8 มีนาคม 2558 00:23 น.
คีตากะ
จากนิตยสาร Yoga International ฉบับที่ 36
กรกฎาคม 1997 (เดิมเป็นภาษาอังกฤษ)
Yoga International เป็นนิตยสารรายสองปักษ์ทางด้านจิตวิญญาณ พิมพ์โดย Himalayan International อันเป็นองค์กรที่ไม่ได้แสวงหาผลกำไรซึ่งส่งเสริมสันติภาพของโลกและความกลมเกลียวในระหว่างศาสนาต่างๆ นิตยสารนี้ตีพิมพ์ขึ้นในสหรัฐอเมริกาและจำหน่ายไปทั่วโลก เนื้อหาครอบคลุมทุกแง่มุมของเรื่องที่เกี่ยวกับการบำเพ็ญทางด้านจิตวิญญาณของทางตะวันออก รวมถึงการนั่งสมาธิ ในฉบับมิถุนายน/กรกฎาคมในบทความที่ชื่อ เสียงอันไร้เสียง ได้เสนอเรื่องราวของท่าน Suma Ching Hai และธรรมวิถีกวนอิม
ท่าน Suma Ching Hai ได้กล่าวย้ำว่าท่านไม่ได้เป็นผู้ค้นพบธรรมวิถีกวนอิมขึ้นมา ท่านได้กล่าวว่าอันที่จริงมหาอาจารย์ผู้ยิ่งใหญ่ทั้งหลายในอดีตได้บำเพ็ญสมาธิแสงและเสียงภายใน ตลอดทุกยุคสมัยที่ผ่านมาวิถีนี้ได้ถูกขนานนามต่างๆกันมากมายทั้งนี้ขึ้นอยู่กับวัฒนธรรมของอาจารย์ที่มีชีวิตอยู่ สุรัตชาบด์โยคะเป็นชื่อหนึ่งซึ่งอาจารย์อินเดียเรียก เป็นการยากที่จะตั้งคำถามไม่เพียงแต่ความแพร่หลายที่มีมาแต่โบราณของวิถีนี้ แต่รวมไปถึงเนื้อหาทางด้านวิทยาศาสตร์ตามที่บทความต่อไปนี้พยายามที่จะแสดงให้ทราบ
เสียงอันไร้เสียง....เสียงซึ่งมีอยู่เต็มจักรวาล
ผู้ที่รู้ความลี้ลับแห่งเสียงทราบถึงความลี้ลับของทั้งจักรวาล
Hazrat Inayat Khan
ผู้อ่านส่วนใหญ่ต่างทราบกันดีถึงโยคะที่มีชื่อเสียงต่างๆ กันอันได้แก่ หัตถะโยคะ จันนะโยคะ ปักตีโยคะ คาร์มาโยคะ ราชาโยคะ มันตราโยคะ และลายาโยคะ ทุกโยคะควรมีจุดมุ่งหมายอันเดียวกันโดยไม่คำนึงถึงการเน้นที่ต่างออกไปของโยคะหนึ่งจากอีกโยคะหนึ่ง จุดมุ่งหมายนั้นพูดกันแบบง่ายๆ ก็คือเป็นการแยกดวงวิญญาณของบุคคลออกจากจิตใจและวัตถุ และรวมเข้าด้วยกันกับวิญญาณของจักรวาล (พระเจ้าหรือพระพรหม) อย่างไรก็ตามมีโยคะโบราณอีกชนิดหนึ่ง (บางคนอาจพูดว่าเป็นโยคะชนิดโบราณที่สุด) ซึ่งกล่าวโดยทั่วไปแล้วเป็นที่รู้จักกันน้อยกว่า แต่โยคะชนิดนี้ไม่ได้มีเป้าหมายที่สูงส่งน้อยกว่าเลย โยคะนี้มีชื่อว่า สุรัตชาบด์โยคะหรือโยคะแห่งกระแสเสียงแห่งสวรรค์
สรรพสัตว์อันสูงค่าพวกนั้นซึ่งรอบรู้โยคะชนิดนี้อ้างว่าวิญญาณแห่งจักรวาลนั้นแสดงตัวของมันออกมาเป็นองค์ประกอบสำคัญ 2 ชนิดคือแสงอันไร้แสงและเสียงอันไร้เสียง แม้ว่าส่วนประกอบทางด้านจิตวิญญาณ 2 ส่วนหนี้เป็นกระจกสะท้อนให้เห็นความสัมพันธ์ระหว่างแสงและเสียงทางโลกก็ตาม ทั้งที่แสงนั้นคือเสียงซึ่งมีความถี่ของการสั่นสะเทือนที่สูงมาก แต่ทั้งสองก็ไม่เหมือนกัน เพราะแสงและเสียงเป็นส่วนหนึ่งขององค์เอกภาพที่ต่อเนื่องกันแบบสั่นสะเทือนของจักรวาล หากผู้ใดสามารถติดต่อกับกระแสเสียงได้ ผู้นั้นก็นับว่าได้อยู่บนถนนแห่งแสงอย่างแน่นอนซึ่งบรรดามหาอาจารย์ทั้งหลายในอดีตได้กล่าวถึง
