13 พฤษภาคม 2552 14:32 น.
คืนแรมสามค่ำหน้าร้อน
ขอเชิญชวนผู้แพ้รักพักที่นี่
ที่ที่มีชายคาให้อาศัย
ให้เธอหลบร้องไห้ไม่อายใคร
มีหัวไหล่รองรับซับน้ำตา
เพราะรู้จักรักร้าวรานผ่านมาก่อน
เพราะเคยนอนค่อนกลางคืน ตื่นผวา
เพราะนานแล้ว หนามรักยังปักคา
จึงเห็นค่าใจที่ร้าว ปานดาวดวง
เป็นดาวเคราะห์เพราะรอแสงแห่งดาวอื่น
ยามกลางคืนแสงหรุบหรู่อยู่บนสรวง
คอยสะท้อนแต่แสงรักเก็บตักตวง
คอยแต่ล่วง จะลาลับอับแสงไป
ที่จริงแล้วทุกคนเล่าเป็นดาวฤกษ์
มีสิทธิเบิกแสงจ้าออกมาได้
ค่อยๆก้าวทีละขั้นอย่างมั่นใจ
เตือนตนให้มีแสงแห่งตัวเอง
เขาไม่รักก็ช่างเขาเราไม่สน
ไม่ต้องทน ยอมรับเขาเข้าข่มเหง
แสงน้อยๆค่อยฉายไปไม่ต้องเกรง
เรืองบรรเลง เพลงแสงแห่งสุขงาม
มาเถิดหนามาผ่อนพักมีตักหนุน
มีไออุ่น ไม่ตอกย้ำมีคำถาม
คอยเติมหวังพลังใจให้ทุกยาม
จะบ่งหนามตำใจให้ด้วยรัก..
13 พฤษภาคม 2552 14:28 น.
คืนแรมสามค่ำหน้าร้อน
การอ่านหนังสือ เป็นรายรับทางปัญญา
มีแสงส้ม อาทิตย์จะตก
อาบฉายหน้าหนังสือ
..เป็นกำไรทางอารมณ์
13 พฤษภาคม 2552 14:26 น.
คืนแรมสามค่ำหน้าร้อน
นับจากวันนี้ไป
จากใจกันไปแล้ว
เราอาจไม่ได้พบกันอีก
-- แต่ฉันจะมองไปดวงจันทร์ อันแสนไกล
เพื่ออาจจะเห็นหน้าเธอระหว่างทาง
กำหนดชีวิต เป็นการสูญเสียเธอไปแล้ว
และจะดีใจเป็นพิเศษ เมื่อได้พบพาน
12 พฤษภาคม 2552 14:31 น.
คืนแรมสามค่ำหน้าร้อน
..ขอโทษที่คิดถึง
ฝากคำซึ่ง น่ารำคาญไม่หวานหู
หากคำซึ้งน่ารำคาญ วานโฉมตรู
ปิดตาคู่ปิดหูสองไม่ต้องฟัง
คิดถึงก็ต้องบอกว่าคิดถึง
ไม่อ้ำอึ้งบอกไปอย่างใจหวัง
ที่เธอยินอยู่ทุกเมื่อเบื่อหรือยัง
วันละครั้งก่อนเธอนอนวอนคำครวญ
คร่ำครวญ.. ครวญทุกค่ำน่าขำไหม
กับดวงใจที่คงมั่นไม่ผันผวน
กับจิตแน่แน่วแน่ไม่แปรปรวน
ทุกสิ่งล้วนไร้ค่า ถ้าเธอเมิน
ยังคิดถึง แม้ส่งไปไม่เคยถึง
ถ้อยคำซึ้ง เธอปล่อยวางไว้ห่างเหิน
ปล่อยอ้างว้างเคว้งคว้างลอยกร่อยเหลือเกิน
ใจยับเยิน ยังไม่ท้อขอฝากคำ
คร่ำครวญคำอยู่ทุกค่ำให้ขำเล่น
เพราะเธอเห็นมีค่าแค่น่าขำ
ขำได้ก็ขำไปให้เธอทำ
ฉันขอย้ำ คำคิดถึงอีกหนึ่งครา
และขอโทษอีกทีที่คิดถึง
จากก้นบึ้งหัวใจคนไร้ค่า
ที่คิดถึงอยู่ได้ไม่เลิกรา
เหมือนเกิดมามีจิต แค่คิดถึง
12 พฤษภาคม 2552 14:28 น.
คืนแรมสามค่ำหน้าร้อน
ขึ้น ลง โค้งถนน
ที่ฉันรู้จักดี
-- เดินเท้า ต่างการสัมผัสจับมือ
หอบหายใจปั่นจักรยาน ต่างการทักทาย
นั่งรถเมล์ผ่านร้อยเที่ยว ต่างการยิ้มทัก
..ถนนที่คุ้นเคย
หลับตาก็รู้ว่าเราอยู่ที่ตรงไหน