4 กรกฎาคม 2551 18:04 น.

ความรัก ธุรกิจและโพธิญาณ

คีตากะ

 กล่าวกันว่า คนจะประสพความสำเร็จในธุรกิจได้ต้องมีทั้ง เก่งบวกเฮง แต่นิยามสำหรับผมแล้วผมอยากจะใช้คำว่ากล้าบวกบ้า มากกว่า เผอิญผมยังไม่ประสพความสำเร็จในธุรกิจเสียด้วย คำพูดอาจไม่มีน้ำหนักสักเท่าไร แต่นี่คือนิยามที่ผมเคยได้ยินคนที่ประสพความสำเร็จเขาพูดให้ฟัง และผมก็อดนิยมชมชอบไม่ได้ จิตใจที่เกินร้อย ความมุ่งมั่นที่เต็มเปี่ยม และที่สำคัญลูกบ้าไม่เหมือนใคร ในนิยามของความรักผมก็เคยได้ยินได้ฟังมาว่า ตื้อเท่านั้นที่ครองโลก ซึ่งมันน่าจะหมายถึงความเอาใจใส่ห่วงใยและดูแลความสัมพันธ์ระหว่างกันอย่างสม่ำเสมอ ไม่ใช่เป็นแบบ POPK ผีเข้าผีออก ผลุบตรงโน้นที โผล่ตรงนี้ที  มันต้องเป็นแบบไม่ขาดไม่ลา ไม่มาสาย มันคุ้นๆคล้ายๆชีวิตลูกจ้างยังไงไม่รู้  แล้วมันก็ไปเข้ากับหลักการในการบำเพ็ญเพียรเพื่อมุ่งสู่โพธิญาณของบรรดานักบุญทั้งหลาย เขาเปรียบเทียบเหมือนการเอาไม้มาสีกันจนเกิดไฟขึ้นมา ถ้าสีเร็วไปก็เหนื่อยล้มเลิกไปก็มี ถ้าสีช้าไปก็นานกว่าจะเห็นผล จนอาจคิดไปว่าไฟคงไม่มีทางเกิดได้ แต่ถ้าสีไปแบบสม่ำเสมอ ไม่หยุดไม่ท้อ ไม่ถอยความร้อนสะสมมากๆมันก็จะกลายเป็นเปลวไฟลุกโชนขึ้นมาเอง ไฟก็คือโพธิญาณนั่นเอง เพียงแต่มนุษย์เราไม่ค่อยมีความอดทนรอ ใจเร็วด่วนได้ และเบื่ออะไรง่ายๆ คนรวยบางคนที่สร้างชีวิตมาจากสองมือเปล่า บางคนเริ่มจากการติดลบมีหนี้สินล้นพ้น แล้วสามารถพลิกชีวิตขึ้นมาสำเร็จจนได้ เขามักมีแง่คิดที่ดีๆมาสอนใจเสมอ เช่น ทำแบบโง่ๆ ซื่อๆ ทำซ้ำๆซากๆ ยิ่งรวยแล้วรวยอีก อาจเป็นไปได้ว่าคนทั่วไปฉลาดเกินไป รู้มากเกินไป เรียนมากเกินไป ขยะในสมองมันได้ห่อหุ้มปัญญาเอาไว้จนหมดสิ้น ต้องการและพึ่งพาเพียงความมั่นคงในชีวิต ดังนั้นจึงชอบเงินเดือนเป็นที่สุด และไม่ชอบความเสี่ยง แต่คนที่สำเร็จเขาบอกว่า คนจนกลัวความผิดพลาด จึงชอบเป็นลูกจ้างเสียส่วนใหญ่ ส่วนคนรวยชอบเรียนรู้จากความผิดพลาดเพื่อความเป็นอิสรภาพทางการเงินและเวลา ไม่ชอบความมั่นคง  กล่าวคือมีเงินเหลือเฟือ เวลาว่างเยอะกว่า จึงชอบเป็นเจ้าของธุรกิจเสียส่วนใหญ่ การทำซ้ำๆซากๆในแนวทางที่ถูกต้องอย่างมุ่งมั่นน่าจะเป็นเคล็ดลับในเรื่องนี้ การรักษาความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันระหว่างคนรัก การสร้างสายสัมพันธ์ที่ดีกับลูกค้าและทีมงานหรือเครือข่าย และการบำเพ็ญเพียรอย่างสม่ำเสมอด้วยจิตใจที่มุ่งมั่น สำหรับผมมันคือสิ่งเดียวกัน หลักการเดียวกัน เพียงแต่ต่างกันตรงจุดมุ่งหมายเท่านั้น แม้ทั้งสามเรื่องจะมีหลักการเดียวกัน แต่ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะกระทำพร้อมกันได้ เพราะจะเข้าตำราจับปลาหลายมือ ย่อมจะขาดความมุ่งมั่นแบบรวมศูนย์ ให้เป็นหนึ่งเดียว เมื่อสมาธิถูกแบ่งแยก ทำการสิ่งใดย่อมยากสำเร็จ วิธีแก้อาจต้องทำทีละเรื่องๆไป หรือลำดับความสำคัญ หรือไม่ก็ให้น้ำหนักในเรื่องที่จำเป็นต่อชีวิตก่อน เป็นเรื่องของการบริหารจัดการเวลาของชีวิตแต่ละคน ทุกคนมีเวลา 24 ชั่วโมงเท่ากัน แต่ใครหล่ะใช้มันได้คุ้มค่ามากกว่ากัน ในการสร้างสรรค์เพื่อก้าวไปสู่ความสำเร็จที่ตนต้องการ ค้นหาเป้าหมายให้เจอก่อน แล้วมุ่งหน้าเดินอย่าท้อถอย อุปสรรคมีไว้เพื่อแก้ไข ไม่ใช่เพื่อหลบหนี หรือสร้างความรำคาญต่อจิตใจ สรุปรวมแล้วไม่ว่าจะมีจุดมุ่งหมายในชีวิตอย่างไรทุกคนก็กำลังฝึกฝนความเชี่ยวชาญต่างๆเก็บเป็นประสบการณ์ซึ่งอยากจะเรียกมันว่า ปัญญา ปัญญามากปัญหาน้อย ปัญญาน้อยปัญหามาก เป็นเรื่องธรรมดา ใช่แล้ว ใครๆก็ไม่อยากดิ้นรน อยากอยู่เฉยๆ อยากสบาย ไม่อยากปวดหัว บางครั้งจึงเพิกเฉยต่อโอกาสดีๆในชีวิตที่เข้ามา แต่ปัญหาก็ยังคงรุมเร้าอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน ยากจะอยู่ได้อย่างสงบสุข ก็ใจจะสงบได้อย่างไร ถ้าวันๆเดิน ยืน นั่ง นอนอยู่ในห้องเดียวกันกับงูพิษตั้ง 3 ตัว คือความโลภ ความโกรธและความหลง ถ้าจะให้สงบก็แค่จับมันออกไปทิ้งนอกประตูก็เท่านั้น ชีวิตก็คงผ่อนคลายมากกว่านี้ พูดถึงในส่วนของจิตใจเท่านั้น ส่วนร่างกายจะวุ่นขนาดไหนก็ไม่เกี่ยวกัน แต่ช่วงแรกๆก็คงต้องหาเวลา สถานที่ๆเงียบๆบ้างเพื่อตรวจสอบความคิดจิตใจของตนเอง ว่าถูกว่าควรเป็นอันตรายกับตัวเองและคนรอบข้างหรือไม่ ถ้าทำให้ตัวเองและคนอื่นเดือนร้อนก็คงไม่สู้ดี เวลาส่วนใหญ่จะหมดเปลืองไปกับการคิดแก้เผ็ดกัน จ้องเอาชนะกันแล้วจะค้นหาความสงบสุขได้จากที่ไหน ทุกคนต้องการอิสรภาพ อิสระเสรีแต่จะเริ่มต้นที่ไหนหล่ะ ถ้าไม่ใช่ใจ ? 
				
