15 กรกฎาคม 2556 23:27 น.

ทานตะวัน....

คีตากะ

t3-5.jpg
















อาหารว่างที่ขาดไม่ได้สำหรับผมก็คือ  เมล็ดทานตะวันอบ โดยเฉพาะ เมล็ดทานตะวันอบสมุนไพร รสเค็มๆ มันๆ กินแล้วเพลินเป็นที่สุด สำหรับผมอยากจะเรียกว่า ของดีประเทศไทย ซึ่งความจริงก็ไม่รู้หรอกว่าต้นตำหรับมันมาจากประเทศไหนและก็ไม่สนใจด้วย แค่กินแล้วอร่อยก็ใส่ปากมันเข้าไปจะไปคิดมากทำไม ผมไม่ใช่นักประวัติศาสตร์ที่จะต้องคอยขุดคุ้ยเรื่องราวเชิงลึกอะไรมากมาย โดยเฉพาะเรื่องกินกับเรื่องนอน ครั้งหนึ่งผมเคยไปซื้อเมล็ดทานตะวันที่วางอยู่ในร้านขายของชำแห่งหนึ่งในจังหวัดกาญฯ ป้าคนขายแกบอกว่าเม็ดทานตะวันแบบเนี้ยเขามีไว้ให้นกกิน ไม่แน่ใจว่านกเขาหรือเปล่า? ตั้งแต่วันนั้นมาผมก็เลยเข้าใจว่าที่แท้ลูกค้ารายใหญ่ซึ่งมีส่วนแบ่งการตลาดมากที่สุดของเมล็ดทานตะวันก็คือนก กลับกลายเป็นว่าผมกำลังไปแย่งอาหารของพวกมัน(ผมเข้าใจไปเอง) ข้อแตกต่างอีกอย่างที่ได้พบก็คือว่า เมล็ดทานตะวันที่ขายในร้านของป้านั้นเป็นเมล็ดทานตะวันที่ยังไม่ได้อบ ยังไม่ผ่านกระบวนการการผลิตนั่นเอง ทำให้ผมจินตนาการเลยไปจนถึงเครื่องมืออุปกรณ์และวิธีการผลิต ของมันก่อนที่จะออกมาเป็นเมล็ดทานตะวันอบสมุนไพรเลิศรสให้เราได้กิน คงไม่ถึงขั้นที่ผมจะไปตั้งโรงงานผลิตเมล็ดทานตะวันกินเองหรอกนะ ผมเคยถูกใช้ให้ไปจ่ายตลาดในการจัดงานระดับนานาชาติครั้งหนึ่ง วัตถุดิบส่วนใหญ่คือเต้าหู้ และผมจำต้องไปสืบเสาะหาแหล่งผลิตเต้าหู้รายใหญ่ของประเทศ มีคนแนะนำว่าให้ไปหาที่จังหวัดราชบุรี โดยเฉพาะอำเภอโพธาราม  การต้องใช้เต้าหู้พอที่จะเลี้ยงคนกว่า ๕๐,๐๐๐ คนไม่ใช่เรื่องเล็กสำหรับผม ผมมีแค่มอเตอร์ไซด์เก่าๆคันหนึ่งตระเวนไปทั่วอำเภอโพธารามซึ่งก็แทบจะหลับตานึกถึงตรอกซอกซอยต่างๆได้เป็นอย่างดี เพราะมันก็คือบ้านเกิดของผมเอง มีโรงงานผลิตเต้าหู้หลายสิบแห่งในย่านนั้น ผมเลือกเข้าไปติดต่อประมาณ ๕ แห่ง การเข้าไปในบริเวณโรงงานทำให้มองเห็นเครื่องจักรและกระบวนการผลิตเต้าหู้เป็นอย่างดี ไม่ยากถ้าหากใครสักคนจะตั้งโรงงานผลิตเต้าหู้ เงินลงทุนไม่สูงเหมือนโรงงานอื่นๆ และบางโรงงานที่เข้าไปบางแห่งมันดูคล้ายกับบ้านมากกว่าโรงงาน และใช้คนงานแค่เพียงสมาชิกในครอบครัวก็พอแล้วถ้ายอดขายไม่สูงมากนัก....