26 มิถุนายน 2552 13:37 น.
คืนแรมสามค่ำหน้าร้อน
(ที่ผ่านมาลงกลอนขำเยอะ เดี๋ยวจะลืมเขียนกลอนช้ำ
ขอขยับซักกะหน่อยนะครับ)
อีกครั้ง และอีกครั้ง ต้องผิดหวังมาทุกข์หนัก
รักใครเขาไม่รัก อีกครั้งแล้ว ..อีกครั้ง
...
เจ็บเท่าไหร่ ใจเจ้ากรรมไม่หนำใจ
ยินยอมให้เขากระทำช้ำผิดหวัง
ยับยั้งใจไม่ได้เลย ไม่เคยฟัง
คงต้องหลั่งแต่น้ำตา กว่าสิ้นกัน
แต่อย่างไรก็ต้องตอบ ขอบใจเธอ
มาสอนใจให้ละเมอเพ้อใฝ่ฝัน
หวังครองเคียงปานว่าอาทิตย์-จันทร์
แท้จริงนั้น ฝันกลับร้ายกลายกลับไป
ขอบคุณ ซึ่งความหวังในครั้งนี้
ได้ฝันดี ก่อนใจมอดและบอดใบ้
มีตาแต่ไม่รู้เห็นเป็นเช่นไร
มองไม่รู้ ..เขามีใจหรือไม่มี
แค่เขาฝันให้ฟังก็หวังหนัก
เชื่อในรัก เชื่อในฝันนั่นโน่นนี่
เลยไม่เปิดตาหูดูให้ดี
ที่ว่ามี มีกับใครไม่ใช่เรา
จะอยู่แต่ในราตรี ต่อนี้ไป
อิงอาศัยในเงาดำความเงียบเหงา
เพื่อซ่อมใจที่ทะลุให้ทุเลา
ขอจับเจ่า เจ็บอีกครั้ง และอีกครั้ง
22 มิถุนายน 2552 10:54 น.
คืนแรมสามค่ำหน้าร้อน
ความเดิมตอนที่แล้ว..
ผมเขียนกลอน เจ็บใจ ฯ
ภาสุรีย์ เขามาเหน็บมาว่าหลายใจหรือ จึงเจ็บอยู่ได้วันยังค่ำ
(ตามไปอ่านได้ในกลอน เจ็บใจ มิใช่เจ็บใจเธอไม่รักฯ )
ทนไม่ด้ายยยย.. เลยตอบไป แต่ยกมาไว้ให้อ่านกันนะครับ
หากรักกันไม่ได้ก็ไม่ว่า..
ใยต้องมาเอ่ยน้ำคำนำเชือดเฉือน
เจ็บน้ำใจเธอตอกตำเฝ้าย้ำเตือน
ว่ากล่นเกลื่อน คนทำร้ายหัวใจเรา
หากรักกันไม่ได้ก็ไม่สน
คนหนึ่งคน หนึ่งใจนี้ไม่มีเหงา
เขียนกลอนกรีดใจตนเล่นเช่นคนเมา
ฆ่าความเศร้าด้วยความเจ็บ เก็บไว้เอง
ใครไม่เคยก็คงจะสงสัย
มีหรือใจเกิดเพื่อล้ม เขาข่มเหง
เหมือนเป็นพื้นให้คนย่ำเทียวยำเยง
ร่ายบรรเลงเพลงเศร้า เหงาทุกวัน
รักใครๆหมดใจเขาไม่รัก
แสนทุกข์หนักตกในหัวใจฉัน
เศร้ามานานปานนี้ทุกวี่วัน
.. แล้วก็พลันมีคนหาว่าหลอกลวง
ช่างเถอะนะจะว่าไรใจก็รับ
ไม่โต้กลับ ว่าอย่างไรไม่ห้ามหวง
เพื่อยืนยันว่าเรื่องร้ายทั้งหลายทั้งปวง
มันจะช่วงชิงประดังถะถั่งมา
จงเอาคำปลอบเธอไปปลอบใครอื่น
หรือขวัญยืนอาจจะชอบปลอบแมวหมา
ก็แล้วแต่ ..ใจที่ช้ำไม่นำพา
ปลอบนกกาก็ได้ ไม่หมายรอ
ถ้าสงสารฉันจริงๆขอสิ่งหนึ่ง
ไม่เจ็บซึ้งสุดดวงใจจะไม่ขอ
ขอสักร้อยก็เห็นว่าน่าจะพอ
แอลกอฮอล์ทาท้องถองลีโอ
(อ้าว..) อิ อิ
- เด็กและเยาวชน ไม่ควรเอาเป็นเยี่ยงอย่าง
สุราใดๆ ไม่อาจดื่มแก้ช้ำได้ ในฉลากมิได้เขียนไว้เช่นนั้น ช้ำ ไปดื่มน้ำใบบัวบกแทนนะครับ.. น้องๆ หลานๆ-
21 มิถุนายน 2552 15:22 น.