อันที่จริงในประวัติศาสตร์บุคคลผู้ยิ่งใหญ่มากมายได้แยกแยะให้เห็นความแตกต่างระหว่างเสียงทางโลกและเสียงแห่งสวรรค์ ซึ่งเป็นที่เชื่อกันว่าเมื่ออยู่ในระดับความถี่แห่งการสั่นสะเทือนที่สูงขึ้นไปจะมีคุณสมบัติของดนตรีอันน่าหลงใหล ยกตัวอย่าง โพลตินุสชาวอียิปต์โบราณผู้ซึ่งได้รับการถือว่าเป็นผู้ก่อตั้งลัทธินีโอพลาโตได้กล่าวไว้ว่า ดนตรีทั้งหลายอันตั้งอยู่บนฐานแห่งท่วงทำนองเพลงและจังหวะเป็นสิ่งที่แสดงออกในทางโลกถึงดนตรีแห่งสวรรค์ ไพธากอรัสเชื่อว่าเราติดต่ออยู่ตลอดเวลากับ ดนตรีแห่งสวรรค์ ซึ่งมีอยู่เต็มในหูภายในของเรานับตั้งแต่เราเกิดขึ้นมา และคาบีร์ซึ่งเป็นจินตกวีและนักลัทธิลี้ลับชาวอินเดียที่มีชื่อเสียงแห่งศตวรรษที่ 15 ได้เขียนไว้อย่างมากมายเกี่ยวกับ ดนตรีที่ไม่ได้บรรเลง อันลี้ลับซึ่งส่งดวงวิญญาณให้เข้าสู่สภาพ
แห่งความเคลิบเคลิ้มใหลหลงอันน่าดึงดูดใจ :
มีเสียงเคาะเป็นจังหวะแห่งชีวิตและความตาย
ความเคลิบเคลิ้มใหลหลงปรากฏออกมาและทุกแห่งคือประกายรัศมีของแสง
ณ ที่นั้นดนตรีที่ไม่ได้บรรเลงได้ดังขึ้น มันเป็นดนตรีแห่งความรักของไตรภูมิ
ณ ที่นั้นดวงโคมไฟแห่งสุริยันและจันทรานับล้านดวงกำลังลุกไหม้
ณ ที่นั้นกลองบรรเลงเพลงและคู่รักเล่นแกว่งไกว
ณ ที่นั้นเพลงรักดังสะท้านและแสงตกลงมาเหมือนสายฝน
และผู้บูชาเคลิบเคลิ้มอยู่ในรสชาติของน้ำอมฤตแห่งสวรรค์
แม้ว่าคัมภีร์สำคัญๆ ทางศาสนามักจะถูกเรียบเรียงอย่างไม่ระมัดระวังอยู่เสมอหรือถูกเข้าใจผิดๆ โดยผู้แปลที่มีความตั้งใจดีก็ตาม คัมภีร์สำคัญทางศาสนานี้ก็ยังมีเนื้อหาอ้างอิงถึงเสียงแห่งสวรรค์นี้ ยกตัวอย่างใน Gospel of Saint John ได้พูดถึงเสียงแห่งสวรรค์ว่าเป็นคำพูด (word) : ในตอนเริ่มต้นมีคำพูดและคำพูดนั้นอยู่กับพระเจ้าและคำพูดคือพระเจ้า (John 1:1) เรื่องนี้ได้รับการพิสูจน์เมื่อ ดร.Edmond Bordeaux Szekely นักปราชญา นักโบราณคดีและผู้ร่วมก่อตั้ง International Biogenic Society ผู้ล่วงลับไปแล้วได้พบหนังสือลับ Aramaic ในกรุงวาติกันเข้าโดยบังเอิญ ซึ่งย้อนหลังไปสู่ศตวรรษที่ 3 หลังการตายของพระเยซู ดร.Szekely ได้แปลเอกสารซึ่งมีเนื้อหาเปิดเผยชื่อ Essene Gospel of Peace อันมีข้อความดังต่อไปนี้ : ในตอนริ่มต้นมีเสียง และเสียงอยู่กับพระเจ้า และเสียงคือพระเจ้า
