28 พฤศจิกายน 2547 02:32 น.
คุณภูมิ
ภุชงคประยาตรฉันท์ ๑๒
ตะวันชายจะบ่ายคล้อย วิหคน้อยจะคืนรัง
ประดาเสียงประชันดัง เสนาะก้องนภาพราย
ผิว์หมายมองจะจ้องดู จะเห็นหมู่วิหคหลาย
จะพร้อมเพรียงจะเรียงราย จะบินพรากจะจากกัน
ตะโกนลั่นสนั่นก้อง ตะโกนร้องเกษมสันต์
เสวยสุขสนุกพลัน ฤดีปลื้มสุเปรมปรีดิ์
เสมอเพื่อนเสมือนมิตร สมานจิตรสนิทดี
สมานรักสมัครพลี ทวีสุขสนุกใจ
มนุษย์เราจะเอาอย่าง วิหคบ้างจะเป็นไร?
ประกอบกิจชนิดใด สมานรักสมัคคี
จะรวมหมู่จะชูช่วย จะร่วมด้วยมิถอยหนี
สกัดทุกข์สนุกพลี ประกอบกิจพินิจผล
จะแบ่งสันจะปันส่วน มิคิดล้วนประโยชน์ตน
จะชูช่วยจะอวยผล เฉลียวทั่วมิมัวหมอง
ณ หมู่ใดมิพร้อมพรรค มิร่วมรักและปรองดอง
พิบัติภัยจะได้ครอง สลายแยกจะแตกพลัน
ฉะนั้นไซร้จะใคร่ชวน มนุษย์มวลเพราะเพรียงกัน
และพร้อมพรรคสมัครมั่น สโมสรสมาคม
นิยมไว้ ณ ธรรมนี้ สมัคคีและเกลียวกลม
ประพฤติดั่งวิหคสม ลิขิตฉันท์ประพันธ์เทอญ
26 พฤศจิกายน 2547 15:06 น.
คุณภูมิ
กลบทเบญจรงค์ห้าสี
ร้อนรุ่มเร่าร้าวรวด...ปวดกายก่อ
โน่นนั่นหนอนี่น้ำ...มัน มันแพงแสน
หลบหลีกลี้ลอบลัก...ชักขาดแคลน
คนคับแค้นเครียดคัด...นะรัฐไทย
ฝอยฝนฝัดฝากฝั่ง...คลุ้มคลั่งฝาย
คูคลองคล้ายคดคุ้ง...ท่วมทุ่งไถ
พัดพังพรากพืชพันธุ์...ทรัพย์บรรลัย
ชนชั้นใช่ชาติเชื้อ...บ่นเบื่อคุณ
จงใจแจกแจ้งจิต...คือพิษร้าย
มองเมียงหมายมอบมัด...เงินรัฐหมุน
สร้างเสียงสืบส่อสาน...คล้ายทานบุญ
เตรียมตักตุนต่อแต้ม...แย้มกลโกง
ชักชวนเชิญชี้ชัด...กำจัดแหลก
ปกป้องแปลกปลายปืน...ยื่นตายโหง
ข้าขุนเขื่องขืนขัด...ยัดเข้าโลง
ยอดใยโยงหยาบหยาม...กาม โกง กิน
กลมเกลียวโกงเกริกไกร...ในทุกหน
ชาติชั่วชนชอนไช...ไทยทั้งสิ้น
ราษฎร์ร่ำร้องเร่าร้อน...นอนกลางดิน
ยังยลยินยากอยู่...หรือผู้นำ
สื่อสารเสาะสืบสวน...ล้วนการหลอก
เบี่ยงเบนบอกเบิกบุก...ทุกฉนำ
ว้าวุ่นวายเวียงวัด...รัฐสร้างกรรม
ทุกข์ทัณฑ์ทำทั่วไทย...บอกให้เอย ฯ
คุณภูมิ
วังผักกาด,๒๕๔๖
26 พฤศจิกายน 2547 07:08 น.