คืนแรมสามค่ำหน้าร้อน
ไปแซว "ใจปลายทาง" มาในกลอน "อยากแต่งกลอนหวานฯ"
เลยนำมาลงไว้ เป็นกลอนต่างหากครับ
อย่ามาอ้อนเสียให้ยากไม่อยาก said
ก็เพราะเหตุเชื่อสาวอ้อนต้องนอนช้ำ
ไม่เคยชอบเลยสักยาม น้ำระกำ
ก็ต้องนำมากินแก้แผลที่ใจ
กินของชอบ ทับทิมกรอบอยู่กับบ้าน
เกินจะทานมีแต่ แห้ว ลอยแก้วใส่
ท้อดอง ของไม่ชอบแต่ไหนแต่ไร
แต่ต้องได้กินลูกท้อเพราะรอนาง
You-monk-help! คุณพระช่วย ! บ๊วยไม่เอา
ก็เพราะเราเบื่อกินบ๊วยด้วยใจหมาง
เจอ แห้ว ท้อ ระกำ บ๊วย จนป่วยซาง
เอาสิบช้างมาชะลอก็ขอเมิน..
21 มิถุนายน 2552 15:15 น.
คืนแรมสามค่ำหน้าร้อน
.. เจ็บใจ
มองความหลังของเราแล้วเศร้านัก
เหมือนความรักเริ่มอย่างสวยด้วยยิ้มหวาน
ผ่านเวลาผ่านวันไม่ทันนาน
รักมาราน จบเจ็บช้ำด้วยน้ำตา
มองความหลังของเราแล้วเศร้ายิ่ง
ดั่งผีสิงความหลังหวนทวนมาหา
น้ำใจล้นกลับปนหลั่งคั่งน้ำตา
หวาดปานว่ายมราชตวาดทัก
เจ็บปวด รวดร้าวใจหาใดเทียบ
เหมือนโดนเสียบเอาไฟเผาเอาหนามปัก
มิใช่เจ็บใจเธอไม่รัก
แต่เจ็บใจไม่ตระหนัก.. ในรักเธอ
สายไปแล้ว.. แก้วใจเจ้าไปลับ
เกินจะกลับมาสานต่อข้อเสนอ
กว่าวันไหนนะจะพบประสบเจอ
คงต้องเก้อ กอบใจเก็บมาเจ็บจำ
17 มิถุนายน 2552 13:32 น.
คืนแรมสามค่ำหน้าร้อน
บันดาลใจจากเพลงคันทรี่ สองเพลง
เพลงหนึ่ง ร้องว่า God is great, beer is good, people are crazy
อีกเพลง มีเนื้อหาว่า ผู้ชายอายุเจ็ดสิบ เขียนจดหมายถึงตัวเองตอนสิบเจ็ดปี
จับแพะชนแกะออกมาเป็นกลอน ดังนี้
รำพึงแผ่วแว่วมา ซุ้มยาดอง
มือประคองจอกน้ำจันทน์สั่นนิดหนึ่ง
เสียงผู้เฒ่าถอนหายใจคล้ายรำพึง
ถอนใจยาวลึกซึ้งถึงก้นใจ
ชีวิตหนึ่งเกิดมาฟรีช่างดีแสน
สุราแม้นเพื่อนซื่อตรงไม่สงสัย
มนุษย์เราเท่านั้นหนาบ้าเกินไป
ถอนหายใจ จิบยาดองแล้วมองดาว
ผ่านมาเจ็ดสิบฝนยังทนอยู่
ได้เรียนรู้ ได้กินนอนผ่านร้อนหนาว
อยากเขียนร่ายบรรเลงเป็นเพลงยาว
ถึงตนเองครั้งเมื่อคราวสิบเจ็ดปี
..อย่ารักใครหมดใจว่องไวนัก
ใช้สมองตรองให้หนักอย่างถ้วนถี่
ให้สมองยับยั้งใจ คิดให้ดี
ก่อนจะพลีหมดหัวใจให้เขาครอง
และเมื่อทำการใดๆในชีวิต
ให้ใช้จิตใจเข้าจับกับสมอง
ปนความรักไปในงานประสานกรอง
ถ้าจะมอง ดี-ไม่ดี มองที่ใจ
...เฮ้อ...
ชีวิตหนึ่งเกิดมาฟรีช่างดีแสน
สุราแม้นเพื่อนซื่อตรงไม่สงสัย
มนุษย์เราเท่านั้นหนาบ้าเกินไป
ถอนหายใจ จิบยาดองแล้วมองดาว..