เป็นเวลาเกือบ 2 ทศวรรษแห่งการค้นคว้าอันพิถีพิถันได้ทำให้ ดร.Szekely เชื่อแน่ว่าพระเยซูเป็นสมาชิกชุมชนทางจิตวิญญาณกลุ่ม Essene อันเป็นที่เคารพอย่างสูง และเพราะฉะนั้นพระองค์จะต้องมีความรู้ทางจิตวิญญาณของกลุ่มนี้อย่างช่ำชอง ตามที่ ดร.Szekely ได้กล่าวถึงในหนังสือ The Essene Jesus ว่า มีพี่น้องชาว Essene ที่ทะเลตาย (Dead Sea) ซึ่งได้ปลูกต้นไม้แห่งชีวิตของชาว Essene อันมีพระเยซูเป็นตัวแทนของกิ่งที่สูงที่สุด
มีข้ออ้างอิงอื่นๆ มากมายเกี่ยวกับเสียงแห่งสวรรค์ในคัมภีร์ไบเบิ้ล ยกตัวอย่างจากหนังสือ The Book of Revelation 14:2: และฉันได้ยินเสียงจากสวรรค์เหมือนเสียงของน้ำมากมายและเหมือนเสียงอันดังสนั่นของฟ้าร้อง เสียงที่ฉันได้ยินเหมือนเสียงของคนดีดพิณกำลังดีดพิณของพวกเขาอยู่
ในศูรางคมสูตรทางศาสนาพุทธ พระศากยมุนีพุทธเจ้าเห็นพ้องกับมัญชูศรีลูกศิษย์ผู้รู้แจ้งสมบูรณ์ของพระองค์ เมื่อพระองค์ได้ลงความเห็นว่าการบำเพ็ญสมาธิด้วยเสียงแห่งสวรรค์เป็นหนทางเดียวเท่านั้นที่จะไปสู่นิพพาน : พี่ชายทั้งหลายในที่ประชุมอันยิ่งใหญ่นี้รวมทั้งเธอด้วย อานนท์ ควรที่จะเปลี่ยนการรับรู้ในการฟังที่มุ่งสู่ภายนอกของเธอและฟังเข้าสู่ภายในเพื่อเสียงที่รวมกันเป็นหนึ่งเดียวอย่างสมบูรณ์และเป็นเสียงอันแท้จริงของแก่นแท้ทางจิตใจของเธอเอง เพราะทันทีที่เธอได้บรรลุถึงความสอดคล้องอย่างสมบูรณ์ เธอจะได้รับการรู้แจ้งสูงสุด
นี่คือหนทางเดียวเท่านั้นที่จะไปสู่นิพพาน และตถาคต (นักบุญ) ในอดีตทั้งหลายได้ปฏิบัติตาม
Upanishads : ซึ่งเป็นสนธิสัญญาปรัชญาโบราณของอินเดียอันกว้างขวางได้ใช้คำ Sabda Brahman, Akash Bani Nad และ Sacred Word ในหมู่คำอื่นๆ ในการอ้างอิงถึงเสียงแรกเริ่ม ยกตัวอย่าง Naad Upanishad ของชาวฮันซ่าได้กล่าวว่า การบำเพ็ญสมาธิด้วย Nad หรือด้วยหลักการทางเสียงคือถนนหลวงที่นำไปสู่การช่วยเหลือดวงวิญญาณ
มูฮัมหมัดได้ยินเสียงแห่งสวรรค์ในถ้ำที่ Gare-Hira และ Sufis ดั้งเดิมได้เรียกเสียงแห่งสวรรค์ว่า Saute Surmad ซึ่งหมายถึงเสียงซึ่งมีอยู่เต็มจักรวาล
เล่าจื้อบรรยายเต๋าหรือทางว่าเป็น ความกลมกลืนที่ไม่อาจขัดขวางได้ และเป็นแหล่งกำเนิดของทุกสิ่ง เขาได้เขียนเรื่องเสียงอันยิ่งใหญ่ด้วยเช่นกัน ซึ่งอยู่เหนือการจินตนาการปกติทั้งหลาย จวงจื้อซึ่งมีชีวิตอยู่หลังเล่าจื้อล่วงลับไปแล้ว 300 ปี ก็ได้อธิบายเช่นกันถึงบุญญานิสงส์จากการติดต่อกับเสียงทางด้านจิตวิญญาณเมื่อเขากล่าวว่า ....ฟังด้วยจิตใจแทนที่จะฟังด้วยหู ฟังด้วยพลังงานแทนที่จะฟังด้วยจิตใจ การฟังหยุดที่หู จิตใจหยุดที่การสัมผัส แต่พลังงานคือสิ่งที่ว่างเปล่า ความว่างเปล่าคือการงดอาหารทางด้านจิตใจ
ถ้าเธอมีหูและตาแทงเข้าสู่ภายในและไม่ยึดติดกับการรับรู้ทางเหตุผล เช่นนี้แล้วแม้ถ้าผีและจิตวิญญาณตามหลังเธอมามันก็จะหยุด.....
