3 ธันวาคม 2566 12:32 น.

ปรมาจารย์ขั้นสูงสุด: พระบุตรองค์เดียวของพระเจ้า

คีตากะ

ปราศรัยโดย ท่านอนุตราจารย์ชิงไห่ 
รายการระหว่างอาจารย์และลูกศิษย์
“[…] หากคุณวางใจพระเจ้า วางใจในพระบุตรของพระเจ้าและ วางใจนักบุญและปราชญ์ผู้ศักดิ์สิทธิ์ คุณจะได้รับ
ความรอด และการดำรงอยู่ของคุณ จะดำเนินต่อไปตลอดไป แม้ว่าคุณจะทำผิดพลาดบ้างก็ตาม และกลับใจ 
คุณอาจได้รับการอภัย แล้วถ้าคุณได้พบ พระบุตรของพระเจ้าหรือ นักปราชญ์และนักบุญผู้ศักดิ์สิทธิ์ คุณจะได้รับ
ความรอด ถ้าคุณติดตามพวกท่าน และถ้าคุณเชื่อฟัง พระบัญญัติของพระเจ้า ในขณะที่คุณอยู่ ในอาณาจักรทางกายภาพนี้”
สวัสดี สวัสดีคุณทุกคน ลูก ๆ ของพระเจ้า ผู้เป็นที่รักแห่งสวรรค์ ฉันคิดว่าคุณกังวล ฉันเลยจะพูดด้วยสักสองสาม
คำ อาจจะมากกว่าสองสามคำ คุณก็รู้ว่าฉันยังอยู่ที่นี่ เพราะคุณได้ยินฉัน แต่ฉันยังคงต้องรับมือกับสถานการณ์นี้ 
กับเวทมนตร์ ที่ส่งมาทำร้ายฉัน แม้ว่าฉัน จะเป็นฝ่ายชนะ แต่ผลยังคงอยู่ และเมื่อไม่นานมานี้ เวทมนตร์ยังคง
ทำอยู่ ที่หน้าประตูบ้านของฉัน แม้แต่หลังจากที่ฉันได้ย้าย ไปอยู่ห้องอื่นก็ตาม แต่มีบางครั้งที่ ฉันสามารถ
แอบออก ไปได้อย่างรวดเร็ว และบางครั้งอาจ มากกว่าการแอบออก ไปสองสามชั่วโมง ไม่ต้องห่วงฉัน 
ฉันเป็นผู้หญิงแกร่ง ฉันแกร่ง ใช่ ฉันจะรอดอีกครั้ง และถ้าฉันไม่รอด ก็ เราทุกคนต่างต้องไปสักวันหนึ่ง 
ถ้าฉันตาย ฉันก็ตาย นะ
แต่ฉัน แน่นอนว่า พยายามอย่างเต็มที่เพื่อความอยู่รอด เพื่อประโยชน์ของคุณ ฉันดีใจที่คุณไม่ฝึกฝน การใช้
เวทมนตร์ใด ๆ – โดยเฉพาะมนต์ดำ – เพราะมันไม่ดีต่อคุณมาก ๆ เป็นกรรมหนักมาก แม้แต่สิ่งที่คุณเรียนรู้
จากโลกของปีศาจก่อกวน ระหว่างช่องว่างแห่งกรรม มันก็ยังมีผลลงโทษ เพราะไม่ช้าก็เร็ว คุณก็จะถูกจับได้
ฉันก็ถาม แม่มด ว่า “ทำไมล่ะ? ทำไมคุณถึงติดตามปีศาจ? และเธอบอกฉันว่า "เพราะมันทรงพลังมาก และมีผล
กระทบ ที่คุณสัมผัสได้" ฉันพูดว่า "ไม่ ไม่ นี่เป็นเพียงขอบเขต ทางกายภาพ ซึ่งเป็นธรรมชาติของโลก ที่ไม่
ยั่งยืนอยู่แล้ว ที่เราอาศัยอยู่ นอกจากนี้ ยกเว้นว่า พวกเขามาจากมนุษย์ และกลายเป็นปีศาจ ปีศาจ แต่เดิม 
จริง ๆ นั้นถูกสร้างขึ้นจากเกือบจะ เหมือนกับอากาศเบาบางเท่านั้น คุณพูดได้อย่างนั้น เนื่องจากพวกเขาถูก
สร้างขึ้นโดยพลังงานการกระทำชั่วของมนุษย์ ดังนั้นทันที ที่พลังงานนั้นหมดไป พวกเขาจะแค่ระเหยไป 
พวกเขาจะไม่คงอยู่อีกต่อไป ไม่ว่าพวกเขาจะทรงพลังแค่ไหนก็ตาม แต่ถ้าคุณวางใจในพระเจ้า วางใจพระบุตร
ของพระเจ้าและวางใจในนักบุญและปราชญ์ ผู้ศักดิ์สิทธิ์ คุณจะได้รับการช่วยเหลือ และการดำรงอยู่ของคุณ 
จะดำเนินต่อไปตลอดกาล แม้ว่าคุณจะทำผิดพลาดบ้าง และกลับใจ คุณอาจได้รับการให้อภัย และถ้าคุณได้พบ
กับพระบุตรของพระเจ้าหรือ นักปราชญ์และนักบุญผู้ศักดิ์สิทธิ์ บางท่าน คุณจะรอด ถ้าคุณติดตามพวกเขา 
และถ้าคุณเชื่อฟังพระบัญญัติของพระเจ้า ในขณะที่คุณอยู่ใน อาณาจักรทางกายภาพนี้”
ในสวรรค์เราไม่มี บัญญัติใด ๆ เพราะ ทุกคนเป็นคนดี พวกเขามีจิตใจบริสุทธิ์ และบูชาแต่พระเจ้า ดังนั้นพวกเขา
จึงไม่มีปัญหาใด ๆ และไม่มีพลังงานที่ไม่ดี ไม่มีคำพูดที่ไม่ดี ใน "พจนานุกรม" ของพวกเขาเลย พวกเขาไม่
จำเป็นต้องพูดด้วยซ้ำ พวกเขาใช้พลังกระแสจิตระดับสูง เพื่อถ่ายทอด ความรู้สึกถึงกันและกัน เฉพาะในโลก
ทางกายภาพนี้เท่านั้น ที่เราต้องใช้ ภาษามากมาย และถึงอย่างนั้น เราก็ไม่เข้าใจกัน มากนัก ดังนั้นเราจึงทำ
สิ่งผิดมากมาย และเรายังต่อสู้ หรือบางครั้ง ก็ฆ่ากันเองและ ฆ่าสิ่งมีชีวิตอื่นที่เราเห็นว่า ด้อยกว่าและโชคดี
