9 มกราคม 2558 23:51 น.

การบำเพ็ญทางจิตวิญญาณฟื้นฟูปัญญาอันสมบูรณ์ของจิตวิญญาณ

คีตากะ

646701lg2mi8omg1.gif
กล่าวโดยอนุตราจารย์ชิงไห่ ลิสบอน โปรตุเกส
7 พฤษภาคม 2542 (1999)(ต้นฉบับภาษาอังกฤษ) ดีวีดี#645
     ไม่ใช่ว่าหลังจากทำสมาธิแล้ว ร้อยทั้งร้อยเราจะได้ทุกสิ่งทุกอย่างที่เราต้องการเสมอไป เพราะมันไม่ใช่แบบนั้น ประเด็นก็คือไม่ว่าเราจะได้สิ่งที่เราต้องการหรือไม่ แต่เราก็ยังคงมีความสุข แล้วเราก็จะพบหนทางที่จะให้ได้
บางสิ่งบางอย่างมาแทน แทนที่จะยืนกระทืบเท้าอยู่ตรงนั้นและรู้สึกเป็นทุกข์เกี่ยวกับสิ่งที่เราสูญเสียไป
 หรือสิ่งที่เราไม่สามารถได้มา เราจะกลายเป็นคนที่ฉลาดขึ้น ยืดหยุ่นมากขึ้น และแล้วเราก็จะลองวิธีต่างๆ มากมาย
เพื่อให้ได้สิ่งอื่น และก็เพลิดเพลินกับกระบวนการนั้น นั่นคือสิ่งที่ดีเกี่ยวกับการทำสมาธิ เราจะมีความสุขเกือบตลอดเวลา
       
