3 มิถุนายน 2552 10:47 น.
คืนแรมสามค่ำหน้าร้อน
ฟ้ากว้าง..
จนฉันมองเห็นแต่อิสระ
ต่างกับดินที่จำกัด ถูกจองจำ
ต่างจากน้ำที่กักขังตัวเอง ในขอบเขต
-- เผลอตัวเพียงชั่วครู่ ..ฝนตก
แผ่นดิน แผ่นฟ้า และน้ำ
สัมพันธ์กันอย่างอัศจรรย์
ไม่มีสิ่งใดถูกจำขัง
เคลื่อนไหว และ สัมพันธ์
..อิสระ เป็นเช่นนี้เอง
3 มิถุนายน 2552 10:45 น.
คืนแรมสามค่ำหน้าร้อน
ภูเขามีชีวิตหรือเปล่า
ภูเขามีชีวิตที่อาจเชื่องช้า จนเราไม่อาจรับรู้
เหมือนแบคทีเรียบนร่างเรา ไม่รับรู้ว่าเรามีชีวิต
-- ใช้ชีวิตช้า-ช้า บนภูเขา
เพื่อรับรู้ว่าภูเขามีชีวิต
..ภูเขาไม่เพียงมีชีวิต
ภูเขายังร้องไห้ด้วย..
2 มิถุนายน 2552 12:20 น.
คืนแรมสามค่ำหน้าร้อน
สำหรับฉันแล้ว มีสองมุมจะให้มอง
มุมขาว กับ มุมดำ
-- ถ้าใครอยากจะชอบฉันให้มองมุมขาว
ถ้าใครอยากจะเกลียดฉันก็ให้มองมุมดำ
-- ถ้าใครอยากมองตามความจริง
ก็ให้มองสองมุมประกอบกัน
2 มิถุนายน 2552 12:15 น.
คืนแรมสามค่ำหน้าร้อน
ดอกบัวเป็นได้ดีที่สุด เพียงดอกบัวที่สวยงาม
ดอกบัวจะเป็นดอกไม้อื่นใดไปมิได้ดอก
...
อดีต เป็นได้ดีที่สุด แค่อดีตอันแสนหวาน
อดีตจะกลับเป็นปัจจุบัน หรืออนาคต มิได้ดอก
2 มิถุนายน 2552 03:25 น.
คืนแรมสามค่ำหน้าร้อน
อ่านคำกลอน "กรอง ใจหม่น" ของ คนกุลา
เป็นฉันทลักษณ์จากเพลงโบราณ
แล้วนึกสนุก ก็เลยลองเอามาขยับเป็นกลอนแปดเล่นๆดูครับ
อ่านฉบับ original ได้ที่ "กรอง ใจหม่น" ก่อนนะครับ
ลา...จากไป ใจอาวรณ์ตอนจากลา
เมื่อต้องมาถึงละครตอนสุดท้าย
ใยจึงต้องไหม้หม่นหมองร้องฟูมฟาย
ที่สุดท้ายปลายทางระหว่างกาล
เจ็บ...ก็จำ เก็บกอบช้ำจำต้องเจ็บ
คอยกอบเก็บดวงใจร้าวราวเพลิงผลาญ
หวังจะผ่านคืนนี้ได้ ในไม่นาน
ดับใจราญ ผ่านม่านฟ้าคราฝนพรำ
หม่น...จนหมองใครมองดูก็รู้ ..หม่น
เมื่อใจตนยังวนเวียนเพียรย้ำย่ำ
มองรอบฟ้าคราใจทรุด สุดมืดดำ
คืนย่ำค่ำ ต้องย้ำใจให้ยิ่งทน
ห่วง...หนักหนา สุดอุราว่าแสนห่วง
เหมือนติดบ่วงมายาฝ่าดอกฝน
หลั่งทั่วหล้าทิวทั่วฟ้า มาให้ยล
ชื่นกมล คล้ายถึงคราวจะกล่าวลา
กลัว...ก็กลัวแก่ใจว่า ช่างน่ากลัว
ไหวระรัวหัวใจละลังละล้า
ยามเมื่อรักเจ้าทักทายหัวใจมา
ก็พบว่า เพ้อแพ้พ่ายเพียงดายเดียว
จบ...ก็คงไม่อาจยุด ต้องสุดจบ
อย่าไปรบกวนใจ เขาไม่เกี่ยว
ทำใจยากแสนลำบากยากจริงเจียว
สุดจะเหลียวเกี่ยวใครมารักษาใจ