15 เมษายน 2554 14:34 น.

ช้ำใจช้ำยังย้ำใจไม่หนำพอ เจ็บใจหนอยังเจ็บช้ำไม่หนำใจ

คืนแรมสามค่ำหน้าร้อน






  ช่วยอ่านกลอนก่อนจะไปได้หรือเปล่า

อีกสักคราวสักครั้งยังจะขอ

ช้ำใจช้ำยังย้ำใจไม่หนำพอ

เจ็บใจหนอยังเจ็บช้ำไม่หนำใจ


  จะไม่กล่าวลาก่อนตอนลาจาก

น้ำตาพรากไหลพรั่งให้หลั่งไหล

จะไม่วอนวาจาว่าอย่าไป

เจ็บเพียงใดให้เจ็บเลยเพื่อเคยชิน


  ..คำลาในวันนี้ไม่มีให้

ก็เพราะใจไม่แข็งแรงเป็นแท่งหิน

ยิ่งน้ำตาล้านล้านหยดมารดริน

มันล้างสิ้นกำลังใจที่ใช้ยืน


  ทรุดลงกองกับสองเข่าเศร้าที่สุด

ฝืนจะยุดยั้งไว้ ไม่อาจฝืน

..กลืนกล้ำระกำไหม้ใจกล้ำกลืน

ทอดสะท้อนถอนสะอื้นกลืนน้ำตา


  นานเพียงไหนจึงนับได้ว่าแสนนาน

แค่เพียงผ่านนาทีเร้นไม่เห็นหน้า

นั่นก็นานเกินไปแล้วแก้วกานดา

แล้วการลา จะเทียบเช่นเป็นกี่นาน


  ไกลเพียงใดจึงนับได้ว่าไกลกัน

ไม่จับมือเท่านั้นก็พลุ่งพล่าน

ห่างเกินกอดก็คือไกลจนใจราน

แล้วจากบ้าน จากพี่ จะกี่ไกล


  ช่วยอ่านกลอนก่อนจะไปได้หรือเปล่า

คนใจร้าวเขาเพียงขอพออาศัย

ก่อนจำพรากเพียงฝากคำ ให้จำไป

เธอจะจำเขาได้ไหม ไม่จำเป็น



				
15 เมษายน 2554 13:11 น.

พลังของถ้อยความ

คืนแรมสามค่ำหน้าร้อน

ดู VDO clip เรื่อง the power of words ใน youtube แล้วเกิดแรงบันดาลใจ

จะลองไปดู clip ก่อนอ่านกลอน ก็ได้นะครับ   น่าจะได้อรรถรสดีกว่า

ตาม link นี้ไปเลยครับ

http://www.youtube.com/watch?v=Hzgzim5m7oU




  ลุงตาบอดนั่งขอทานมานานช้า

เขียนป้ายว่า "ตาบอดใสมองไม่เห็น

ช่วยสงสารให้ทานให้คลายลำเค็ญ

แล้วจะเป็นบุญส่งท่าน สวรรค์รอ"


  สาวนักเขียนเดินผ่านขอทานเฒ่า

เห็นจับเจ่านั่งเงียบกระจ๋อหงอ

เงินจะซื้อข้าวประทังยังไม่พอ

เห็นแล้วก็สงสารขอทานครัน


  หยิบป้ายย้ายปากกามาเขียนป้าย

แล้วก็ย้ายมาตั้งหน้าขอทานนั่น

ลุงสงสัยว่าเสียงอะไรกัน

สาวบอกฉันเขียนป้ายใหม่ให้กับลุง


  ไม่นานเกินคนเดินมาผ่านป้าย

นิ่งไม่ได้หยอดตังค์ดังกรุ๋งกรุ๋ง

หยอดไม่หยุดเสียงดังนัวนังนุง

ลุงสะดุ้งแปลกใจในเหตุการณ์


  ตอนเย็นสาวเลิกงานเดินผ่านหน้า

แวะถามว่าเป็นไงบ้างอย่างเสียงหวาน

ลุงขอบอกขอบใจ ให้นงคราญ

แล้วก็วานให้บอกความตามป้ายมา


  สาวบอกคำที่เขียนให้ไม่ช้าเฉย

ว่า " โลกนี้สวยจังเลย ทรงคุณค่า

เสียดายแต่แค่ฉันนี้ไม่มีตา

จะมองหามองเห็นว่าโลกงาม" 


  เรื่องคำ ความ สอนใจให้ฉุกคิด

คำเพียงนิด อำนาจกล้าน่าเกรงขาม

จะสื่อสารอันใดไปก็ตาม

อย่ามองข้ามพลังคำจำใส่ใจ
 

				
14 เมษายน 2554 23:32 น.