น้อยกว่า และแน่นอน ว่าเราถือว่าไร้ค่า เช่น ชาวสัตว์ หรือชาวอาณาจักรต้นไม้
เพียงติดตามพระเจ้า เพียงบูชาพระเจ้า ถ้าคุณมีอาจารย์คนใด ที่ได้รับการยกระดับ และรู้แจ้งอย่างสูง โชคลาภ
ของคุณก็ว้าว! คุณควรจะขอบคุณเพราะ คุณร่ำรวยมากกว่า เศรษฐีเงินล้านล้านคนใด ๆ บนดาวเคราะห์นี้ เศรษฐี
หลายล้านล้าน มหาเศรษฐีหลายล้านคน ก็เทียบไม่ได้กับคุณ ในจักรวาลทั้งหมด คุณนั้นเยี่ยมที่สุด แน่นอน 
ยกเว้น อาจารย์ นักบุญและ นักปราชญ์ พระบุตรของพระเจ้า และพระเจ้าผู้สูงสุด
คุณถามฉันว่าทำไม ฉันถึงยังต้อง รับมือกับสถานการณ์เวทมนตร์นี้ แน่นอน เพราะหลังจากรื้อ พวงมาลาพิษ
ที่วางไว้ หน้าประตูบ้านฉัน ก่อนที่ฉันจะย้ายไปอีกห้องหนึ่ง หลังจากนั้น พวกเขาก็จัดตั้ง อีกระบบขึ้นมา 
ระบบอื่น เหมือนระบบที่ ทำให้ระบบย่อยอาหาร และระบบต่อมรับรสของฉันปั่นป่วน ดังนั้นฉันจึงไม่รับรส
อะไรเลย ฉันไม่อยากอาหาร และมีปัญหากับ การควบคุมกระเพาะอาหาร และหลังจากสิ่งนั้น ถูกทำลายไป 
พวกเขาก็ตั้งอีกระบบนึง มันมีจุดเชื่อมต่ออยู่ในสถานที่ ของฉัน นั่นเป็นเหตุผลที่ พวกเขาสามารถใช้จุดนั้นมา 
จัดตั้งสิ่งต่าง ๆ ในบ้านของฉันได้ ไม่เช่นนั้นจะไม่มีใครเข้าไปได้ ไม่มีใครสามารถทำอะไรได้ ในระหว่างที่ฉัน
เข้าฌานได้ มันเป็นเพียงเพราะ ฉันยังต้องทำงานให้กับ โทรทัศน์สุพรีมมาสเตอร์ ซึ่งนำกรรมทุกชนิดมา
ทางอินเทอร์เน็ตผ่านทางงานของฉัน เพราะ โทรทัศน์สุพรีมมาสเตอร์ ทำงานร่วมกับโลก และเพื่อผู้คน
ในโลกนั่นฉันไม่สามารถแยกออกได้ แต่ไม่เป็นไร
จากนั้นพวกเขาก็ จัดตั้งสิ่งต่าง ๆ – ที่น่าขยะแขยง – เช่น ระบบวงแหวนอึหนู ซึ่งวางรอบ ๆ ขยะของฉันด้วยซ้ำ 
เพราะบางครั้ง ฉันต้องเข้าห้องน้ำ และนั่นจะรบกวนและ ทำให้ระบบย่อยอาหารของฉันปั่นป่วน หลังจากสิ่งนั้น
จบลง และถูกทำลายไป พวกเขาก็ตั้งระบบอีกระบบหนึ่ง ที่ถ้าฉันบังเอิญ เดินผ่านประตูเข้าไป ฉันจะโกรธมาก 
ทั้งภายในและภายนอก นั่นคือปัญหา และมันมีระบบอื่น ที่พวกเขาตั้งไว้ก่อนหน้านั้น ก่อนหน้าพวงมาลาพิษ
ด้วยซ้ำ ฉันไม่ได้สังเกตเพราะ ฉันยุ่งอยู่กับสิ่งอื่น และวิญญาณ จิตคิด และ ความคิดของฉันอยู่ในระดับที่สูง 
กว่าระบบทางกายภาพ ดังนั้นฉันจึงไม่ได้สังเกต และโชคดีที่ตอนนี้ ทุกอย่างได้ผ่านฉันไปแล้ว แต่มันทำให้ฉัน
อารมณ์เสียอย่างมาก ต่อความเป็นอยู่ของฉัน – ไม่ใช่แค่ร่างกายเท่านั้น แต่ยังรวมถึง อารมณ์ ด้านจิตวิทยา 
จิตใจ และ สภาพการเงินด้วย
อย่างไรก็ตาม เราได้สูญเสีย (เงิน) บางส่วนไป แต่สิ่งเหล่านี้เป็นเพียงวัตถุ และสิ่งทางกายภาพ และไม่ได้
น่ากังวลมากนัก ตราบใดที่ฉันยังมีพลัง ทางจิตวิญญาณเพียงพอ – หลังจากให้ไปมากมาย – ถ้าฉันมีเพียงพอ
ฉันยังสามารถอยู่รอดได้ ในโลกนี้และทำงาน และนั่งสมาธิต่อไป นอกจากนี้ ฉันยังต้อง ตรวจสอบช่องทาง 
ทางจิตวิญญาณเหล่านี้อยู่เสมอ ซึ่งมีพลังทาง จิตวิญญาณที่สูงกว่า เพื่อที่ฉันจะได้ทำงานต่อไปได้ แม้ว่า
บางครั้งฉันจะมี เวลาทำสมาธิไม่มากก็ตาม ฉันพยายาม แต่บางครั้ง กรรมก็มากเกินไป มันก็เอาชนะร่างกาย
ของฉันได้ และมันไม่ง่าย ที่จะทำสมาธิบางครั้ง ในสถานะของฉันเลย ฉันพยายามอย่างเต็มที่
โชคดีที่มี ช่องทางจิตวิญญาณอยู่บ้าง เช่นเดียวกับที่คุณสามารถเสียบปลั๊ก และเติมพลังให้กับตัวเองได้ 
แม้ว่าคุณจะยังคงเสียไป เสียไป เสียไป คุณสามารถชาร์จได้ตลอดเวลา แต่ช่องชาร์จเหล่านี้ คุณไม่สามารถ
อยู่ในนั้นได้ ตลอดทั้งวัน คุณเข้าไปได้เพียง ไม่กี่วินาที แค่นั้น เพราะร่างกายของคุณทน เกินกว่านั้นไม่ได้ 
และหลังจากผ่านไปสองสามวัน – บางครั้งห้าวัน บางครั้งหกวัน บางครั้งหนึ่งสัปดาห์ – ช่องทางนี้ก็จะปิด
ไม่สามารถใช้ได้อีกต่อไป ดังนั้นฉันจึงต้องมองหา ที่อื่นต่อไป ตามที่ฉันรู้ จากนั้นก็ดึงมันเข้าไปในที่ ที่ฉันอยู่
ถ้าเป็นไปได้ จากนั้นฉันก็สามารถชาร์จตัวเองได้
มีสถานที่หลายแห่งที่ มีพลังทางจิตวิญญาณ สูงมาก แต่ฉันไม่ สามารถเข้าถึงได้ ก็ ทำอะไรได้ล่ะ? ฉันมีสิ่งที่
ฉันมี และสถานที่เหล่านั้น บางแห่งมีราคาสูงมาก ในสังคม มีเพียงคนพิเศษบางคนเท่านั้น ที่สามารถไปที่นั่น
อาศัยอยู่ที่นั่น หรือทำงานที่นั่นเนื่องจากงานของพวกเขา หรือเพียงแค่ได้รับมรดก มาจากราชวงศ์ในอดีต 
หรือจากนักบุญ ที่เคยอยู่ที่นั่น อย่างไรก็ตาม พวกเขาไม่รู้อะไรเลย เกี่ยวกับมัน และพวกเขาก็ ไม่สามารถใช้
ประโยชน์จากมันได้ แม้ว่าพวกเขาจะรู้ แต่ก็ไม่สามารถใช้มันได้ ดังนั้นจึงไม่มีประโยชน์สำหรับฉัน ที่จะบอก
ใครเลย และตอนนี้ ฉันแค่กำลังคุยกับคุณ โดยไม่ต้องเขียนอะไร หรือไม่มี เครื่องส่งสัญญาณทางไกลเลย 
ดังนั้นสิ่งใดที่ฉันจำได้ ฉันก็จะบอกคุณ ว่ามันไม่ได้ลื่นไหลเสมอไป ไม่ลื่น ราบรื่น หรือเป็นไปตามประเด็น 
หรือเป็นไปตามหัวข้อ มันไม่สำคัญ คุณจะเข้าใจทุกอย่าง และถ้าคุณไม่เข้าใจ คุณก็ไม่เข้าใจ หลายคน
ไม่เข้าใจ
อย่างไรก็ตาม คุณคงจะถามฉันว่า ทำไมฉันถึงไม่ใช้ พลังใด ๆ ที่ฉันมี เพื่อแค่กำจัดแม่มดนั่น ฉันขอโทษ 
ฉันทำอย่างนั้นไม่ได้ เพราะถ้าฉันใช้พลังของฉัน จัดการเรื่องนี้ เธอก็จะต้องตายทันที จุดยืนของฉัน 
คือไม่ฆ่าใคร จุดยืนของฉัน ความตั้งใจของฉัน หัวใจของฉัน ภารกิจของฉัน คือการช่วยเหลือ ดังนั้น ฉันแค่ต้อง
อดทน ไม่ว่าสถานการณ์นั้น จะยากและเจ็บปวด ถูกนำมา หรือ ถูกกระทำต่อฉันเพียงใด เราไม่ได้มาที่นี่ 
เพื่อทำลายหรือฆ่า เราอยู่ที่นี่เพื่อช่วยเหลือผู้คน อย่างอ่อนโยนเท่าที่จะทำได้ เท่าที่พวกเขาจะทนได้ เท่าที่ 
พวกเขาจะเข้าใจได้ เพื่อนำพวกเขาไปสู่พลัง ทางปัญญาของพวกเขาเอง เข้าใจในพลังของตนเอง เพื่อที่ 
พวกเขาจะได้ตื่นขึ้นเอง และพวกเขาสามารถยอมรับได้ จากนั้นพวกเขาก็เริ่มค้นหา ความรู้ที่สูงกว่า เพื่อปัญญา
ที่มากขึ้น เราไม่ได้มาที่นี่เพื่อทำลาย สิ่งใดหรือฆ่าใคร การฆ่าไม่เคยช่วยใครเลย ฉันแค่ส่งความรักมากมาย
 เรามาเพื่อรักษา ไม่ใช่เพื่อฆ่า ฉันขอบคุณพระเจ้าทุกวัน สำหรับการปกป้องของพระองค์ ตลอดหลายปีที่ผ่านมา
ฉันอยู่ในศาลแห่งสวรรค์ เพื่อปกป้องผู้หญิงคนนี้ ที่พยายามจะฆ่าฉัน ฉันบอกพระเจ้าว่า “ได้โปรดเถิด พระองค์ พระองค์ทรงเป็นผู้ทรงฤทธานุภาพ โปรดยกโทษด้วย” ฉันยกโทษให้เธอ ฉันยังคงให้อภัยเธอ เพราะเธอแค่
เข้าใจผิด แนวคิดของชีวิต และทุกสิ่งในโลกนี้ มีพลังดึงดูดใจที่ ทำให้คนล้มลงได้ ใคร ๆ ก็ล้มได้ ใคร ๆ
ก็ล้มเหลวได้ ในดินแดนทางกายภาพนี้ ได้โปรดยกโทษให้ด้วยเถอะ” เพราะพวกเขากำลังจะพาเธอ ไปยังนรก
ที่ทรมาน ไม่มีที่สิ้นสุดนี้ ฉันบอกคุณไปแล้ว – ที่ที่ไม่มีใครรู้ว่าจะ ต้องช่วยเหลือที่ไหนและ ตลอดไปและ
ไม่หยุดยั้ง – ตลอดทั้งวันทั้งคืน
เพราะนรกหลายแห่ง ไม่เป็นเช่นนั้น ไม่เหมือน ที่เรียกว่า นรกที่ไม่หยุดยั้ง นรกอื่น ๆ พวกเขามีการลงโทษ – 
การลงโทษที่น่าสยดสยอง เจ็บปวด และอธิบายไม่ได้ โหดร้าย และโหดร้ายต่าง ๆ นานา แต่ส่วนใหญ่ 
ก็มีช่วงพัก เหมือนได้พัก แล้วกลับมา โดนลงโทษอีก ขึ้นอยู่กับว่าบาปนั้น เลวร้ายแค่ไหน แต่นรกที่ไม่หยุดยั้ง
กลับไม่เป็นอย่างนั้น เป็นการลงโทษไปตลอดกาล และคุณจะรู้สึกเจ็บปวดสาหัส สาหัส สาหัสไปตลอดกาล... 