เอาหล่ะเต้าหู้ก็ส่วนเต้าหู้เมล็ดทานตะวันนั้นเป็นอีกเรื่องหนึ่ง ผมไม่เคยไปโรงงานผลิตเมล็ดทานตะวันอบ ก็เลยไม่รู้อะไรเกี่ยวกับมันมากนัก เคยมีเพื่อนเอาเมล็ดทานตะวันแบบปลอกเปลือกแล้วมาให้กิน และก็พบว่ามันไม่ค่อยถูกปากมากนัก มากกว่าเมล็ดทานตะวันที่ยังมีเปลือก ผมสังเกตว่าการเสียเวลาแกะเปลือกเมล็ดทานตะวัน เป็นเรื่องน่าสนุกและท้าทายประการหนึ่ง และความอร่อยก็อยู่ตรงนี้นี่เอง เปลือกที่อบเกลือมาทำให้เกิดรสเค็มบวกกับเมล็ดที่สุกได้ที่ทำให้เกิดรสหวานมัน มันเป็นความลงตัวที่ยอดเยี่ยมสำหรับผม ซึ่งได้ชื่อว่าผู้บริโภคคนหนึ่ง และคิดไปว่าพวกนกคงไม่มีโชคดีเหมือน ผมไม่รู้ว่าจะมีใครกินเปลือกมันด้วยหรือเปล่า แต่ผมไม่กิน ยกเว้นบางครั้งที่รีบร้อนกินจนเกินไปก็อาจจะ  มีคนบอกว่า เมล็ดทานตะวันเม็ดเล็กๆ นี้ก็มีสารอาหารมากมาย มีทั้งโปรตีน ธาตุเหล็ก แคลเซียม ฟอสฟอรัส วิตามินเอ วิตามินบี 2 วิตามินอี วิตามินดี วิตามินเค และยังมีวิตามินอีสูงกว่าน้ำมันเมล็ดข้าวโพดและเมล็ดถั่วเหลืองกว่า 3 เท่าเลยทีเดียว ผู้ที่กินมังสวิรัติจะกินเมล็ดทานตะวันเป็นส่วนหนึ่งของอาหารหลักเพื่อช่วยเพิ่มโปรตีน นอกจากนั้นในเมล็ดทานตะวันยังมีกรดไขมันประเภทไม่อิ่มตัว (Linoleic Acid) ซึ่งเป็นสารอาหารที่ร่างกายไม่สามารถสังเคราะห์ขึ้นมาใช้เองได้ จึงต้องกินเข้าไปเท่านั้น  สารอาหารต่างๆ ในเมล็ดทานตะวันนี้มีคุณค่าทางโภชนาการสูง หากกินเป็นประจำจะช่วยบำรุงสายตา ป้องกันการเกิดต้อกระจกในตา ช่วยลดคอเลสเตอรอลหรือไขมันในเส้นเลือด ป้องกันการเกิดไขมันอุดตันในเส้นเลือด รวมทั้งยังช่วยชะลอความแก่และบำรุงผิวพรรณได้ด้วย ผมไม่ค่อยรู้คุณประโยชน์ของมันเท่าไรนักหรอก เพราะแค่เห็นถุงบรรจุของมันก็ไม่มีเวลาคิดถึงเรื่องอื่นอีกแล้ว บางครั้งการต้องเสียเวลาปลอกเปลือกอาจเป็นคุณค่าของมันก็ได้ คนเรามักจะให้คุณค่ากับสิ่งที่ได้มายากๆ และจึงจะคิดถนอมเอาไว้ ความยากลำบากก็มีคุณค่าตรงนี้เอง เพราะฉะนั้นถ้าชีวิตยังตกอยู่ในความยากลำบากมันก็อาจยังมีอะไรที่หอมหวานรอคอยอยู่ก็เป็นได้ เมื่อพูดถึงเมล็ดทานตะวันก็อดคิดถึงดอกทานตะวันไม่ได้ ที่ทำงานเก่าเคยส่งผมไปดูงานเกี่ยวกับเครื่องจักรผลิตกระแสไฟฟ้าโดยใช้ไอน้ำ ซึ่งจะนำมาใช้ผลิตไฟฟ้าใช้ภายในโรงงานผลิตน้ำตาลทรายในช่วงฤดูหีบอ้อยนอกจากนั้นบริษัทยังมีแผนจะผลิตกระแสไฟฟ้าขายให้กับการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคในช่วงฤดูการผลิตอีกด้วย ผมได้มีโอกาสเดินทางไปจังหวัดลพบุรี และเผอิญหน่วยงานราชการที่จะขายเครื่องผลิตกระแสไฟฟ้าแห่งนั้นอยู่ใกล้กับเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ อันเลื่องชื่อ เป็นครั้งแรกที่ผมได้มีโอกาสได้เห็นทุ่งดอกทานตะวันที่ไกลสุดลูกหูลูกตา สีเหลืองอร่ามบนท้องทุ่งริมสองฝั่งถนน ทำให้อดตื่นตะลึงในความงามของมันไม่ได้ แม้จะไม่มีโอกาสได้แวะชมเพราะงานเร่งด่วน แต่ก็รู้สึกว่าเมืองไทยเรานี้ยังมีอะไรดีๆให้ดูอีกเยอะนะ นอกจากที่จะสามารถเห็นได้ในทีวี บรรยากาศของความจริงมันมีอะไรมากกว่าภาพถ่ายหรือภาพในทีวี ถ้าเราไม่ได้มาเห็นด้วยตาตัวเองก็คงไม่ถึงบางอ้อ สิ่งที่ประทับใจสำหรับของดีเมืองไทยอย่างเมล็ดทานตะวันอบสมุนไพรนี้ เกิดขึ้นที่ ด่านชายแดน อ.แม่สาย จ.เชียงราย เมื่อสงกรานต์ที่ผ่านมาผมมีโอกาศได้ไปเที่ยวและไปพบมันเข้าโดยบังเอิญ เมล็ดทานตะวันอบมีขายกันเกร่อบริเวณชายแดน อ.แม่สาย ที่สำคัญราคาถูกสุดๆ ผมเหมาถุงใหญ่มาหลายถุง เท่าที่กำลังจะหอบหิ้วมาได้ เมล็ดทานตะวันอบเกลือที่แม่สาย น่าจะราคาถูกที่สุด(เดา) ผมเคยคิดว่าแค่เพียงรับมาขายไปก็ทำกำไรได้อย่างงาม แต่เสียตรงไกลไปนิด ๕๐๐-๖๐๐ กิโล จากบ้านผม โดยเฉพาะระยะทางจากเชี่ยงใหม่ไปเชียงรายที่ต้องขึ้นภูขึ้นดอยด้วยแล้วแทบจะเข็ดขยาดที่เดียว ทำเอาเวียนหัว แต่พอไปถึงก็คุ้มค่าจริงๆ ทิวทัศน์ และอากาศที่ดีมากๆ ทำให้หายเหนื่อยเป็นปลิดทิ้ง ผมตกเครื่องบินก่อนจะไป เพราะเล่นไม่จองล่วงหน้า ไปถึงดอนเมืองเขาบอกว่าทุกเที่ยวเต็ม โทรเช็คเที่ยวบินที่สุวรรณภูมิก็เต็มหมดลืมคิดว่าเป็นเทศกาลสงกรานต์ และไม่เคยมีแผนล่วงหน้า คิดอยากไปก็ไป ระหว่างทางติดฝนจนเกือบถอดใจกลับบ้านแต่ก็ดันทุรังไปจนได้ ตอนนั้นยังไปตกรถแถวเชียงใหม่ เสียเวลาต้องรอรถหลายชั่วโมง เขาบอกว่าไม่มีรถสายยาว