27 พฤษภาคม 2551 09:03 น.
คุณนกตะวัน
ที่ราบลุ่มชุ่มน้ำฉ่ำเพราะฝน
กว้างใหญ่ล้นเหลือคณามหาศาล
คืออู่ข้าวชาวไทยไปชั่วกาล
ทุกสถานสีเขียวลดเลี้ยวไกล
ทั้งแม่น้ำลำคลองหนองบึงมาก
ไม่ลำบากหากินแม้ถิ่นไหน
ใช้ทำนามานานดำหว่านไป
ทุกแห่งไม่หมดน้ำฉ่ำทั้งปี
เชิญผู้คนล้นไหลเข้าไปหา
ตั้งอาณาจักรไทยให้สุขี
กรุงศรีอยุธยาราชธานี
อดีตบุรีรุ่งเรืองลือเลื่องไกล
สร้างกรุงเทพฯ นครหลวงของปวงชน
ยิ่งใหญ่ล้นล้ำหน้ากว่าเมืองไหน
ศูนย์กลางประเทศวิเศษแท้แด่ชาติไทย
ที่ราบใหญ่กว้างขวางกลางแหลมทอง
27 พฤษภาคม 2551 08:58 น.
คุณนกตะวัน
ฝนกระหน่ำฉ่ำฟ้าฝ่าแดดใส
ต้นไม้ไกวกิ่งแกว่งแข่งสายฝน
พายุพัดซัดหนักยากจักทน
ทั่วทุกหนเปียกลื่นชื้นพงพี
เต็นท์ผ้าใบใหญ่น้อยพลอยชอกช้ำ
สายฝนทำแทบทรุดเคลื่อนหลุดหนี
พื้นเต็นท์ผองนองน้ำล้ำวารี
ดั่งชลธีไหลบ่าไม่น่ามอง
เสื้อผ้าวางกลางเต็นท์เห็นชุ่มน้ำ
เปียกจนฉ่ำแฉะพื้นชื้นข้าวของ
ดั่งบ่อพักกักไว้ใส่น้ำนอง
ปลาเห็นต้องตะกายหามาเต็นท์เรา
แต่พฤกษ์ไพรในป่าพาชุ่มฉ่ำ
เลิกชอกช้ำแห้งแล้งทุกแห่งเขา
ลำห้วยฉ่ำน้ำมากบากไม่เบา
ชุบป่าเขาสร้างชีวิตลิขิตไพร
27 พฤษภาคม 2551 08:54 น.
คุณนกตะวัน
อากาศร้อนตอนใดไม่เคยลด
ขั้วโลกหดน้ำแข็งหายละลายไหล
ทะเลเพิ่มเติมน้ำล้ำเกินไป
พายุใหญ่ยังมากลำบากทน
จงช่วยปลดลดเชื้อเพลิงอย่าเหลิงใช้
เปรียบดั่งไฟสุมขอนร้อนทุกหน
ลดไฟฟ้าถ้าทำประจำทุกคน
ไม่ต้องบ่นบ้านร้อนนอนสบาย
หยุดหักร้างถางป่าพาน้ำแห้ง
หากดินแล้งร้อนมากยากลดหาย
ถ้าโลกร้อนตะลอนไปแม้ไม่ตาย
เราคงหน่ายเหนื่อยชีวิตลิขิตมา
ปลูกต้นไม้ให้มากไม่ยากยิ่ง
แต่คือสิ่งควรทำย้ำนักหนา
ช่วยลดร้อนก่อนใครให้นำพา
สร้างโลการ่มเย็นเป็นสุขใจ
27 พฤษภาคม 2551 08:46 น.
คุณนกตะวัน
เห็นมะปรางวางไว้ในชามแก้ว
ส้มเพริศแพร้วเฉิดฉันช่างสรรหา
เปลือกเนียนนุ่มหุ้มเนื้อเหลือคณา
สวยนักหนาปรางทองเมื่อมองเมียง
ครั้นถูกปอกลอกเหลือเนื้อทั้งหมด
ชิ้นไม่คดพอคำฝานเฉือนเฉียง
หากลองลิ้มชิมเล่นคงเอนเอียง
แล้วคงเลี่ยงเลิกอดงดผลใด
เปรียบปรางทองน้องเจ้าเฝ้าแหนห่วง
ไม่เคยล่วงล้ำลูบจูบแก้มใส
ด้วยแสนงามยามมองจ้องในใจ
น่าพิสมัยปรางเจ้าพี่เฝ้าชม
อยากใคร่ลิ้มชิมปรางสองข้างน้อง
เพียงเผลอมองทุกครั้งนั่งสุขสม
สวยกว่าปรางข้างแก้วไม่แคล้วชม
แก้มนวลส้มเลือดฝาดบาดหัวใจ
27 พฤษภาคม 2551 08:43 น.
คุณนกตะวัน
จักจั่นแจ้วแว่วฟังดังหวีดหวาด
เหมือนจะขาดใจตายคล้ายโศกศัลย์
ครวญเสียงเพลงบรรเลงร้องก้องไพรวัลย์
สะกดฉันให้เคลิ้มเติมอารมณ์
เสียงช่างเศร้าเคล้าลมพัดข่มหา
ฟังชินชาช้ำนักรักไม่สม
คงเกาะรอง้อคู่อยู่จนตรม
แสนระบมร้องไปไร้ชีวา
ชวนพฤกษามาเศร้าเคล้าความช้ำ
เป็นเวรกรรมของใครใคร่ค้นหา
หรือเพราะฉันนั้นเหงาเศร้าเรื่อยมา
ฟังทุกคราครวญซ้ำช้ำทุกที
แมลงน้อยคอยร้องก้องพฤกษา
รอเรื่อยมาคู่ครองจนหมองศรี
เปรียบเหมือนเราเศร้าใจได้ทั้งปี
คนรักหนีหลีกจากไม่อยากเจอ