และแล้วก็ถึงวันนัดหมายที่เราห้าเจ้าจอมจะไปเกาะเกร็ดกัน หลังจากที่วางแผนกันเป็นอย่างดีมาแรมเดือน เมื่อต้นอาทิตย์จอมเบี้ยวจอมเสียบก็ทำท่าจะออกลายเบี้ยวเหมือนที่เคยเป็นมา ทำให้จอมโวยวายต้องออกมาโวยวายก้อน(ได้เปรียบ)เพื่อเป็นการดักคอ แต่กระนั้นจอมเสียบทางสกลยังมีข้ออ้างเบี้ยวจนได้ ส่วนจอมเสียบทางสมุทรสาครมาก่อนใครเพื่อน ผิดความคาดหมายเป็นอย่างยิ่งจนทำให้อากาศแปรปรวนมืดครึ้มในวันนั้น เนื่องจากนัดไว้ในตอนบ่าย จอมบงการอย่างฉันเลยไม่รีบมากนัก ตื่นมาซักผ้าทำงานบ้าน แล้วค่อยออกเดินทาง พอเดินทางได้ถึงครึ่งทาง จอมเสียบก็โทรมาว่าถึงอนุสาวรีย์แล้ว "เอ๊ะ อะไรกันเนี่ยเป็นไปได้อย่างไร" ฉันนึกประหลาดใจ เพื่อนของจอมเสียบยกเลิกนัดทำให้เธอได้มาก่อนใคร จึงไปกินก๋วยเตี๋ยวเรือก่อนใครเพื่อน คนที่ถึงที่หมายรายต่อมาคือจอมโวยวายจากทางเมืองลิง และเจ้าจอมน้องใหม่ที่เรากำลังจะตั้งชื่อให้ ทั้งสองได้ทานก๋วยเตี๋ยวเรือที่ร้านเดียวกันกับจอมเสียบ ฉันไปพบกับสามเจ้าจอมตอนเที่ยงพอดี ด้วยความหิวข้าว ฉันจึงรอที่ห้างเซ็นจูรี่ และทั้งสามคนก็ตามมาพบที่นี่ ได้ช็อปปิ้งกันนิดหน่อย ได้กิ๊ปเกาหลีติดกระเป๋าไปด้วยคนละ 3-4 อัน เราเดินฆ่าเวลาเพื่อรอจอมวางแผนที่ทำงานครึ่งวัน บ่ายโมงตรงเราก็พร้อมหน้าพร้อมตากันทั้งสี่เจ้าจอมและเจ้าจอมใหม่อีกหนึ่งจอม จอมวางแผนยังคงคอนเซ็ปเดิมไม่เปลั่ยนนั่นคือเป็นเจ้าแม่โทรศัพท์ เดินมาแต่ไกลก็คุยโทรศัพท์ไปด้วย เราจึงแกล้งขึ้นรถแท็กซี่ก่อนเธอ เราเดินทางไปที่วัดสนามเหนือ ปากเกร็ดเพื่อนั่งเราข้ามฝั่งไปที่เกาะเกร็ด ในรถจอมวางแผนยังไม่วายโทรศัพท์ คนละไรคุยเก่งชะมัด เพื่อนแซวยังไม่จอมหยุด ^_^ โชคร้ายของฉันที่ได้นั่งหน้า มีกติกาจากจอมโวยวายว่า ใครนั่งหน้าจ่ายค่ารถ มีคำสั่งแบบนี้จอมบงการอย่างฉันมีหรือจะกล้า(ขัดคำสั่ง) ที่ท่าเรือวัดสนามเหนือเรามองเห็นเจดีย์เอียงที่ถือว่าเป็นสัญลักษณ์ของเกาะเกร็ด เรานั่งเรือข้ามฟากมาที่วัดปรมัยยิกาวาส ที่วัดวัดปรมัยยิกาวาสแห่งนี้ เราก็ได้ทำบุญเพื่อเอาฤกษ์เอาชัยก่อนจะเข้าที่พัก นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่มักจะเดินทางไปกลับกันไม่ค่อยมีใครพัก แต่พวกเราอยากมีเวลาด้วยกันมากกว่านั้นจึงได้จองบ้านพักไว้หลังหลัง เจ้าของบ้านบอกว่าเป็นบ้านของชาวบ้านจริงๆในวิถีชุมชน เราไม่ได้ไปถ่ายรูปที่เจดีย์ริมน้ำในวัดแห่งนี้เลย