ฉันไม่รู้จะพูดยังไง... ความโศกเศร้า ความเจ็บปวด อะไรก็ตาม แต่มัน ก็ไม่เคยหยุดเลย แม้ว่าพระพุทธเจ้า
จะเสด็จไปที่นั่น และให้อาหารแก่คุณ อาหารของคุณจะกลาย เป็นไฟลุกไหม้ในปากของคุณ และลงไปตาม
ร่างกายของคุณ คุณไม่สามารถมีอะไร ที่เป็นเหมือนอาหารที่แย่ที่สุด ที่มนุษย์มีได้ ฉันไม่เคยต้องการ ให้ใคร
ตกลงไป ในนรกแบบนั้น นั่นเป็นเหตุผลที่ฉันพยายามอย่างหนัก ที่จะช่วยผู้หญิงคนนี้ โดยหวังว่า 
เธอจะเข้าใจสถานการณ์ของเธอ และเข้าใจสิ่งถูกจากสิ่งผิด และการเปลี่ยนแปลง
ฉันพูดว่า "ใคร ๆ ก็ล้มเหลวได้ ใคร ๆ ก็ล้มลงบนดาวเคราะห์นี้ได้ เพราะระบบที่นี่ สร้างมาเพื่อดักจับคุณ"
 และสุดท้าย ด้วยการต่อสู้ดิ้นรนมากมาย การพูดมากมาย การเจรจาต่อรองมากมาย และฉันต้องเสียค่าใช้จ่าย
บางส่วน เธอจึงเข้าใจ จากนั้นเธอก็กลับใจ และร้องไห้เมื่อ เห็นนรกด้วยตัวเอง และเธอก็ตกใจมาก จนกลับใจ
จริง ๆ และสัญญา ว่าจะไม่ทำอะไรอีก และเพียงให้อภัยเธอ แล้วเธอจะไม่ ทำอันตรายใด ๆ อีก เธอจะไม่ใช้
เวทมนตร์อีกต่อไป โอเค ไม่เป็นไร ฉันรู้สึกโล่งใจมาก
เดิมที ฉันขอเพียงว่า "เอาล่ะ พระเจ้าที่รัก คำตัดสินของสวรรค์ทั้งหลาย ได้โปรด ถ้าฉันไม่สามารถขอให้เธอ
มากเกินไป ดังนั้น โปรดเพียงส่งเธอ ไปไว้ในโลกปีศาจ ที่ซึ่งเธอทำงาน ร่วมกับพวกเขา และเธออาจจะ 
แค่เป็น มนุษย์ปีศาจต่อไป ฉันคิดว่านั่นคือทั้งหมด ที่ฉันขอได้ แต่หลังจากนั้น ด้วยเวลามากขึ้น ความพยายาม
มากขึ้น ๆ และการชดใช้ มากขึ้น ๆ เธอก็จะได้รับการปลดปล่อย เพราะเธอกลับใจอย่างจริงใจ แต่หลังจากนั้น
สักพัก ก็มีข่าวเกิดขึ้นและ เธอก็คิดว่าฉันจะไป อยู่ที่ประเทศของเธอ เธอไม่ชอบสิ่งนั้น และปีศาจก็บอกให้
เธอทำเช่นนี้ แล้วทำอย่างนั้นกับฉันอีก แต่ฉันยังอยู่ที่นี่ ไม่ต้องกังวล แค่เจ็บปวดบ้าง ลำบากบ้าง ที่ฉันต้อง
เผชิญ แต่ราคา ราคาใด ๆก็คุ้ม ไม่ต้องกังวล ไม่ต้องกังวลเลย ฉันจะอยู่รอด
ดูนะ พระบิดาคือพระเจ้า ผู้ทรงฤทธานุภาพที่สูงที่สุด ไร้นามนี้ ผู้ทรงดำรงอยู่ทุกหนทุกแห่ง ทรงฤทธานุภาพ
ทุกสรรพสิ่ง ผู้ทรงรอบรู้ ผู้ทรงเป็นทุกสิ่ง – ในทุกสิ่ง – ยกเว้นมารร้าย แน่นอน เพราะมาร ไม่มีแก่นสาร ไม่มี
วิญญาณ ไม่มีหัวใจ ไม่มีอะไรเลย นั่นเป็นเหตุผลที่พวกมันสามารถ ทำอะไรก็ได้ เพราะพวกมัน ไม่รู้สึกเจ็บปวด
กับผู้อื่น พวกมันเองก็ไม่รู้สึก เจ็บปวดเช่นกัน แต่เมื่อพวกมันไม่มี พลังงานบาปอันเลวร้าย ที่มนุษย์สร้างขึ้นแล้ว 
พวกมันก็จะระเหย หายไป หมดไป ไม่มีอยู่อีกต่อไป เพราะเหตุนี้ใครก็ตาม ที่บูชาปีศาจ พวกเขาได้ทำ
ผิดพลาดใหญ่ ใหญ่ ใหญ่ ใหญ่หลวง ทำร้ายตัวเองอย่างใหญ่หลวง
มีปีศาจมากมาย ที่ต้องการทำร้ายฉันเช่นกัน และพวกมันก็ช่วยเธอ ทำสิ่งนี้ด้วย เธอไม่ใช่คนเดียว บางครั้งปีศาจ
ที่เป็นมนุษย์เหล่านั้น เนื่องมาจากความอิจฉาริษยา ความเย่อหยิ่ง หรืออัตตา พยายามที่จะทำร้ายฉันคนเดียว – 
ไม่ใช่กับปีศาจมนุษย์อื่น หรือปีศาจที่ไม่ใช่มนุษย์ – หลายปีที่ผ่านมา บางคนถึงกับสารภาพ กับฉันหรือในที่ 
ชุมนุมสาธารณะกับ หลายคนที่เรียกว่า ลูกศิษย์ของฉัน หลายคนได้ยินมัน ฉันคิดว่าเรายังมีเทปอยู่ ที่ไหน
สักแห่ง หรืออาจจะเคยออกอากาศไปแล้ว เมื่อหลายปีก่อน
หนึ่งในนั้นคือผู้ชาย นักเวทมนตร์ชายคนหนึ่ง – แม้กระทั่งตำหนิฉัน สำหรับการทำร้ายเขา โดยไม่ปล่อยให้กริช
ของเขา เจาะทะลุร่างกายของฉัน กลับกลายเป็นว่ามันพุ่งกลับไปหาเขา เขาจึงต้องยกเลิก ความพยายาม
ลอบสังหารของเขา! ฉันบอกว่ามันไม่ใช่ความตั้งใจของฉัน ที่จะทำให้เขาเจ็บปวด มันแค่เกิดขึ้น บางครั้งก็
โดยองครักษ์ หรือนางฟ้า “ขอโทษ” ฉันกล่าว “แต่ได้โปรดอย่าทำอีก การฆ่าถือเป็นกรรมหนัก! คุณก็รู้? 