ในศรีกูรูรานซ์ซาฮิบซึ่งเป็นหนังสือศักดิ์สิทธิ์ของชาวสิกขิมและอาจเป็นคัมภีร์ที่สมบูรณ์ที่สุดที่หาได้ในทุกวันนี้ คำว่า ท่วงทำนองเพลงอันไม่ถูกดีด และ คำพูด มักใช้เสมอๆ เพื่ออ้างอิงถึงเสียงแห่งสวรรค์
ได้รับพระพร ฉันได้รับพระพร พระเจ้าของฉันคือคู่สมรสของฉัน
ท่วงทำนองเพลงอันไม่ถูกดีด (ของคำพูด) ได้ดังขึ้นในราชสำนักของพระองค์ วันและคืน ฉันอาศัยอยู่ในความหฤหรรษ์ ฟังดนตรีแห่งความสุข : ใช่แล้ว ในสภาพนี้ไม่มีความเจ็บปวดหรือความโศกเศร้าอีกต่อไป ไม่มีการเกิดหรือการตาย
นอกเหนือไปจากนี้ วัฒนธรรมโบราณมากมายรวมถึงของชาวเผ่าแอสเต็ก เอสกิโม มาลายันและเปอร์เซียน ก็ได้สนับสนุนเช่นกันในความคิดที่ว่าจักรวาลกำเนิดมาจากเสียง ชาวอะบอริจินในออสเตรเลียเชื่อเช่นกันใน วิถีทางของกฏ ซึ่งขับร้องให้โลกและทุกสิ่งทุกอย่างมีชีวิตขึ้นมา นักฟิสิกส์สมัยใหม่จะใช้คำว่า Big Bang ในการบรรยายสิ่งที่เป็นที่แน่นอนตามแก่นแท้ว่าจะต้องเป็นปรากฏการณ์แบบเดียวกัน
หลักฐานทางคัมภีร์มากมายของเสียงแรกเริ่มหรือแรงสั่นสะเทือนได้รับการสนับสนุนโดยหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ซึ่งยอมรับว่าพื้นฐานของทุกสิ่งคือแรงสั่นสะเทือน ธรรมชาติทั้งหลายดำรงอยู่ในรูปขอบเขตอันกว้างใหญ่ที่สั่นสะเทือน... เรื่องที่ว่าเสียงก่อวัตถุให้เป็นรูปร่างและโครงสร้างก็ได้รับการพิสูจน์อย่างไม่มีข้อโต้แย้งโดย Hans Jenny นักวิทยาศาสตร์ชาวสวิสในปี 1960 Jenny ได้ใช้เครื่องสั่นสะเทือนเสียงทางไฟฟ้าและอุปกรณ์ถ่ายภาพอันซับซ้อนแสดงหลักฐานให้เห็นถึงความจริงแห่งปรากฏการณ์ของคลื่นซึ่งอยู่ภายใต้เรื่องนี้ (เขาได้เรียกสาขาใหม่นี้ว่า Cymatics) โดยการถ่ายภาพผลแห่งการก่อเป็นรูปร่างอย่างฉับพลันของเสียงสูงต่ำดนตรีและเสียงจากลำคอบนวัตถุต่างๆกัน.... แผ่ไปบนแผ่นโลหะ เขาได้เรียบเรียงอย่างพิถีพิถันในโครงสร้างอันสมบูรณ์ซึ่งสมมาตรและมีรูปร่างทรงเรขาคณิต ซึ่งเป็นผลมาจากการควบคุมความถี่ที่แตกต่างจำนวนมากมายและการผสมผสานของจังหวะจากเสียงเสียงเดียวและช่วงเสียงไปจนกระทั่งถึงการประสานเสียงทางดนตรีอันซับซ้อนโดยผ่านแผ่นโลหะ