สงกรานต์ คนไกลบ้าน

คืนแรมสามค่ำหน้าร้อน





  คนไกลบ้าน จากบ้านมานานมาก

ได้แต่ฝากดวงใจส่งไปบ้าน

นานเกินไปจนใจล้าเวลานาน

ทุกข์ระรานผลาญใจไม่เว้นวัน


  ฟังเพลงคิดถึงบ้านมานานมาก

และยังอยากฟังใหม่แม้ในฝัน

กี่บรรเทาก็ไม่เท่าไม่เทียมทัน

เท่ากับบรรยากาศบ้านสำราญใจ


  คนไกลบ้านสงกรานต์แห้งแล้งในจิต

ได้แค่คิดพร่ำเพ้อเพียงเผลอไผล

ไกลแค่ไหน ใจโทรมทรุดด้วยสุดไกล

อยากกลับไปสู่บ้านสงกรานต์นี้


  จะกราบเท้าแม่พ่อขอพรท่าน

จะโรมรันเล่นประลองกับน้องพี่

จะสนุกสุขสนานหลานมากมี

อยู่ในที่ ที่เรียกขานว่าบ้านเรา


  จะไม่เอาน้ำประปาแตะหน้าผาก

แล้วเอ่ยปากบอกตัวว่าอย่าเพิ่งเหงา

ปีหน้าอาจได้กลับบ้านสำราญเนา

แล้วก็เศร้าเหงาส่งวันสงกรานต์






เนา = อยู่				
5 เมษายน 2554 09:07 น.

ดั่งบินร่อนอ่อนแรงในแสงจันทร์

คืนแรมสามค่ำหน้าร้อน





.. นี่แหละคนเขียนกลอนผู้อ่อนไหว

เพียงลมกวัดกิ่งไม้ไกวก็ใจอ่อน

ใจร้าวรวดยังซวดเซพเนจร

ดั่งบินร่อนอ่อนแรงในแสงจันทร์


  เคยวาดหวัง มีคู่เคียงเผดียงหวัง

กระซิบสั่งฟังสำเนียงเสียงสุขสันต์

ให้กายใกล้ ให้ก้อยเกี่ยวก้อยเดียวกัน

ใกล้แค่นั้น.. มันช่างไกลจนใจราน


  เห็นใครที่เขามีรักสมัครสุข

ไม่มีทุกข์เมื่อรักสมานสาน

ส่วนเราแสนเก่งกาจวาดวิมาน

ที่แสนหวาน อยู่ในที่ไม่มีจริง


  คนช่างฝันก็สุขแต่แค่ในฝัน

สรวงสวรรค์หลอกฤดีดังผีสิง

หลอกว่าใจจะได้มีที่พักพิง

แต่ก็ทิ้งให้แสนเศร้าเฝ้าตราตรึง


  กอดได้แต่แค่ในฝันมันไม่อุ่น

อยากกอดคนเคยคุ้นที่คิดถึง

บอกรักได้แต่ในฝันมันไม่ซึ้ง

ร่ำรำพึงรำพันเหงาเฝ้าเขียนกลอน


  .. นี่แหละคนเขียนกลอนผู้อ่อนไหว

เพียงลมกวัดกิ่งไม้ไกวก็ใจอ่อน

ใจร้าวรวดยังซวดเซพเนจร

ดั่งบินร่อนอ่อนแรงในแสงจันทร์.. 


				
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟคืนแรมสามค่ำหน้าร้อน
Lovings  คืนแรมสามค่ำหน้าร้อน เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟคืนแรมสามค่ำหน้าร้อน
Lovings  คืนแรมสามค่ำหน้าร้อน เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟคืนแรมสามค่ำหน้าร้อน
Lovings  คืนแรมสามค่ำหน้าร้อน เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงคืนแรมสามค่ำหน้าร้อน