ไม่ช้าก็เร็วผู้พิพากษา จะจับคุณและลงโทษคุณ” ฉันหมายถึงผู้พิพากษาจากสวรรค์ แม้ว่าผู้พิพากษา 
ในโลกทางกายภาพนี้ ไม่สามารถหาหลักฐานได้ หรือหาคุณไม่พบ
การอยู่ในโลกสาธารณะใด ๆ และเตือนผู้คน ให้ปฏิบัติธรรมเป็นความเสี่ยง ที่ฉันต้องทำ มันดูง่ายไปหมด
เหมือนว่าฉันมักจะยิ้ม ตลอดเวลา และเล่าเรื่องตลก และทั้งหมดนั่น ดังนั้นผู้คนจึงอาจคิดว่า "โอ้ สิ่งที่ท่านทำ
มันง่ายมาก" และอาจพยายามเลียนแบบ มันไม่ใช่แค่นั้น มันเป็นเพียงภายนอก มันแตกต่างกันทั้งหมดภายใน
คุณต้องฝึกสมาธิ อย่างจริงจัง ตรวจสอบ มาตรฐานทางศีลธรรมของคุณเอง ตลอดเวลา และเชื่อมต่อ กับพลัง
ที่สูงกว่า และ/หรือกับพระเจ้าผู้ทรงอำนาจ ตลอดเวลา สรรเสริญพระองค์ บูชาพระองค์ อธิษฐานขอความ
คุ้มครอง และการปลดปล่อย ส่วนใหญ่เพื่อ ให้คุณทำงานต่อไปได้ – ไม่ใช่คุณกังวลเรื่องความเป็น 
และความตาย มันจะดีกว่าถ้าทำงานคุณ ให้เสร็จในช่วงชีวิตเดียว หรืออย่างน้อยก็จนกว่าจะถึงจุดหนึ่ง
ไม่อย่างนั้น ก็กลับชาติมาเกิดใหม่ – เกิดเป็นทารกอีกครั้ง โตขึ้น เป็นผู้ใหญ่ แล้วเริ่มต้นใหม่ - มันค่อนข้าง
น่าเบื่อมาก ไม่มีใครอยากทำแบบนั้นอีก ฉันไม่อยาก
คุณถามฉันว่า แน่นอน ทำไมฉันไม่ใช้พลังเพื่อ เอาชนะเธอ (แม่มด) ไม่ ฉันทำไม่ได้ ถ้าฉันใช้พลัง ฉันหมายถึง
พลังที่แข็งแกร่งนี้ ที่จะจัดการปัญหานี้ ทันที เธอจะตาย ทันที มันจะไม่มีโอกาสที่เธอ จะได้รับการช่วยเหลือ
ได้รับการไถ่โทษ หรือแม้แต่กล่าวขอโทษ หรืออะไรเลย ฉันก็เลยต้องอดทน เพื่อที่ฉันจะมีเวลา และทำมัน
อย่างช้า ๆ แล้วบางทีเธออาจจะกลับใจ แล้วบางทีอาจ มีข้อแก้ตัว ที่จะช่วยเธอ สวรรค์ทั้งหมดผ่อนปรน แน่นอน
แต่มีสวรรค์เบื้องล่างบางแห่ง ที่ไม่ผ่อนปรน พวกเขาปฏิบัติตาม และเคร่งครัดมาก และบางครั้ง ขอโทษ 
แม้แต่ พระเยซูก็ไม่สามารถแทรกแซงได้ มันเป็นกฎหมาย มันเข้มงวดมาก ดำและขาว เช่นนั้น เข้มงวดยิ่งกว่า 
แม้แต่บนดาวเคราะห์ของเรา
ดังนั้นโปรดอธิษฐานต่อไปเพื่อ การปลดปล่อยจิตวิญญาณของคุณ นั่นคือสิ่งที่สำคัญที่สุด แม้ว่าโลกจะยังอยู่
ในสภาพสมบูรณ์ แต่ถ้าวิญญาณของคุณสูญหาย หรือตกนรก คุณจะอยู่ใน... โอ้ พระเจ้า ฉันไม่รู้ว่านานแค่ไหน
กว่าคุณจะได้ออก และคุณจะเจ็บปวด และเสียใจมาก บางคนก็กิน ผลิตภัณฑ์ชาวสัตว์ด้วย แต่เพราะพวกเขา
มีบุญมาก ในชาติก่อน จึงอาจรอดได้ และพวกเขาอาจจะยัง ไปสวรรค์- สวรรค์ที่ระดับต่ำกว่า – ยังไม่ลงนรก 
แต่คุณไม่รู้เลย ว่าคุณมีบุญเพียงพอ จากอดีตชาติหรือไม่ หรือบางทีคุณอาจเคยทำ เรื่องเลวร้ายมามากมาย 
ในชาติก่อน ดังนั้น ชาตินี้ถ้าคุณทำต่อไป ก็จะไม่มีใครช่วยคุณได้
โปรดสรรเสริญ พระเจ้าผู้ทรงฤทธานุภาพ บูชาพระเจ้าผู้ทรงฤทธานุภาพทุกวัน และแน่นอน ขอขอบคุณ
พระบุตรของพระเจ้า และนักบุญและนักปราชญ์ทั้งหมด ที่ออกมาจากพลัง ของพระจิตวิญญาณบริสุทธิ์
ตอนนี้ ฉันจะบอกคุณ บางอย่างเกี่ยวกับเรื่องนั้น ตัวอย่างเช่น คุณเห็น ไหมว่าในศาสนาส่วนใหญ่ พวกเขา
มีตรีเอกานุภาพนี้ โอเค สมมติว่าในศาสนาคริสต์ พวกเขาอธิษฐานต่อพระบิดา พระบุตร และพระจิตศักดิ์สิทธิ์ 
หรือพระจิตวิญญาณบริสุทธิ์เสมอ ฉันไม่อยากใช้คำว่า “พระจิตศักดิ์สิทธิ์” แต่นั่นคือสิ่งที่พวกเขาแปล
ในพระคัมภีร์เก่าบางเล่ม พระบิดาคือใคร? นั่นคือต้นกำเนิดของทุกสิ่ง และนั่นคือ "ในปฐมกาลคือพระวจนะ" 
หมายถึงเสียง (สวรรค์ภายใน) ความสั่นสะเทือน "และพระวจนะทรงอยู่กับพระเจ้า พระวจนะทรงเป็นพระเจ้า"
ดังนั้นเสียงนี้ ความสั่นสะเทือนนี้ ซึ่งฉันมอบให้ กับคนที่เรียกว่าลูกศิษย์ของฉัน เป็นสิ่งที่มาจาก พระเจ้า
โดยตรง ถ้าเราต้องการกลับบ้านไปหาพระเจ้า เราจะต้องถูกโอบกอดด้วย เสียง (แห่งสวรรค์ภายใน) นี้ 
ความสั่นสะเทือนนี้
อย่างไรก็ตามเราทุกคนก็มีมันอยู่ข้างใน ถ้าคุณเป็นมนุษย์จริง ๆ คุณก็จะมีสิ่งนั้น เว้นแต่คุณจะดูเหมือนมนุษย์ 
แต่คุณไม่ใช่ เช่น คุณเป็นปีศาจ หรืออย่างอื่น แม้แต่นางฟ้า ก็ยังไม่มีมัน มีเพียงมนุษย์เท่านั้นที่มีมัน เสียง 
(แห่งสวรรค์ภายใน) นั้น พลังงานการสั่นสะเทือนนั้น ทรงพลังมาก แสง (แห่งสวรรค์ภายใน) ก็เป็น การสั่น