ซึ่งเจดีนี้เป็นเจดีย์ทรงรามัญที่จำลองแบบมาจากพระธาตุเจดีย์มุเตา เมืองหงสาวดี ซึ่งคนมอญนับถือมาก ภายในบรรจุพระบรมสารีริกธาตุ เนื่องจากเจดีย์อยู่ติดแม่น้ำ กระแสน้ำกัดเซาะฐานราก ทำให้เจดีย์มีลักษณะเอียง ดูแปลกตา สิ่งที่เราสนใจมากกว่าเจดีย์ก็คือนี่เลย อาหาร ผลิตภัณฑ์หน่อกะลานับว่าเป็นอาหารที่เราพุ่งความสนใจให้มากที่สุด ไม่ว่าจะทอดมัน ไส้อั่ว ได้ติดมือกับพี่พักกันคนละสองสามอย่าง ขนมไทยที่นี่ก็เยอะมากทีเดียว มีอาลัวหลายรูปแบบแปลกตา สีสันสวยงามทีเดียว เราเดินซื้ออาหารกันจนเหนื่อย เดินเข้าไปในหมู่บ้านโอ่งอ่างจนถึงครึ่งทาง จนจอมเบี้ยวที่มีอาการไม่ค่อยสบายอยู่แล้วท่าจะไม่ไหว เราจึงโทรหาเจ้าของบ้านเพื่อให้มารับ เจ้าของบ้านบอกว่ารออยู่ที่ต้นโพธิ์ใหญ่หน้าวัด ทำให้เราต้องเดินย้อยมาอีกไกล ได้รับเสียงสรรเสริญจากพรรคพวกพอสมควรว่าทำไมให้เดินย้อนกลับ โดยเฉพาะจอมวางแผนได้รับฉายาใหม่จากจอมโวยวายว่า "น้องจำไม" เนื่องจากว่าคุณเธอสงสัยตลอดทางว่าอะไรทำไม ^_^ ได้ของกินเรียบร้อยและเหนื่อยพอสมควร แดดก็ร้อน เราเดินเข้าไปในหมู่บ้านโอ่งอ่างอีกรอบ เนื่องจากบ้านพักต้องผ่านทางนั้น อีกแหละ ได้รับคำชมอีกแล้ว เจ้าของบ้านก็บอกไม่ไกล ไม่ไกล แต่ดูเจ้าจอมที่เหลือชักจะเพลียเต็มที มีฉันกับเพื่อนอ้อที่มารออยู่ท่าน้ำเท่านั้นที่เดินทันเจ้าของบ้าน นอกนั้นล้าเต็มที่ ที่เกาะเกร็ดจะไม่ให้รถมอเตอร์ไซด์วิ่งเข้าในเขตชุมชนในวันเสาร์อาทิตย์ เนื่องจากนักท่องเที่ยวเยอะ เราจึงได้เดินทางไกล เพื่อนโทรมาหา ได้ยินเสียงหอบ ยังแซวมาว่า มาเที่ยวหรือเข้าค่ายกันแน่เลย เลยบอกว่า เรามาเดินทางไกลกัน และแล้วเราก็ถึงที่พัก ซึ่งอยู่ไกลจากบ้านหลังอื่นพอสมควร เพื่อนๆยังคงห่วงเรื่องความปลอดภัยเนื่องจากมีแต่สาวๆสวยๆทั้งนั้น แต่ฉันคิดว่าดีแล้วเพราะชาวบ้านจะไม่ได้แตกตื่นในเสียงของพวกเรา มาห้าเสียงเหมือนคนยี่สิบเหมือนเจ้าของบ้านที่อัมพวาว่า ^_^ เราเริ่มสำรวจเข้าของในบ้าน ดูเหมือนว่าจะไม่ค่อยสะอาดเท่าที่ควรเนื่องจากว่าเจ้าของบ้านเป็นผู้ชาย คงไมค่อยได้ดูแลมากนัก ในบ้านมีห้องนอนสำหรับเราสามห้อง เต่พวกเราก็สมัครจที่จะนอนรวมกันที่ห้องโถงหน้าทีวีทั้งห้าคน จอมโวยวายกับฉันลงความเห็นว่าดีแล้วที่จอมเสียบไม่มา ไม่งั้นก็ติโน่นตินี่ไม่หยุดแน่นอน เราพักผ่อน กินขนมที่ซื้อมาก่อนจะที่เดินทางเข้าหมู่บ้านอีกรอบเพื่อซื้อของสำหรับตอนเย็น จอมโวยวายว่าทริปนี้ของมากินอย่างเดียว