คุณภูมิ
มีตำนานเก่าเก่า, เล่าว่า
ณ เวิ้งน้ำเวิ้งฟ้า-คุ้งน้ำเขียว
มีนกขาวว่ายฟ้าฟ้อนปีกเรียว
โฉบท่องบินเที่ยว อย่างเป็นไท
ลิบลิบแหล่งนั้น-ที่ไกลโน้น
คลื่นฟาดตัวโยนเป็นเกล็ดใส
ผู้กล้าก่อนเก่าเคยบุกไป
บอกว่า-คลื่นใหญ่นั่นเหมือนยักษ์
เหมือนดังปราการ-เหมือนด่านน้ำ-
เหมือนด่านลม, ที่คร้ามเมื่อประจักษ์
แต่งามนกฟ้านั้น-ก็งามนัก
คือเสน่ห์ดึงชักให้ไปชม
จึงผู้กล้าก่อนเก่าเมื่อปรากฏ
ด่านคลื่นลมทั้งหมดก็เกินข่ม
เพียงกางใบสำเภา ผูกช่อปม
ท่านก็ฝ่าคลื่นลม-ออกทะเล ฯ
คุณภูมิ
อันดามัน,๒๕๔๖
26 พฤศจิกายน 2547 04:40 น.
คุณภูมิ
ธวัชสะบัดโบก วรโชคประชุมชัย
ติรงค์สะบัดไหว ศุภพพลิ้วและปลิวงาม
เพราะสัญลักษณ์มี คติสีจะบ่งความ
ดิลกดิเรกราม สุรกล้าประชากร
ดรุณและรุ่นเยาว์ ฐิตเข้า ณ แถวตอน
ประเทศไผทฯ ธร จิตเพ่งและเปล่งเสียง
จรุงผดุงด้าว มนน้าวเพราะพร้อมเพรียง
พิรัชจรัสเรียง กถซ้องระบือบิล
พระศาสน์ประกาศคำ วรธรรมประจำจินต์
ประชาผคมคิน นิติธรรมจรรยา
กษัตริ์ย์วิเศษสิฏฐ์ ทศพิธราชา
ธ มั่นเผดิมมา ปณิธานสถิตคง
...จะครองพสุธนำ ยุติธรรมประโยชน์ยง
สุขาปริดิ์เปรมพงษ์ มหชนสยามขวัญ...
อโห!เพราะนี่เหตุ ลุประเทศประสบสันต์
วิกรมวิไกวัล ทยชาติพิบูลย์เพ็ญ
ประหนึ่งบุรีสรวง นรปวงบ่ ทุกข์เข็ญ
ปะสุขและร่มเย็น พจิเพรียกประเทศไทย
ก็โลกสิร้อนรุ่ม ดุจรุมประหนึ่งไฟ
สยามมิเป็นไร เพราะกษัตริย์พระทรงบุญ
ประชาประชุมชน ตริกมลระลึกคุณ
พระเปี่ยมพระการุญ มนเทิดและภักดี
คุณภูมิ
อุทยานแห่งชาติรามคำแหง,๒๕๔๔
26 พฤศจิกายน 2547 01:00 น.
คุณภูมิ
ธรรม-ชาติบรรสานใจกู หนึ่ง
เป็นเถิดดาวก่องฟ้า ปักษ์แรม
เพียงส่องเพียงทอฉาย แก่พื้น
เป็นเถิดกลีบสุมาลย์แซม สีสาด
เพียงแต่งโลกให้ชื้น แก่ตา ฯ
เป็นเถิดเม็ดน้ำค้าง ก่องพราว
เอื้อร่างร่วง โรยพนา เท่านั้น
เป็นเถิดเศษเมฆขาว ฟายฟ่อง
เพียงเก็บน้ำไว้คั้น แก่คน ฯ
ธรรม-ชาติบรรสานใจกู สอง
เป็นเถิดเยี่ยงซับน้ำ อาบไพร
ไป่พบผู้ยินยล สักน้อย
ถมร่าง ณ แดนไกล หวังก่อ
คือก่อแม่น้ำย้อย แตกยวง ฯ
เป็นเถิดเม็ดน้ำน้อย แต่งทะเล
รองรับสรรพสิ่งปวง เพื่อสร้าง
เอื้อร่างดั่งหนึ่งเปล แกว่งเด็ก
เร้นชอบไป่รู้อ้าง แบ่งบุญ ฯ
ธรรม-ชาติบรรสานใจกู สาม
เป็นเถิดเกร็ดหมอกฟ้า เวี่ยระบาย
เพียงแต่งเพียงเจือจุน ร่างรุ้ง