สะเทือนหรือเสียง อีกรูปแบบหนึ่ง แต่ละเอียดมากกว่า แสงสวรรค์นั้น – แสง (แห่งสวรรค์ภายใน) ทรงพลัง
มหาศาล และเมื่อรวมกับ เสียง (แห่งสวรรค์ภายใน) นั้น หรือ “พระวจนะของพระเจ้า” การรวมกัน จึงเรียกว่า 
ธรรมวิถีกวนอิม ที่ฉันได้สอนผู้คน
แต่คุณต้องเปิด การได้ยินภายในและ การมองเห็นภายในของคุณ ตาที่สามและ ที่เรียกหูที่สาม ถ้าคุณต้องการ
เรียกสิ่งนั้นอย่างนั้น จากนั้นคุณจะสามารถได้ยิน เสียงการสั่นสะเทือน เสียง (แห่งสวรรค์ภายใน) พระวจนะของ
พระเจ้า และคุณจะสามารถเห็น แสง (แห่งสวรรค์ภายใน) ซึ่งเป็นการสำแดง ของพระเจ้า พระเจ้าไม่มีชื่อ 
ถ้าคุณต้องการรู้จักพระเจ้า แสง (แห่งสวรรค์ภายใน) และความสั่นสะเทือน เสียงสวรรค์ จะช่วยคุณได้ 
ไม่มีอะไรอื่นทำได้ และนั่นคือหนทางที่แน่นอนที่สุด ซึ่งเป็นเครื่องมือที่แน่นอนที่สุด ที่จะนำคุณกลับบ้านไปหา
พระเจ้า และคุณจะไม่เกิดใหม่อีก ในสถานการณ์ที่ต่ำต้อยหรือ ถูกเนรเทศไปลงนรก เพื่อรับการลงโทษ
และความเจ็บปวด แน่นอน คุณกลับไป ยังโลกได้ ถ้าคุณต้องการ ถ้าคุณจำเป็น หรือถ้าคุณต้องการช่วย
ใครสักคน แต่คุณไม่จำเป็นต้องทำ มันไม่ใช่ข้อผูกมัด เพราะคุณมีทางเลือกได้อย่างอิสระ หลังจากที่คุณ
ได้รู้แจ้ง และติดต่อกับ การสำแดงโดยตรงของพระเจ้า ซึ่งก็คือเสียงและ แสงสว่าง (แห่งสวรรค์ภายใน)
ฉันต้องจำว่า ฉันอยากจะบอกคุณอะไรอีก โอ ฉันเพิ่งจำอะไรบางอย่างได้ โอเค หลังจากดวงตาภายในของคุณ 
หรือตาที่สามและหูที่สาม ถูกเปิดโดยอาจารย์ โดยพระคุณของพระเจ้า คุณจะได้รับพลังเช่นกัน เพื่อเชื่อมต่อ
ใหม่อีกครั้ง ด้วยพลังอำนาจของพระเจ้า ได้ถึงระดับหนึ่งตามสถานะ หรือสถานะทางจิตวิญญาณของคุณ 
ณ เวลาที่ถ่ายทอด การรู้แจ้งภายใน หรือการประทับจิต ผ่านการประทับจิตเท่านั้น คุณสามารถบรรลุสิ่งนั้นได้
และเก็บมันไว้ พร้อมกับ ความก้าวหน้าขึ้นไปจนถึงวันที่ พระเจ้าจะพาคุณกลับบ้านตลอดกาล กระบวนการ
ของการประทับจิตนี้จะ กำจัดหนี้กรรมของคุณทั้งหมด ดังนั้น คุณจึงมีอิสระที่จะกลับบ้าน เหลืออีกนิดหน่อย 
เพื่อที่คุณจะได้อยู่ในโลกนี้ต่อไป จ่ายคืนและรับเล็กน้อย นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมพลังลบ มักจะตามหลัง
อาจารย์เสมอ และ พยายามทุกวิถีทางที่จะฆ่าพวกท่าน เพื่อเก็บวิญญาณทั้งหมดไว้ที่นี่ ภายใต้การควบคุม 
กดขี่ของพวกเขา!
ทำไมเราถึงเรียกว่าพระบิดา พระบุตรและพระจิตวิญญาณบริสุทธิ์? ฉันจะอธิบายตอนนี้ ดูนะ พระบิดาคือพระเจ้า 
ผู้ทรงฤทธานุภาพที่สูงที่สุด ไร้นามนี้ ผู้ทรงดำรงอยู่ทุกหนทุกแห่ง ทรงฤทธานุภาพทุกสรรพสิ่ง ผู้ทรงรอบรู้ 
ผู้ทรงเป็นทุกสิ่ง – ในทุกสิ่ง – ยกเว้นมารร้าย แน่นอน เพราะมาร ไม่มีแก่นสาร ไม่มีวิญญาณ ไม่มีหัวใจ 
ไม่มีอะไรเลย นั่นเป็นเหตุผลที่พวกมันสามารถ ทำอะไรก็ได้ เพราะพวกมัน ไม่รู้สึกเจ็บปวดกับผู้อื่น พวกมันเอง
ก็ไม่รู้สึก เจ็บปวดเช่นกัน แต่เมื่อพวกมันไม่มี พลังงานบาปอันเลวร้าย ที่มนุษย์สร้างขึ้นแล้ว พวกมันก็จะระเหย 
หายไป หมดไป ไม่มีอยู่อีกต่อไป เพราะเหตุนี้ใครก็ตาม ที่บูชาปีศาจ พวกเขาได้ทำผิดพลาดใหญ่ ใหญ่ ใหญ่ 
ใหญ่หลวง ทำร้ายตัวเองอย่างใหญ่หลวง
ไม่เพียงแต่พวกปีศาจ จะไม่สามารถช่วยคุณ ในทางใดทางหนึ่งได้ พวกมันจะลากคุณลงนรก เพราะถ้าคุณฟัง
พวกมัน ทำชั่ว พวกมันจะลากคุณลงนรก แต่ถ้าคุณติดตาม... ถ้าคุณบูชาพระเจ้าผู้ทรง ฤทธานุภาพเพียงผู้เดียว 
และติดตามพระบุตร และ/หรือนักบุญและนักปราชญ์ ที่มาจากพระวิญญาณบริสุทธิ์ คุณจะได้รับความรอด 
อย่างแน่นอน ไม่มีอะไรจะดี ไปกว่านี้อีกแล้ว ส่วนใหญ่ ถ้าคุณติดตามนักบุญ นักปราชญ์ หรือแม้แต่ติดต่อ
โดยตรง กับพระบุตรของพระเจ้า คุณจะเป็นคนที่โชคดีที่สุด ในจักรวาล เพราะพวกท่านอยู่กับพระเจ้า
เพื่อพบกับปรมาจารย์ขั้นสูงสุด ที่ปรากฎบนโลก ฉันไม่รู้ว่าคุณต้องได้รับบุญ มากแค่ไหน ฉันไม่สามารถนับได้ 
มันมากเกินไป มากเกินไป แต่มันไม่สำคัญ – ความจริงใจของคุณจะ ขับเคลื่อนสวรรค์และโลก และจะทำให้