เนื่องจากว่าชวนเพื่อนลงเรือไม่สำเร็จ ชวนปั่นจัรยานก็แดดร้อน เรื่องปั่นจัรยานรอบเกาะนี่คงไม่เหมาะกับเราหรอก ไม่ชนคนอื่นหรอก จะชนกลุ่มเดียวกันมากกว่า แต่ละคนเซียนทั้งนั้น จากตอนที่ไปลพบุรีเห็นร้านโจ๊กซ้งแล้วให้จอมโวยวายและจอมจิกพาไปกิน มาคราวนี้ฉันจึงได้แนะนำว่าเคยดูร้านข้าวแช่ป้าแดงในทีวี จอมโวยวายสนใจพวกเราจึงได้ไปกินข้าวแช่กัน เรียกได้ว่าปากไม่ได้พักผ่อนกันเลยทีเดียว วันนี้ร้านป้าแดงไม่ค่อยมีคน คนเสริฟวันละอ่อนดูอารมณ์ไม่ค่อยดีนักนั่งจับกลุ่มที่ท่าน้ำ ลูกค้าเดินเข้ารานมา หน้าตาบอกบุญไม่รับ ทำเอาเจ้าจอมน้องใหม่อาร์ตตัวแม่ไม่ยอมสั่งอาหารเลย จอมโวยวายและจอมวางแผน สั่งข้าวแช่คนละชุด ส่วนจอมเบี้ยวสั่งผัดไทย ฉันเองไม่ค่อยชอบลองอาหารแปลกจึงได้สั่งข้าวผัดกะเพราหมูใส่หน่อกะลา รสชาติเข้มข้นดีแต่เค็มไปนิด ส่วนจอมเบี้ยวบอกว่าผัดไทยแพง อีกจอมวางแผนว่าอร่อยหอม ส่วนจอมโวยวายทำหน้าพิลึก ที่ร้านเตรียมวิธีการกินข้าวแช่ไว้ให้ลูกค้า แต่คงลืมสอนวิธีการต้อนรับลูกค้าให้กับพนักงาน เอ หรือว่าเราเข้าร้านผิดจังหวะน้อ เราเดินเล่นซื้อของกินของใช้อีกนิดหน่อย เราก็กลับเข้าที่พักกัน ขากลับซื้อของกันหนักมาก โชคดีที่เจอลุงเจ้าของบ้านปั่นจักรยานมา จอมบงการได้ที ขอยืมจักรยานมาปั่นใส่ของกลับบ้าน เจ้าของบ้านบอกจักรยานปั่นยาก แต่ไม่ยอมเดินหรอก เพื่อนๆก็ถือของหนัก จอมบงการเลยอาสาปั่นจักรยานพร้อมของกลับบ้าน แหม เกือบไม่รอดเลยเชียว ของหนักจักยานพัง ทั้งเบาะทั้งเบรค เรียกว่าขี่จักรยานวิบากเลยทีเดียว ทั้งหลบคน ทั้งหลบรถ ทั้งขึ้นสะพาน แต่แล้วก็ถึงที่พัก เราแยกย้ายกันทำภารกิจส่วนตัว นั่งทานของว่าง เรียกได้ว่า กินอีกแล้ว หลังจากที่ทำภารกิจเสร็จแล้ว ก็ถึงเวลาท่มหน้าตักดักปูปลากัน จอมเบี้ยวที่ว่าจะไม่มานั้น เตรียมเหรียญมาด้วย ^_^ ตอนเย็นจอมบงการไปซื้อแผงน้ำเต้าปูปลาและลูกมา ลุงคนขายอวยพรให้ได้เป็นหมื่นเป็นแสน "โห ลุงหนูมีงบยี่สิบ" ฉันเข้าครัวไปสำรวจว่ามีอะไรให้เรากินบ้าง กินอีกแล้ว จะหุงข้าว พบว่าหม้อหุงข้าวกดไม่ลง จึงต้องเอาทิชชู่ยัดไว้ จอมโวยวายไปเจอก็เล่นบทตามบทบาท โวยก่อนกลัวไฟไม่บ้าน เอาตะเกียบไปยัดแทน แต่ขอโทษครับท่าน ไม่เวิร์คเหมือนทิชชู่ของฉัน สรุปว่าหุงข้าวแล้วมาเตรียมอาหารป่าต่อ ได้ทั้ง เสือ น้ำเต้า เลยทีเดียว วันนี้ไม่ค่อยมีอาหารทะเล ทำเอาเครียดกันเป็นแถบ เล่นกันจนเพลิน ครู่ใหญ่ก็ได้กลิ่นไหม้ลอยมาจากในครัว "หม้อข้าวไหม้" จอมวางแผนรู้สึกตัวก่อนเพื่อน กระโจนเข้าครัวก่อนใคร พร้อมสำรวจความเรียบร้อย พร้อมถอดปลั๊ก เรียกได้ว่า ฮากระจายเลยงานนี้ อิอิ เจอพิษของทิชชู่เข้าไป แล้วเจอโวยวายก็เข้าครัวต้มไข่ให้พวกเราได้กิน ส่วนจอมเบี้ยวนั้นผัดมาม่าใส่ไข่ จอมวางแผนไปซื้อของ จอมบงการล้างจานเนื่องจากแย่งไข่ไม่สำเร็จ ^_^ อาหารมื้อพิเศษ ฝีมือคนพิเศษ อร่อยเป็นพิเศษเลยเชียว รับประทานอาหารเสร็จกะเปิดกิจการการกุศลเพื่อทุนการศึกษาของเจ้าจอมใหม่กัน เรียกได้ว่าลุ้นกันได้ทีเลย เล่นกันเสียงดัง จนนึกเกรงใจเพื่อนบ้าน หลังจากที่เราเพลาเสียงลง หมาก็เห่าขรม ฉันจึงต้องทำหน้าที่ยามลุกขึ้นมาดูเป็นระยะๆ บางคนกลัวผี ส่วนฉันกลัวตำรวจ เนื่องจากรู้เต็มอกว่าที่ทำมันไม่ถูก ผู้อ่านควรใช้วิจารณญาณในการอ่านด้วยนะคะ ^_^ เราเล่นกันสามคนเนื่องจากสองสาวหลับไปแล้ว เราจึงทำหน้าที่เฝ้ายาม รอดูบอลกัน จอมวางแผนหมดหน้าตักยี่สิบบาทก่อนใคร เราจึงต้องมีการจ้างเล่นเพื่อให้ถึงเวลาบอลมา พอถึงเวลาบอลมา เราก็เลิกเล่นกัน เตรียมดูบอล ก่อนนั้นยังแว้บเข้าครัวเพื่อหาอะไรกินกันต่อ โชคร้ายของเจ้าจอมใหม่ที่ไม่ได้กินต้มมาม่าเนื่องจากว่าฉันใช้เตาแก๊สแบบที่ต้องใช้ไฟจุดก่อนไม่เป็น เรียกว่าต้องนอนก่อนเวลาอันควรเลยทีเดียว พอถึงเวลาบอลมา ดูได้แป๊บเดียวก็ให้บอลดู เนื่องจากเพลียเต็มที่เดินกันทั้งวันเลย ม่อยหลับ ตื่นมาอีกที 1-1 จะต่อเวลา ก็เลยนอนต่อ หมาเลิกเห่าแต่ฝนเริ่มปรอยแล้ว ตีห้าครึ่ง คุณลุงก็มาปลุกให้ไปใส่บาตร เราใส่บาตรแบบพื้นบ้านกัน เอาข้าวสวยใส่ในขัน ใช้ทัพพีตก แทนที่จะตกเป็นชุดๆเหมือนที่เราใส่บาตรในเมือง ลุงมาเรียก ไม่ยอมมีใครตื่นสักคน มีฉันตื่นคนเดียว จึงปลุกจอมวางแผนปละจอมเบี้ยวด้วย ส่วนจอมโวยวายและเจ้าจอมใหม่ฝากอนุโมทนาแล้วนอนต่อสบายใจเฉิบ ใส่บาตรแล้ว เราก็ไปเดินเล่นกัน อากาศตอนเช้าๆดีทีเดียว มีอาหารให้เราซื้อไปกินตอนเช้าบ้างเล็กน้อย ที่ศาลาท่าน้ำจะมีเจ้าที่สี่ขานอนเฝ้าทุกศาลาเลยทีเดียว วันนี้ฉันมีจอมวางแผนเป็นนางแบบให้ นั่งดูน้ำ ดูเรือ เพลินดี ฆ่าเวลารอกับข้าวที่แม่ค้ายังเสร็จ ใส่บาตร ซื้อกับข้าวเสร็จเราก็กลับบ้านพักกัน จอมโวยวายโวยมาแต่ไกล ทำไมไปนาน ^_^ เราก็บอกเหตุผล พร้อมกับเตรียมอาหารเช้าทานกัน ส่วนเจ้าจอมน้องใหม่ ไม่ยอมตื่นมากินข้าวเลย โถ ชีหาทุนการศึกษาดึก ^_^ หลังจากที่เรากินเสร็จ ไม่มีใครสนใจท่องเที่ยวต่อสักคน มีแต่คนสนใจนอน