แม้กระทั่งการพัฒนาเมื่อเร็วๆนี้ในด้านบำบัดด้วยแรงสั่นสะเทือนที่มีต่อสิ่งมีชีวิต ตามที่นักประพันธ์ LarryvDossey ได้กล่าวไว้ว่า เมื่อเร็วๆนี้นักจิตวิทยาเด็ได้รายงานประสบการณ์ของเขากับเด็กชายอายุ 11 ขวบซึ่งได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นโรคจิตประเภทลืมตัวที่มีความเครียด (Catatonic Schizophrenia) เด็กคนนี้ไม่ได้พูดเลยในระยะเวลา 7 ปี ในการรักษาครั้งหนึ่ง ผู้บำบัดได้เล่นเพลงของ BachJesy, Joy of Mans Desiring เด็กชายคนนี้ได้เริ่มต้นร้องไห้ เมื่อเพลงจบลง เขาก็ได้พูดออกมาทั้งน้ำตาว่า นั่นเป็นดนตรีซึ่งมีพลังมากที่สุดที่ผมเคยได้ยินมา ตอนนี้ผมพูดได้แล้ว!
หากเสียงทางโลกสามารถก่อให้เกิดผลอันลึกล้ำเช่นนี้ต่อสภาพจิตสำนึกของเราแล้วละก็ ก็ไม่เป็นที่น่าสงสัยเลยถึงพลังและความสำคัญทางด้านจิตวิญญาณแห่งเสียงสวรรค์
ในฐานะที่เป็นอาจารย์ของผม ผมเชื่อว่าท่าน Suma Ching Hai ได้จบหลักสูตรศิลปะโบราณแห่งสุรัตชาบด์โยคะหลังจากที่ได้ค้นพบอาจารย์ของท่านในที่สุดในเทือกเขาหิมาลัย ซึ่งท่านได้รับการถ่ายทอดความเป็นอาจารย์ การค้นหาอาจารย์อันเหลือเชื่อของท่านซึ่งแผ่กว้างไปยังหลายประเทศซึ่งท่านได้รับการถ่ายทอดเป็นเวลาหลายปีได้ถูกขัดจังหวะด้วยอุปสรรคต่างๆ ที่ดูภายนอกแล้วเหมือนอุปสรรคที่มิอาจฝ่าฟันได้ บททดสอบต่างๆ ที่ท่านได้อดทนทำให้ท่านตกลงใจอย่างแน่วแน่ที่จะทำให้โยคะโบราณนี้เข้าถึงผู้ใฝ่หาสัจธรรมที่มีความจริงใจทั้งหลายได้ง่ายขึ้น ในขณะที่หลายคนอาจพบว่ายากที่จะเข้าใจในเรื่องเสียงเหนือธรรมชาติและยิ่งไปกว่านั้นคุณค่าของความสำคัญทางด้านจิตวิญญาณของเสียงนี้ ท่าน Suma Ching Hai ได้อธิบายไว้อย่างเหมาะเจาะด้วยคำพูดเรียบง่ายว่า :
เสียงทางโลกมีความสำคัญมากต่อความสุขทางโลกีย์และจิตใจของเรา แต่เสียงเหนือโลกดึงเรากลับไปสู่พระเจ้า
เสียงภายในนี้เป็นแรงสร้างสรรค์อันยิ่งใหญ่ของจักรวาล มันเป็นแรงสั่นสะเทือนซึ่งค้ำจุนและหล่อเลี้ยงทุกสิ่ง ในโลกภายนอกเราจะสามารถได้ยินมันในรูปเสียงธรรมชาติ เช่น เสียงลม น้ำ นก แมลง ฯลฯ มีเสียงซึ่งละเอียดอ่อนและสูงยิ่งขึ้น ซึ่งประสาทสัมผัสของมนุษย์ไม่สามารถได้ยินได้เพราะมันสั่นสะเทือนในระดับชั้นที่สูงกว่า การที่จะจับเสียงในระดับสูงขึ้นไปนี้เราจะต้องยกระดับของเราไปสู่โลกที่อยู่เหนือประสาทสัมผัสของเรา
กุญแจที่จะยกระดับจิตสำนึกของบุคคลหนึ่งเพื่อให้ได้ยินเสียงสวรรค์ก็คือการค้นหาอาจารย์ทางด้านจิตวิญญาณที่มีชีวิตอยู่ซึ่งสามารถประทับจิตผู้แสวงหาทางด้านจิตวิญญาณได้อย่างแท้จริง การประทับจิตมีความจำเป็นเพื่อปลุกธรรมชาติของพระเจ้าหรืออาจารย์ภายในให้ตื่นขึ้น หลังประทับจิตแล้วผู้นั้นจำเป็นที่จะต้องนั่งสมาธิแสงและเสียงในแต่ละวันตามคำสอนของอาจารย์เพื่อทำความก้าวหน้าทางจิตวิญญาณให้ต่อเนื่อง