มันเกิดขึ้น ดังนั้นเพียงอธิษฐาน เพียงจริงใจ บูชาพระเจ้า พระเจ้าผู้ทรงฤทธานุภาพเป็น เพียงผู้เดียวที่คุณ
ควรบูชา บูชาองค์ผู้สูงสุดซึ่ง เป็นพระเจ้าผู้ทรงฤทธานุภาพ และสรรเสริญด้วย ขอบคุณพระองค์ด้วยที่
พระองค์ทรง ส่งพระบุตรองค์เดียวของพระองค์ ลงมาสู่โลกแห่งความทุกข์ทรมานนี้ เพื่อช่วยเหลือคุณ 
ถ้าคุณเคยพบกับพระองค์หนึ่ง
คุณเห็นไหมว่า พระเจ้าผู้ทรงฤทธานุภาพนั้นสูงสุด และมีพระบุตรของพระเจ้า ระบบเป็นเช่นนั้น พระบุตรหรือ
ที่เรียกว่า ปรมาจารย์ขั้นสูงสุด คือพระบุตรองค์เดียวของพระเจ้า เมื่อปรมาจารย์ผู้สูงสุด ทรงปรากฏพระองค์ 
บนโลก บนดาวเคราะห์นี้ ในโลกนี้ เมื่อนั้นพระองค์ก็มีร่างกาย พระองค์อาจจะไม่ได้ เกิดจากการปฏิสนธิ 
ระหว่างชายและหญิง พระองค์ก็จะทรงสำแดงพระองค์เอง เช่นนั้น เช่นพระเยซู ผู้ทรงเป็นพระบุตรของพระเจ้า 
อย่างแท้จริง และอาจารย์ท่านอื่น ๆ ทุกคนก็เป็นเพียงนักบุญ หรือปราชญ์ ผู้ซึ่งสืบเชื้อสาย มาจากปรมาจารย์
สูงสุด ผ่านทางช่องทาง ทางกายภาพ ของพระบุตรของพระเจ้า ที่ประจักษ์บนโลก
ดังนั้นพระเยซูทรงเป็นพระบุตรของพระเจ้า อาจารย์ท่านอื่นไม่ได้เป็นเช่นนั้น ยกเว้นพระเยซู เมื่อพระองค์เสด็จ
กลับมา แน่นอน เราก็เรียกพระองค์ว่า พระบุตรของพระเจ้าเช่นกัน บางคนคิดว่าพระองค์เป็น เพียงอาจารย์
ผู้รู้แจ้งอีกคน แต่พระองค์ไม่ใช่ มีความแตกต่างระหว่าง อาจารย์ผู้เป็น พระบุตรของพระเจ้า และอาจารย์
ท่านอื่น ๆ ที่เป็นนักบุญและนักปราชญ์ เช่นระดับที่สาม หรือระดับที่สี่ ถ้าเรานับอาจารย์ขั้นสูงสุด ที่ยังไม่แยก 
จากพระเจ้า มิได้พำนักอยู่ใน ร่างของ พระบุตรของพระเจ้าบนโลก พระเจ้าผู้ทรงฤทธานุภาพทรง มอบอำนาจ
แก่ปรมาจารย์ขั้นสูงสุด ปรมาจารย์ขั้นสูงสุดก็ เหมือนกับมือขวาของพระองค์ แต่อยู่ทุกที่ ทุกที่ อยู่แล้ว
และเมื่อพระบุตรของพระเจ้า ผู้ซึ่งเป็นพลังที่ประจักษ์ ของสุดยอดปรมาจารย์ กลายเป็นสิ่งที่เรียกว่ามนุษย์ 
บนโลก ยกตัวอย่าง หรือบนดาวเคราะห์ดวงอื่น พระองค์จะสามารถใช้ประมาณ 90% ของพลังปรมาจารย์
ขั้นสูงสุดได้ แต่มันเกือบจะเหมือนกับ สุดยอดปรมาจารย์ในสวรรค์ 10% นั้นคือความเชื่อมโยง ระหว่าง
พวกท่านดังนั้น พระบุตรของพระเจ้า เช่นเดียวกับพระเยซู ไม่ได้นำ พลังทั้งหมดลงมายังโลก เพียงแต่มีพลัง 
90% ที่จัดสรรให้กับพระองค์เสมอ เพื่อให้พระองค์สามารถใช้ได้มาก เท่าที่พระองค์ต้องการบนดาวเคราะห์นี้ 
แต่น่าเสียดาย ที่เราไม่เคยปฏิบัติ ต่ออาจารย์คนใดในโลกนี้อย่างดีเลย รวมถึงพระบุตรองค์เดียวของ
พระเจ้าด้วย
และถ้าเราได้พบกับอาจารย์ เช่น พระเยซู โอ้ พระเจ้า คุณก็เป็นคนที่ยอดเยี่ยมที่สุด โชคดีที่สุด ในจักรวาล
ทั้งหมด นั่นคือเหตุผลที่เมื่อพระเยซูยังมีชีวิตอยู่ พระองค์ตรัสว่า "ไม่มีใครไปหา พระบิดาได้หากไม่มีเรา" 
หรือพระองค์ตรัสว่า “คุณสามารถไปหาพระบิดา ผ่านทางฉันได้เท่านั้น” อะไรแบบนั้น แล้วพระองค์ก็ ไม่ทรง
สนับสนุนให้เราบูชาพระองค์ หรือทำอะไร ในนามของพระองค์ด้วยซ้ำ พระองค์ตรัสว่า “ฉันเป็น แสงสว่างของ
โลกตราบเท่าที่ ฉันยังอยู่ในโลก” คุณเห็นไหม? เพราะพระเยซูทรงทราบ ว่าจะต้องมี อีกคนลงมา หรือ 
พระองค์จะเสด็จ ลงมาเองอีกครั้ง มิฉะนั้น ถ้าคุณไม่มีอาจารย์ มันยากมากสำหรับ ที่จะหลุดพ้น ถ้าคุณไม่มี
อาจารย์ เช่น พระเยซู – พระบุตรองค์เดียวของพระเจ้า ที่พระเจ้าส่งลงมายังโลก – ถ้าเราตาบอด หูหนวก 
และเป็นใบ้ เราก็มองไม่เห็น เราไม่รู้ ว่าพระองค์เป็นผู้นั้น พระบุตรองค์เดียวของพระเจ้า แล้วเราจะออกไป
ไม่ได้
แต่โชคดี ที่จากพลัง ที่พระบุตรองค์เดียวของพระเจ้า ทรงนำลงมายังโลก ก็ทำให้เกิดอาจารย์ท่านอื่น ๆ 
แต่พวกท่านอยู่ในระดับที่ต่ำกว่า พวกท่านจะไม่กลับ ไปหาพระบิดา เหมือนพระบุตรของพระเจ้า พระบุตร
ของพระเจ้าเช่นเดียวกับพระเยซู พระองค์จะกลับไปหาพระบิดา เมื่อพระองค์เสด็จออกไป เมื่อพระองค์
ทรงเป็นพระบุตรแล้ว พระองค์ไม่สามารถกลับไปหา พระเจ้าผู้ทรงฤทธานุภาพได้ แน่นอนว่าพระองค์สามารถ
ติดต่อได้ รับการเชื่อมต่อนี้ได้ตลอดไป แต่พระองค์จะเสด็จกลับ ไปสู่พระบุตรดั้งเดิมของพระเจ้า ใน...
