจระวิงมิลืมเลือนเสมือนเงา
หากไม่มีวาสนาจะพาหนุน
ชื่นดรุณอรุณแย้มแฉล้มเฉลา
คงจะหงอยละห้อยหาล้ามิเบา
จะยิ่งเศร้าหากใครเขา..มาเฝ้าจอง..อิอิ
...แบบว่า
13 ตุลาคม 2552 14:59 น.
จอมปราชญ์แดนอาคเนย์
สุดสายตาฟ้าไกลในคืนนี้
ดั่งฤดีจะรี่ไหลไปไกลฝัน
เฝ้าหวลนึกถึงกานดาศรีลาวัลย์
โอ้แจ่มจันทร์ปล่อยคนธรรพ์ให้หลงคอย
ดวงชะตาวาสนาพาห่มโศก
ให้วิโยคโศกตัวเราแสนเหงาหงอย
หลับหรือตื่นตาพร่าเลือนเหมือนใจลอย
เป็นหนุ่มน้อยขาดโอษฐ์เอื้อนสะเทือนใจ
เทพนารีคงหนีไกลไม่หวลกลับ
แลหายลับกับวสันต์ให้หวั่นไหว
เดือนดาราช่างมืดมิดปิดทางใจ
หนแห่งไหนก็ไร้เสียงเคียงบรรเลง
หรือคนธรรพ์แห่งบรรพตจะหมดรูป
ลมหนาววูบวาบที่จิตคิดข่มเหง
นางสวรรค์เจ้าหันหนีลี้วังเวง
ได้แต่บรรเลงเพลงศิลป์ฝากกินรี..
...แบบว่า...ไม่รู้สิ