บทบาทข้อที่สองและมีความสำคัญเท่าๆกันกับของอาจารย์ที่มีชีวิตอยู่ก็คือ การรับกรรมในอดีตของลูกศิษย์ด้วยเหตุนี้อาจารย์จึงต้องมีกายเนื้อเพื่อแบกรับกรรม ซึ่งปกติจะเกิดขึ้นกับลูกศิษย์ของท่าน หากปราศจากการเสียสละอย่างเหลือเชื่อจากอาจารย์แล้ว กรรมของลูกศิษย์จะหนักเกินไปที่จะหลีกหนีจากการเวียนว่ายตายเกิดอันมิรู้จบสิ้น ตามที่ท่าน Suma Ching Hai ได้ให้ข้อสังเกตไว้ว่า ขณะที่อาจารย์ที่มีชีวิตอยู่ในโลก ท่านจะรับกรรมของคนโดยเฉพาะผู้ที่ศรัทธาในอาจารย์ และมากยิ่งไปกว่านั้นจากผู้ที่เป็นลูกศิษย์ของอาจารย์ ดังนั้นอาจารย์จึงรับทุกข์เพื่อลูกศิษย์และเพื่อมวลมนุษย์โดยส่วนรวมในชีวิตของท่าน.... ท่านอาจเจ็บป่วย ท่านอาจถูกทรมาน ท่านอาจถูกตรึงกางเขนหรืออาจถูกใส่ร้ายป้ายสี
นอกเหนือไปจากนั้น คุณสมบัติที่รอบรู้ทุกสิ่ง มีตัวตนทุกหนแห่ง มีพลังสุดประมาณของอาจารย์จะปกป้องผู้ประทับจิตตลอดเวลา เพราะทันทีที่ได้รับการประทับจิตสายสัมพันธ์อันนิจนิรันดร์ทางด้านจิตวิญญาณก็จะเกิดขึ้นระหว่างอาจารย์กับผู้ประทับจิตตราบจนกระทั่งได้บรรลุความเป็นอาจารย์ สิ่งนี้ทำให้แน่ใจได้ว่าหลุมพรางจำนวนมากมายตลอดการเดินทางทางจิตวิญญาณจะถูกหลีกเลี่ยงไปได้ ใน Gospel of Matthew พระเยซูได้พูดถึงลักษณะอันอันตรายของการเดินทางทางจิตวิญญาณที่พระองค์กล่าวว่า ประตูนั้นแคบและหนทางที่นำไปสู่ชีวิตนั้นยากลำบาก และผู้ที่ค้นพบมันมีน้อย (Matthew 7:14)
แม้ว่าจะไม่เป็นที่รู้จักกันดีเหมือนโยคะอื่นๆ บางคนก็ถือว่าโยคะแห่งกระแสเสียงสวรรค์นี้เป็นสิ่งที่สูงสุด หลักฐานที่เป็นลายลักษณ์อักษรจากนักปราชญ์โบราณผู้ชาญฉลาดและอาจารย์ทางจิตวิญญาณผู้ยิ่งใหญ่ในอดีตได้สนับสนุนทรรศนะนี้อย่างแน่นอน ในขณะที่นักบำบัดเพียงแต่เพิ่งค้นพบเมื่อเร็วๆนี้ถึงผลในทางการรักษาของความถี่แห่งแรงสั่นสะเทือนทางโลกเท่านั้น เป็นเวลาหลายพันปี มหาอาจารย์ผู้ยิ่งใหญ่ในอดีตได้ถ่ายทอดสัจธรรมที่รวมเป็นหนึ่งเดียวและหนทางเดียวแห่งเสียงและแสงแห่งสวรรค์ซึ่งเป็นหนทางที่จะรับเอาสัจธรรมนี้เข้าไว้ ความเป็นเอกภาพอันสำคัญของข่าวสารของพวกเขาได้เย้ยหยันการแบ่งแยกที่ผิวเผินซึ่งได้ฝังรกรากอยู่ในสมองของผู้คลั่งศาสนาซึ่งมีอิทธิพลแต่ถูกชักนำไปในทางที่ผิดอย่างน่าเศร้าใจมาตลอดทุกยุคสมัย เนื่องจากอาจารย์ในอดีตไม่ได้อยู่กับเราอีกต่อไป อาจารย์ที่มีชีวิตอยู่จึงเป็นกุญแจที่จะให้ได้รับประสบการณ์ของสัจธรรมนี้ และติดต่อกับเสียงสวรรค์ซึ่งแทรกชั้นอันมืดมนของจิตสำนึกเพื่อยกระดับดวงวิญญาณไปสู่ความเป็นจริงทางด้านจิตวิญญาณอันเปี่ยมไปด้วยความสุขอย่างยิ่งภายในพวกเราทุกคน ณ ที่ซึ่งพวกเราได้รับการบอกว่าแสงแห่งโคมไฟแห่งสุริยันและจันทรานับล้านดวงลุกไหม้ชั่วนิจนิรันดร์
