2 มิถุนายน 2552 03:25 น.
คืนแรมสามค่ำหน้าร้อน
อ่านคำกลอน "กรอง ใจหม่น" ของ คนกุลา
เป็นฉันทลักษณ์จากเพลงโบราณ
แล้วนึกสนุก ก็เลยลองเอามาขยับเป็นกลอนแปดเล่นๆดูครับ
อ่านฉบับ original ได้ที่ "กรอง ใจหม่น" ก่อนนะครับ
ลา...จากไป ใจอาวรณ์ตอนจากลา
เมื่อต้องมาถึงละครตอนสุดท้าย
ใยจึงต้องไหม้หม่นหมองร้องฟูมฟาย
ที่สุดท้ายปลายทางระหว่างกาล
เจ็บ...ก็จำ เก็บกอบช้ำจำต้องเจ็บ
คอยกอบเก็บดวงใจร้าวราวเพลิงผลาญ
หวังจะผ่านคืนนี้ได้ ในไม่นาน
ดับใจราญ ผ่านม่านฟ้าคราฝนพรำ
หม่น...จนหมองใครมองดูก็รู้ ..หม่น
เมื่อใจตนยังวนเวียนเพียรย้ำย่ำ
มองรอบฟ้าคราใจทรุด สุดมืดดำ
คืนย่ำค่ำ ต้องย้ำใจให้ยิ่งทน
ห่วง...หนักหนา สุดอุราว่าแสนห่วง
เหมือนติดบ่วงมายาฝ่าดอกฝน
หลั่งทั่วหล้าทิวทั่วฟ้า มาให้ยล
ชื่นกมล คล้ายถึงคราวจะกล่าวลา
กลัว...ก็กลัวแก่ใจว่า ช่างน่ากลัว
ไหวระรัวหัวใจละลังละล้า
ยามเมื่อรักเจ้าทักทายหัวใจมา
ก็พบว่า เพ้อแพ้พ่ายเพียงดายเดียว
จบ...ก็คงไม่อาจยุด ต้องสุดจบ
อย่าไปรบกวนใจ เขาไม่เกี่ยว
ทำใจยากแสนลำบากยากจริงเจียว
สุดจะเหลียวเกี่ยวใครมารักษาใจ
1 มิถุนายน 2552 12:17 น.
คืนแรมสามค่ำหน้าร้อน
จากภาพสะท้อน ของแผ่นฟ้าบนแผ่นน้ำ
-- มันดูเหมือนโลกไร้แผ่นดิน
มีเส้นเดียวบางๆขีดอยู่
อย่าลบออกได้ไหม
โลกจะได้มีแผ่นดิน
.. มีขอบฟ้า
ไกล แต่ คือมีแผ่นดิน
1 มิถุนายน 2552 12:14 น.
คืนแรมสามค่ำหน้าร้อน
.. จะจากไปแล้ว..
คำนี้ยังบาดใจกว่า ..จากไปแล้ว.. อีก
-- จากไปแล้ว.. ยังมีความคิดถึงเป็นรางวัล
ยังมีหวังว่าวินาทีจะดีขึ้น
ด้วยความหวัง จะได้พบหน้า
เหมือนฉันใกล้เธอเข้าไปทุกที
.. จะจากไปแล้ว.. มีแต่ความอาลัย
ความอาลัยที่วินาทีมีแต่จะร้ายขึ้น
ยังมีเธอมีฉัน แต่มีการจากลา คั่นกลางให้ห่างกัน
1 มิถุนายน 2552 12:10 น.
คืนแรมสามค่ำหน้าร้อน
ชวนสหายรายล้อมอ้อมทำวง
มุ่งประสงค์จิบน้ำจัณฑ์กลาง วันร้อน
แสงตะวันส่องจ้า ไม่อาทร
ใครมาก่อนดื่มก่อนให้ร้อนคลาย
เจ้านายโผล่หน้าเข้ามาเห็น
โกรธจนเต้นเอ็นคอขึ้นเป็นสาย
ด่าป่น จนเป็นจุณ ดูวุ่นวาย
"นี่เพิ่งบ่าย ไว้ห้าโมงค่อยก๊งไม่ว่า"
เพื่อนตาฉ่ำ ตอบคำทำหน้าเป็น
ใจเย็นๆเจ้านาย เดี๋ยวขายหน้า
ค่อยยกมือขึ้นมองนาฬิกา
เจ้านายจ๋า ห้าโมงแล้ว ..ทีไหนสักแห่ง