ผมก็เลยต่อสายสั้นระหว่างจังหวัด เดิมที่เริ่มจากกรุงเทพฯไปลงนครสวรรค์ ต่อจากนครสวรรค์ไปเชียงใหม่ จากเชียงใหม่ไปเชียงราย ทรหดสุดๆ แต่ก็คงดีกว่าขี่มอเตอร์ไซด์ไปแน่นอน การได้ตกรถที่เชียงใหม่ สร้างสิ่งแปลกใหม่ให้กับชีวิต ซึ่งถ้าไม่ตกรถคงจะเสียดายสุดๆ นั่นคือการได้เล่นสงกรานต์เชียงใหม่ ซึ่งในชีวิตไม่เคยคิดฝันมาก่อน มันเริ่มจากความเซ็งเล็กน้อยเมื่อไม่มีรถไปเชียงรายทันที ความเซ็งทำให้สมองทำงาน เมื่อสมองทำงาน กระเพาะเริ่มร้อง นั่นจึงเป็นสาเหตุให้ต้องแบกพาสังขารเจ้ากรรมนี้ไปหาอะไรกินในเมือง ผมมาถึงเช้าจนเกินไปตอนขาไปเลยไม่เจออะไรผิดสังเกตุ หลังจากกินข้าวแถว ม.เชียงใหม่ สถานบันศึกษาเก่า การเคยเรียนอยู่แถวนี้ทำให้รู้จักบริเวณนั้นเป็นอย่างดี พูดง่ายๆ ถ้าไปเชียงใหม่ต้องไปเริ่มที่ มช.ก่อนเป็นอันดับแรกไม่เช่นนั้นจะหลง  อย่าแปลกใจว่าเคยเรียนม.เชียงใหม่ทำไมหลงเชียงใหม่ได้ ที่จริงแล้วชื่อสถาบันจริงๆที่ผมเคยเรียนก็คือ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ณ สมุทรสาคร เป็นเพียงวิทยาเขตของมหาวิทยาลัยเชียงใหม่เท่านั้น ตอนเรียนเคยได้ไปเชียงใหม่ไม่เกิน ๕ ครั้ง ตอนแรกที่ไปก็ยังหลงวุ่นไปหมด อย่างไรก็ตามวันนั้นเป็นวันเล่นน้ำกันด้วย ตอนขากลับเวลาสายๆ วัยรุ่นและผู้คนก็เริ่มออกมาเล่นสาดน้ำกันแล้ว รถเมล์สองแถวที่ผมนั่งเผอิญผ่านเข้าไปใจกลางงานพอดี อันที่จริงก็เล่นกันเกือบทั้งเมืองนั่นแหละ รถติดอยู่เป็นชั่วโมง ขณะนั่งอยู่ในรถก็เปียกไปครึ่งตัวแล้ว ทั้งที่ยังไม่ได้ไปสาดกับใครเลย แต่ก็ทำให้ได้เห็นวัฒนธรรมที่สวยงามของเมืองเชียงใหม่ เล่นสาดน้ำกันน่าสนุกสนาน ผมดูเวลาเห็นท่าว่าจะตกรถไปเชียงรายอีกครั้งเพราะจองตั๋วไว้ล่วงหน้า เนื่องจากรถสองแถวที่นั่งมาไม่ขยับเขยื้อนไปไหน ก็เลยตัดสินใจลงไปเดินแข่งกับเวลา แต่แปลกที่ลงไปเดินท่ามกลางของวัยรุ่นที่เล่นน้ำกันกลับไม่ทำให้ให้โดนสาดเหมือนที่ทำใจเตรียมเอาไว้ว่าจะต้องเปียกโซกแน่ๆ ในที่สุดผมก็ได้คำตอบหลังจากพบรถตุ๊กๆ สามล้อเข้าตรงบริเวณสี่แยกหลังจากที่เดินหาอยู่นาน นั่นแหละอีกครึ่งตัวก็เปียกอย่างสมบูณณ์ เมื่อรถตุ๊กๆ วิ่งด้วยความเร็วสูงภายหลังจากที่รู้ว่าผมใกล้จะตกรถแล้วในอีก ๑๐ นาที มันก็น่าแปลกที่ยิ่งเราหลบซ่อน มีที่กำบังมากเท่าไรศรัตรูของเราก็มักจะหาเราเจอได้เร็วเท่านั้น คนที่เดินอยู่ข้างล่างไม่ใช่เป้าหมายของคนสาดน้ำอาจเป็นเพราะเรากลายเป็นกลมกลืนหรือเป็นพวกเดียวกับเขา แต่เมื่อเรามีที่กำบังมั่นเหมาะนั่นกลับเป็นคนละเรื่อง คลื่นน้ำมากมายถาโถมกระแทกเข้ารถตุ๊กๆ ที่วิ่งด้วยความเร็วสูงคันนั้นซ้ำแล้วซ้ำเล่าตลอดทาง ยิ่งมันวิ่งด้วยความเร็วสูงเท่าไร แรงปะทะก็เพิ่มสูงขึ้นไปด้วย ผมมาถึงสถานีรถปรับอากาศไม่ต่างอะไรกับคนที่เพิ่งตกน้ำมาหมาดๆ แม้น้ำที่ละลายด้วยน้ำแข็งจะไม่ใช่ปัญหากับผมมากนักเพราะอากาศร้อนในตอนกลางวัน และถ้าหากจะไม่ขึ้นไปนั่งบนรถปรับอากาศอีก ๓ ชั่วโมงเพื่อไปเชียงราย และนั่นแหละเป็นประสบการณ์ชีวิตอย่างแท้จริง....ด่านแม่สายมีผู้คนคับคั่งในวันหยุด ผมเช่ามอเตอร์ไซด์คันหนึ่งในเมืองเชียงรายพร้อมสัมภาระก่อนเช็คอินออกจากโรงแรม บึ่งหน้าไปแม่สาย การขี่มอเตอร์ไซด์ในต่างจังหวัดแบบนี้ทำให้เราได้สัมผัสกับอากาศดีๆมากขึ้น ซึ่งถือเป็นความสุขประการหนึ่ง ระยะทางนับร้อยกิโลไม่ใช่เรื่องใหญ่สำหรับผมนัก ภาพสวยงามของอารยะธรรมและธรรมชาติน่าตื่นตาตื่นใจกว่าเยอะสำหรับดินแดนแปลกหน้าแห่งนี้ ธรรมชาติของป่าไม้ในเขตเมืองหนาวและภูดอยต่างๆ แม้มันจะมีส่วนคล้ายๆ กับทิวทัศน์จังหวัดกาญฯ แต่สิ่งหนึ่งที่แตกต่างคืออากาศที่เย็นกำลังดี ผมเคยอ่านบทความของเพื่อนๆที่บรรยากาศเกี่ยวกับเมืองโบราณอย่างเชียงแสนบ้าง การมาเที่ยวครั้งนี้ทำให้ผมไม่อาจพลาด นั่นเองเป็นเหตุให้ผมได้มีโอกาสไปนั่งริมฝั่งโขงแถวๆ สามเหลี่ยนทองคำ ดูเรือที่กำลังวิ่งรับนักท่องเที่ยวข้ามฟากไปมา เชียงแสนมีมนต์ขลังอย่างที่คนกล่าวขานจริงๆ อารยะธรรมเก่าแก่แห่งนี้มีประวัติศาสตร์มายาวนาน ถ้าศึกษาให้ดี ดินแดนแห่งนี้ถือเป็นต้นตระกูลของราชวงศ์ตั้งแต่สมัยอยุธยาจนถึงรัตนโกสินทร์ปัจจุบัน ทุกอารยะธรรมมีจุดกำเนิดและการล่มสลายเป็นเรื่องธรรมดา แต่อย่างน้อยนักเผชิญโชคอย่างผมก็ได้ค้นพบว่า เมล็ดทานตะวันที่เลิศรสที่สุด ราคาถูกที่สุดอยู่ที่ดินแดนแห่งนี้นี่เอง ดินแดนเหนือสุดแดนสยาม....   				
ไม่มีข้อความส่งถึงคีตากะ