      ฉันแค่ไม่อยากให้คุณมีภาพลวงตาที่ว่า เมื่อคุณทำสมาธิแล้ว ทุกสิ่งทุกอย่างจะมาหาคุณ แต่บางครั้งสิ่งต่างๆก็ไม่ได้ดีมาก ซึ่งพวกมันจะไม่มา และบางครั้งพระเจ้ามอบสถานการณ์ที่ไม่ปกตินักให้กับคุณ และถ้าเราไม่ทำสมาธิ 
เราก็จะไม่เข้าใจสถานการณ์นั้น เราจะเริ่มรู้สึกเป็นทุกข์ถ้ามันไม่ได้เป็นอย่างที่เราต้องการ ดังนั้นมันไม่ใช่ว่า ถ้าเราทำสมาธิทุกอย่างก็จะเป็นไปอย่างราบรื่นเสมอ มันไม่ได้เป็นแบบนั้นเสมอไป แต่เราจะสามารถหัวเราะกับเหตุการณ์นั้นได้แทนที่จะร้องไห้เกี่ยวกับมันมีบางอย่างที่เราสามารถทำได้เสมอถ้าเราเผชิญกับอุปสรรคเมื่อเรามีปัญญาที่เก็บสำรองไว้อยู่ภายในหลังจากที่เราได้รับมันมาผ่านการรู้แจ้ง
      นั่นคือเหตุผลที่ผู้คนส่วนใหญ่บูชานักบุญ ผู้ที่สละแล้ว นักบวช และพระ และอื่นๆ ผู้คนบูชาคนเหล่านั้นผู้ซึ่งเป็นพระหรือนักบวชจริงๆ ผู้ซึ่งได้รับการรู้แจ้งภายในจริงๆ เนื่องจากความสุข ความพอใจ และความเชื่อถือได้อันคงเส้นคงวาของพวกเขา และผู้คนจำนวนมากติดตามพวกเขา แม้ว่าบางครั้งคนเหล่านั้นไม่ได้เสาะหาชื่อเสียงหรือโชคลาภหรือผู้ติดตามเลย แต่ผู้คนก็ชอบที่จะมาและผูกมิตรกับพวกเขา กับคนที่เป็นนักบุญเหล่านี้และส่วนใหญ่แล้วคนเหล่านั้นที่บำเพ็ญทางจิตวิญญาณมักจะโชคดีเสมอ
      กล่าวโดยทั่วไป นักเรียนของอาจารย์ต่างๆเพลิดเพลินกับความสุข โชค และการทำให้ความปรารถนาใดๆที่พวกเขาเคยมีในชีวิตให้สำเร็จ เป็นอย่างนั้นทางกาย ทางจิตใจหรืออารมณ์ และแน่นอนทางจิตวิญญาณด้วย และในวันที่พวกเขาจากร่างกายเนื้อไป พวกเขาก็ตรงไปยังสวรรค์ ไม่มีข้อสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนั้น ดังนั้นเพื่อที่จะให้มีความสุขแม้
แต่ในชีวิตทางกายภาพนี้ ยังไม่ต้องพูดถึงสวรรค์ เพื่อที่จะให้มีความสุขที่นี่ ให้ใช้ชีวิตอย่างน่าพอใจที่นี่ และให้เป็นคนที่ฉลาดมากขึ้นที่นี่ เราจึงควรจะทำสมาธิ ฉันหวังว่าฉันไม่ได้ทำให้คุณขุ่นเคือง เราอาจจะฉลาดมากอยู่แล้ว แต่เราไม่ได้ใช้พลังสมองของเราเพียงพอ เราใช้เพียงแค่ 5% หรือ 10% เท่านั้น และเราก็ฉลาดมากแล้ว! เราประดิษฐ์สิ่งต่างๆ มากมายนัก ดังนั้นสมมุติว่าคุณทำสมาธิและใช้พลังสมองของคุณมากขึ้น แน่นอนว่าคุณจะฉลาดยิ่งขึ้น
       คนทั่วไปใช้พลังสมองของเขาหรือเธอเพียงไม่เกิน 10% เท่านั้น นั่นเป็นข้อเท็จจริงที่พวกเรารู้กันทุกคน ซึ่งมันเป็นข้อพิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์ ดังนั้นเราเอา 80% หรือ 90% ไปวางไว้ที่ไหน? มันสูญเปล่า นั่นคือเหตุที่เราไม่ใช่สิ่งมีชีวิตที่สมบูรณ์ เราไม่รู้สึกสมบูรณ์ เรารู้สึกท้อแท้ผิดหวังและเรารู้สึกอ่อนแอ เพราะเราไม่ได้ใช้ประโยชน์จากพลังอันสมบูรณ์ของเรา ดั้งนั้นการทำสมาธิ เราสามารถพูดถึงมันอีกแบบหนึ่ง คือ เพื่อให้ใช้ประโยชน์จากพลังอันสมบูรณ์ได้ นั่นคือวัตถุประสงค์ของการทำสมาธิ นั่นก็คือความหมายชองการทำสมาธิ ก็คือเพื่อใช้พลังอำนาจอันสมบูรณ์ของเรา
ให้ได้เพื่อว่าเราจะได้กลายเป็นผู้มีความสามารถรอบด้านเหมือนกับพระเจ้า หรืออย่างน้อยที่สุดก็เหมือนกับลูกๆ ของพระเจ้า มิฉะนั้นเราจะไม่มีพลังเพียงพอที่จะดูแลปัญหาเล็กๆหรือเรื่องเล็กๆ ในบางครั้ง และเราก็จะทำเรื่องต่างๆ ได้ไม่สมบูรณ์พอใจเรา เพราะเราขาดพลังหรือขาดปัญญา ดังนั้นการรู้จักพระเจ้าก็คือการรู้จักตัวเราเองโดยบริบูรณ์ และเมื่อเรารู้จักตัวเราเองโดยบริบูรณ์แล้ว เราก็จะรู้จักพระเจ้า ดังนั้นเพราะเราเป็นหนึ่งเดียวกับพระเจ้า เราจึงเป็นเหมือนพระองค์ในแบบที่พระองค์สร้างเรามา เพราะพระเจ้าทรงสร้างมนุษย์ให้เป็นดั่งภาพเหมือนของพระองค์เอง...
www.suprememastertv.com
ไม่มีข้อความส่งถึงคีตากะ