3 กรกฎาคม 2551 09:02 น.

ฉันที่ขี้เกียจและเฉื่อยชา.....

คีตากะ

	ทะเลทรายแห่งความปรารถนาไร้ฟากฝั่ง ถูกหล่ะ! ฉันเป็นมนุษย์ธรรมดาตามความเข้าใจของฉัน แม้ท่านจะมองเห็นว่าฉันเป็นเหมือนกับท่าน ความคิดและความปรารถนาได้นำพาฉันก้าวเข้าสู่ทะเลทรายอันแห้งแล้ง กว้างไกลและไร้ขอบเขต ใช่แล้วมันไร้จุดมุ่งหมาย ท่านกล่าวว่าฉันมาเพื่อเลือก เลือก และเลือก มิใช่มาเพื่อตัดสิน ซึ่งท่านเองก็สัญญาไว้ว่าจะให้ทุกสิ่งในสิ่งที่ฉันขอ เพียงแต่ต้องขอในนามของท่าน มิใช่ด้วยความอยากหรือความปรารถนา เมื่อใดฉันขอท่านด้วยความอยากและคาดหวัง ท่านไม่เคยปฏิเสธฉันเลย ท่านให้ทุกอย่าง ท่านได้มอบประสบการณ์ความแห่งความขาดแคลนให้กับฉัน เพราะท่านรู้ว่าฉันเป็นเหมือนท่าน เมื่อจิตใจของฉันขาดแคลน ความอยากเข้าครอบงำและคาดหวังในสิ่งต่างๆ ฉันไม่เคยได้รับในสิ่งที่อยากจะได้ ฉันจึงคงขาดแคลนเช่นนี้ตลอดไป ท่านทราบดีว่าฉันควรมีสิ่งใดและไม่ควรมีสิ่งใด ไม่ใช่สิ อันที่จริงฉันมีแล้วทุกสิ่ง และไม่มีความจำเป็นต้องมีสิ่งใดหรือขอสิ่งใด เพราะท่านอยู่กับฉันตลอดเวลา ท่านให้ตั้งแต่ฉันยังไม่เอ่ยปากขอด้วยซ้ำไป ในโลกของท่านไม่มีสิ่งที่เรียกว่า เลว และ ดี ฉันต้องการเป็นหนึ่งเดียวกับท่าน ฉันดิ้นรนเพื่อบรรลุถึงท่าน แต่มันกลับทำให้ฉันห่างไกลจากท่านมากขึ้น เพราะท่านบอกว่าฉันแสดงจิตใจอันขาดแคลนขึ้นมาแล้ว ท่านย่อมให้ในสิ่งที่ฉันขอ นั่นคือ ประสบการณ์แห่งความต้องการเรื่อยไป ฉันกำลังก้าวเข้าสู่ทะเลทรายเหมือนกับมนุษย์ส่วนใหญ่บนโลกนี้ ที่วิ่งอยู่บนกงล้อแห่งความคิดของจิตใจ อาจเรียกมันได้ว่า คุกแห่งความคิด ที่ไม่มีหนทางจะออกไปได้ จนกว่าจะเป็นนายเหนือความคิด ท่านสอนให้ฉันเลิกที่จะฟังจิตใจของตัวเอง ความคิดเพราะจิตใจที่มุ่งมั่นซ้ำๆ มันจะกลายเป็นจริงขึ้นมาในวันข้างหน้า เหมือนกับวันนี้ ที่ฉันมองย้อนกลับไป สิ่งที่ฉันเป็นในวันนี้คือสิ่งที่ฉันได้เคยเลือกเอาไว้และเคยตั้งใจที่จะเป็นมาก่อนในอดีต ท่านบอกให้ฉันฟังจากความรู้สึก ไม่ใช่จิตใจหรือความคิด ความรู้สึกมาจากจิตวิญญาณ มันคือความจริง ณ ปัจจุบันเท่านั้น เพราะนี้คือสิ่งที่ท่านบอก นี่คือเสียงของท่าน และคือประสงค์ของท่านด้วย ในการทำให้ฉันตระหนักรู้ถึงพลังความสามารถของตัวเองซึ่งก็คือของท่านด้วยเช่นกัน เมื่อใดที่ฉันเป็นหนึ่งเดียวกับท่านความคิดของฉัน เป็นความคิดของท่านด้วย คำพูดของฉันเป็นคำพูดของท่านด้วย การกระทำของฉันเป็นการกระทำของท่านด้วย ฉันไม่แปลกใจที่ทะเลแดงเคยแยกออกเป็นสองฟากได้ จากการร้องขอของโมเสส คนตายฟื้นคืนชีพได้ด้วยการร้องขอของเยซู พระพุทธเจ้าเดินข้ามแม่น้ำได้อย่างง่ายดาย ฯลฯ ไม่มีสิ่งใดที่ท่านจะทำไม่ได้ ฉันไม่สงสัยข้อนั้น นี่คือวิทยาศาสตร์ขั้นสูงสุดที่แม้แต่นักวิทยาศาสตร์บนโลกก็ยังพัฒนาไปไม่ถึง จุดมุ่งหมายของฉันไม่เคยเปลี่ยนแปลง เพียงแต่ฉันอาจขี้เกียจและเฉื่อยชาเท่านั้น และฉันยังสนุกกับพลังการสร้างสรรค์จากการเลือกสิ่งต่างๆซึ่งหลายครั้งที่ฉันก็เหน็ดเหนื่อยกับผลลัพธ์ของมัน โลกของท่านซึ่งก็คือโลกที่แท้จริงของฉันไม่มีคำว่าสำเร็จ กับล้มเหลว เหมือนที่มนุษย์เขาสมมุติกัน ฉันพบแล้วว่าฉันไม่มีความจำเป็นต้องร้องขอสิ่งใด ฉันทำเพียงแต่ ขอบคุณและขอบคุณ ในสิ่งที่ท่านได้ให้มาตลอด ท่านไม่เคยปฏิเสธการร้องขอของฉัน แม้บางอย่างมันก็ไร้สาระสิ้นดี และอาจไม่มีประโยชน์อะไรกับฉันเลยในการที่จะเป็นหนึ่งเดียวกับท่านและมีความรักอันยิ่งใหญ่เหมือนที่ท่านมี.......................				
ไม่มีข้อความส่งถึงคีตากะ