ฝนซา-ตะวันฉาย ก็สร่าง
ไป่ครอบครองโค้งคุ้ง คคนานต์ ฯ
เป็นเถิดเพียงดอกหญ้า ไร้นาม
บานแต่งทุ่งแต่งลาน เท่านั้น
เอื้อตาแก่คนยาม เมื่อยาก
ไร้ศักดิ์ไร้ค่าชั้น ค่าลวง ฯ
ธรรม-ชาติบรรสานใจกู สี่
เป็นเถิดเสียงนกร้อง ยามงาย
เพียงร่วมปลุกสิ่งปวง ตื่นฟื้น
เพียงขานรับตะวันสาย อันส่อง
อันส่องเอื้อให้พื้น เบิกระบำ ฯ
เป็นเถิดจั๊กจั่นน้อย เรไร
กรีดปีกเพื่อเริงรำ กล่อมหล้า
ขานเพลงแห่งดวงใจ ธรรมชาติ
ให้สรรพสิ่งใต้ฟ้า ฝึกยิน ฯ
ธรรม-ชาติบรรสานใจกู ห้า
เป็นเถิดลมล่องน้ำ ในวาร
เพียงโบกปีกนกบิน ท่องฟ้า
เพียงอยู่คู่เคียงกาล อันผลัด
อันผลัดมาเอื้อหล้า ก่อคุณ ฯ
เป็นเถิดแสงหิ่งห้อย พริบวาว
กระจิริด ดั่งจุล จ่อแต้ม
กาฬปักษ์จึ่งรู้พราว วิบพร่าง
ไป่แข่ง-เพียงเยื้อนแย้ม ช่วยดาว ฯ
ธรรม-ชาติบรรสานใจกู หก
เป็นเถิดกรวดกึ่งก้อน ถมทาง
ร่วมก่อหนทางยาว เที่ยงแท้
หยัดอุทิศตนวาง ใจวาด
ใจวาดแจ่มจ้าแม้ ทุกข์ทน ฯ
เป็นเถิดไม้ใหญ่น้อย ในภู
ชอนรากยึดเมทะนีดล มั่นไว้
เก็บน้ำซ่อนอักขู ในป่า
เพียงเพื่อเมื่อแล้งใช้ แจกเมือง ฯ
ธรรม-ชาติบรรสานใจกู เจ็ด
เป็นเถิดดั่งดักแด้ เดียวดาย
กินเศษไม้ไป่เปลือง เปล่าปลี้
แต่แต่งโลกให้พราย สีสด
คือปีกผีเสื้อที่ แต่งตา ฯ
เป็นเถิดเพียงเศษปล้อง ไผ่ซาง
ทำขลุ่ยกล่อมคนอา- เทวษไหม้
ไป่งามเลิศสำอาง ดั่งหยก
แต่แต่งเสียงพริ้งได้ ดุจกัน ฯ
ธรรม-ชาติบรรสานใจกู แปด
เป็นเถิดดั่งแท่งไต้ ส่องทาง
ไร้ค่าเมื่อตาวัน ส่องสร้าน
เมื่อมืดจึ่งรางชาง เปลวเด่น
สาดส่องแสงจ้าจ้าน แก่คน ฯ
เป็นเถิดดั่งร่องน้ำ รางธาร
ไหลอาบไปทุกหน แห่งพื้น
ให้สรรพสิ่งบรรสาน ลงสู่
เพื่อแต่งโลกให้ชื้น ชุ่มวาว ฯ
ธรรม-ชาติบรรสานใจกู เก้า
เป็นเถิดจันทร์แหว่งเสี้ยว คืนแรม
รวมแผ่นฟ้าร่วมดาว เพื่อเอื้อ
เพื่อเอื้อค่ำสว่างแปม ปนมืด
เพื่อกล่อมคนร้อนเรื้อ กลับเย็น ฯ
เป็นเถิดดั่งเหล็กกล้า ในไฟ
หลอมร่างแปรตนเป็น เครื่องใช้
แข็งแต่อ่อนอยู่ใน ความนิ่ง
ให้ทื่อ-คม คล้ายคล้าย ดั่งกัน ฯ
ธรรม-ชาติบรรสานใจกู สิบ
จง-เกลาจิตเพื่อแจ้ง โดยตน
รู้-เหตุรู้สิ่งอัน จิตรู้
เถิด-เพื่อดิ่งในหน อันถูก
ว่า-ชีพมีเพื่อกู้ ศักดิ์คน ฯ
ธรรม-คือทางแต่งแล้ว โดยธรรม
ชาติ-ภพเป็นเพียงผล ประจักษ์ใกล้
เป็น-คนหากมืดดำ ในจิต
กวี-ภพจักแจ้งได้ ไป่มี ฯ
คุณภูมิ
ภูสอยดาว,๒๕๔๗