ท่าน Suma Ching Hai เป็นอาจารย์ผู้หญิงทางการบำเพ็ญสมาธิซึ่งสามารถรวมเอาแก่นแท้ของทุกศาสนาเข้าเป็นหนึ่งเดียว และประทับจิตผู้เสาะแสวงหาทางจิตวิญญาณที่จริงใจเข้าสู่การบำเพ็ญสมาธิแสงและเสียงทางจิตวิญญาณโบราณโดยให้เปล่า ท่านเรียกการบำเพ็ญว่าธรรมวิถีกวนอิม เพราะท่านได้บรรยายธรรมครั้งแรกในไต้หวันเกือบ 10 ปีที่แล้ว (กวนอิมเป็นคำภาษาจีนซึ่งหมายถึงการเพ่งแรงสั่นสะเทือน) ผู้ประทับจิตของท่าน Suma Ching Hai ยินยอมประพฤติปฏิบัติตามกฎระเบียบของศีลขั้นพื้นฐานตลอดชีวิต รวมทั้งการรับประทานมังสวิรัติด้วย ท่านมีศูนย์ปฏิบัติสมาธิในประเทศต่างๆมากกว่า 40 ประเทศ
หนังสืออ่านเพิ่มเติม
Berendt,J.E., The world is Sound: Nada Brahma (USA: Destiny Book, 1983), pp. 38, 171 and 174.
Chtwin. Brue, Ghe Songliness (London: Pan Books Ltd., 1988), p. 2.
Ching Hai, Suma, The Key of Immediate Enlightenment (Book 1), (Taiwan: Suma Ching Hai International Assoc., 1991), p. 85.
Chuang Tzu, see Cleary, p. 87.
Cleary, Thomas, The Essential Tao (USA: Harper&Row, 1991).
Dossey, Larry, Meaning and Medicine: A Doctors Tales of Breakthrough and Healing, (USA: Bantam Books, 1991), pp. 143 and 145.
Hansa Naad Upanishad, see K. Singh, p. 40.
Hans Jenny, see Leviton, p. 44.
Hazrat Inayat Khan, see Berendt. P. 38.
Leviton, Rechard, Rhythm, Harmony and Healing (Sydney: Australian Wellbeing, 1994 annual edition no. 54).
Singh, K., Naam or Word (USA: Ruhani Satsang, 1994).
Sufis, see Berendt, p. 38.
Surangama Sutra, see K. Sungh, p. 62.
Szekely, Edmond Bordeaux, The Essene Jesus, (USA: International Biogenic Society, 1977), p. 5.
Szekely, Edmond Bordeaux, Essene Communions with the Infinite, (USA: International Biogenic Society, 1979), pp. 26 and 27.
Tagore, Rabindranath, trans., Songs of Kabir, (Canada: International Biogenic Society, 1989), p. 22.