อิอิ ยกเว้นจอมวางแผน สมัครใจคุยโทรศัพท์ ชีคุยโทรศัพท์หน้าบ้านเสียสละเป็นยามให้เราที่เปิดบ้านนอนกันเลย เราจะสำนึกในบุญคุณเธอกว่านี้ถ้าเธอไม่ปลุกเราทันทีหลังจากเธอเลิกคุยแล้ว ทั้งจอมโวยวายและจอมบงการรุมจอมวางแผนงานนี้ เรียกได้ว่าโวยเป็นชุดๆ ก็ไม่ยอมอาบน้ำก่อนค่อยปลุกนี่นา จอมวางแผนเธอตั้งใจจะปลุกให้มากินข้าวกันอีกรอบ แต่กลับถูกโวย เรียกว่าทำคุณบูชาโทษกันเลยทีเดียว เที่ยงตรงเราก็ได้ฤกษ์ออกจากบ้านพัก เราออกเดินทางกลับบ้านกันโดยกลับทางหมู่บ้านโอ่งอ่างทางเดิม ก่อนไปฉันก็ล้างจานทำลายหลักฐานหม้อข้าวไหม้ ^_^ ลาก่อนคุณลุงแจ็ค "หนูขอโทษ" เราก็ทานอาหารที่เกาะเกร็ดกันอีกมื้อ มื้อเที่ยงที่ร้านครัวสุรางค์ บ้านริมน้ำ ร้านนี้บรรยากาศดีกว่าร้านป้าแดง มีคุณตากับคุณยายเป็นพนักงานเสริฟ อัธยาศัยดี เราห้าคนอาหารห้าอย่าง จานใหญ่ๆทั้งนั้นเลย แต่เราก็รับมือไหวอยู่แล้ว อิอิ อาหารที่นี่ จอมเสียบและจอมโวยวายบอกว่ารสชาติดีใช้ได้ อย่าลืมไปชิมกันนะคะ อร่อยไม่อร่อยก็ดูเลยค่ะ และแล้ว เราก็แยกย้ายกันช้อปปิ้ง จุดหมายคือรอกันที่ท่าเรือ ฉันก็ได้ขนมมาฝากเพื่อนที่ทำงานและหมอนน่ารักใส่เครื่องหอมไว้ข้างในและก็กล่องใส่เครื่องประดับกลับบ้านไปด้วย ขนาดไม่ได้ซื้ออะไรมาก กระเป๋ายังขาดเลย จอมโวยวายบอกให้ซื้อใหม่ แต่ไม่ซื้อหรอก ซื้อแล้วก็ขาด แบบว่าชอบใส่ของเยอะเกินไป เรากลับมาที่เซ็นจูรี่กันอีกครั้ง จอมวางแผนเลี้ยงไอติมด้วย ลืมไปเลยว่าจอมวางแผนปลื้มมากกับของขวัญวันเกิดจากเพื่อนๆ ทั้งต่างหู กำไลและกระเป๋า ของโปรดคุณนายทั้งนั้นเลย เราว่าจะไปกินก๋วยเตี๋ยวเรือกันต่อ แต่จอมโวยวายและจอมวางแผนบอกไม่ไหวแล้ว ท้องใส่อะไรไม่ได้แล้ว เราเลยแยกย้ายกันกลับบ้าน เดินผ่านร้านดอกหญ้าแล้วคิดถึงเจ้าจอมเสียบ เลยถ่ายรูปมาฝากสักหน่อยค่ะ ที่นี่ไงที่เราได้พบกันครั้งแรก แหล่งนัดพบของเรา ฉันกลับถึงบ้านตอนทุ่มครึ่ง เกือบนั่งรถเลยแล้วถ้าจอมวางแผนไม่โทรมาถามว่าถึงหรือยัง ก็คงเลยแน่ๆ ถึงบ้านพอดี จอมโวยวายก็โทรมาถามว่าถึงหรือยัง เธอเพิ่งถึงบ้าน เวลาหลังจากที่เราแยกย้ายมักจะเป็นเช่นนี้เสมอ ขอบคุณมิตรภาพอันอบอุ่นที่เรามอบให้กันเสมอ สนุกสนานเสมอที่ได้เจอกัน สำหรับฉันแล้ว จะไปที่ไหนไม่สำคัญ สำคัญตรงที่ไปกับใครมากกว่า ไปคราวนี้ เดินเหนื่อยแต่ก็สนุกมาๆ เสียงหัวเราะตอนข้าวไหม้ยังคงก้องในหูอยู่เลย ไว้พบกันใหม่นะ มีหน่อกะลามาฝากเพื่อนๆทุกคนค่ะ