“เหนือคำพูดใด ๆ” นั่นคือสิ่งที่บอกฉันมา ข้อมูลก็เป็นเช่นนั้น เช่น บางครั้ง ถ้าปรมาจารย์ขั้นสูงสุด ต้องการส่ง
ข้อความจริง ถึงฉัน และรู้ว่า มันมาจากพระองค์ พระองค์ก็จะส่งสัญญาณ บางอย่างให้ฉัน มันพิเศษมาก 
คุณไม่สามารถพบมันบนโลก ได้ทุกที่หรือ การกล่าวถึงในคัมภีร์ไบเบิลใด ๆ
ฉันไม่แน่ใจว่าฉันได้รับอนุญาต ให้บอกคุณหรือไม่ ฉันคิดว่าอย่าเลยดีกว่า ให้ฉันถาม ไม่ ฉันไม่ได้รับอนุญาต 
ฉันขอโทษเกี่ยวกับเรื่องนั้น ฉันเคยถามแล้ว ฉันไม่ได้รับอนุญาต ไม่ดีกว่า แต่ฉันถามอีกครั้งตอนนี้ และคำตอบ
ก็ยังไม่ได้ ดังนั้นฉันขอโทษ มีหลายสิ่งหลายอย่างที่ ฉันไม่สามารถบอกคุณได้ ผู้คนจะทำกำไรจากมัน 
และจะใช้ มันเพื่อหลอกลวง มนุษย์คนอื่น นั่นคือเหตุผล มันไม่ใช่ของจริงเวลา ที่ผู้คนลอกเลียนแบบและ
พูดถึงมัน – พวกเขาไม่รู้อะไร เกี่ยวกับมัน และพวกเขาไม่เคยเห็น อะไรแบบนั้นมาก่อน และพวกเขาก็แค่
พูดคุย พวกเขาแค่คัดลอกอาจจะ มีคนจำนวนไม่น้อยที่เลียนแบบฉัน และทำอย่างนี้ ทำอย่างนั้น ทำให้ผู้คน
เข้าใจผิด และทำให้พวกเขาทั้งหมดสับสน และเป็นโรคจิต นี่มันแย่มาก
นี่เป็นเพียงคำสอน ที่เรานำมาเท่านั้น สัญญาณพิเศษนี้จากสวรรค์ ยังไม่ใช่ทั้งหมด ที่จะยืนยันกับฉัน ว่านี่เป็น
ข้อความ จากเหนือโลกจริง ๆ มันไม่ใช่การหลอกลวงจาก ปีศาจก่อกวน และอะไรก็ตาม เพราะพวกเขาทำ
อย่างนั้น พวกเขาทำอย่างนั้น มีพลังสองอย่าง อยู่รอบตัวเสมอ: ฝ่ายหนึ่งบอกความจริงกับฉัน และอีกฝ่าย 
บอกข่าวปลอมและ เรื่องหลอกลวง โชคดีสำหรับมนุษยชาติและ สิ่งมีชีวิตทั้งปวง จากพลังทางจิตวิญญาณ
ของพระบุตรองค์เดียวของพระเจ้าบนโลก จะมีการแพร่กระจายของพลังทาง จิตวิญญาณ พลังทาง
จิตวิญญาณนี้ ออกไป เพื่อให้นักบุญและ นักปราชญ์คนอื่น ๆ สามารถช่วย มนุษยชาติได้เช่นกัน 
แม้ว่าพวกท่านจะไม่สามารถพา พวกเขาขึ้นไปให้สูงขึ้นไปได้ไกล กว่านั้น เช่น ระดับที่ห้า
มีเทพเจ้าทั้งห้า ที่ประทับอยู่และควบคุม ระดับจิตวิญญาณทั้งห้า สมมติว่าจากโลกทิพย์ ขึ้นไปจนถึงสัจขัณฑ์ 
ระดับที่ห้า เรียกว่า สัจขัณฑ์ เรียกอีกอย่างว่า ดินแดนนิรนาม และพระนามที่แท้จริง พระนามจริง เช่นกัน 
มีหลายชื่อสำหรับ ดินแดนนั้น แต่นั่นไม่ใช่ระดับที่สูงที่สุด มีโลกที่สูง กว่าระดับที่ห้า มากมาย แต่ไม่เป็นไร 
ถ้าคุณมีโชคลาภมากที่สุด ที่ได้พบกับนักบุญ และนักปราชญ์คนหนึ่ง ที่มาจากระดับที่ห้า โอ้ พระเจ้า คุณควร
คุกเข่าลงและคำนับ พระเจ้าตลอดไป เพื่อรับโชคลาภและพระคุณนี้ มันมี... เท่าไหร่... ขณะที่ฉันกำลังพูดกับ
คุณ มีปรมาจารย์ระดับที่ห้า ประมาณสามคน บนดาวเคราะห์นี้ ถ้าคุณโชคดี คุณจะพบพวกเขา และคุณจะเป็น
ลูกศิษย์ของพวกเขา แล้วคุณจะมั่นใจได้ ถึงความหลุดพ้นตลอดไป แต่ในขณะที่มนุษยชาติถูกบังคับ ให้ยุ่งไป
ตลอดกาล อยู่กับการเอาชีวิตรอดทางวัตถุ และยังถูกบังคับ ด้วยความโลภและความทะเยอทะยาน ที่จะยุ่ง ยุ่ง 
ดังนั้นจึงเป็นเรื่องยากมากสำหรับคุณ ที่จะคิดที่จะหา อาจารย์ผู้รู้แจ้ง คนใดคนหนึ่งเพื่อศึกษาด้วย เพื่อช่วย
ตัวเอง จิตวิญญาณของคุณ เพื่อจะได้หลุดพ้นตลอดไป จากวงจรแห่งความทุกข์ทรมาน และความเจ็บปวดที่
หลอกลวง ชีวิตและความตาย และการเกิด และความเจ็บป่วย หรือแม้แต่นรก
ดังนั้นบ้านของอาจารย์ อยู่ในระดับที่ห้า นับจากระดับโลกทิพย์ขึ้นไป เรามีระดับโลกทิพย์ จากนั้นเราก็มีระดับ 
การทำลายล้าง และการสร้าง จากนั้นเราก็มี ระดับพระพรหม จากนั้นเราก็มีระดับที่สี่ และเรามีระดับที่ห้า 
มีพระนามของพระเจ้า ทั้งห้าดินแดนนี้ แต่ฉันเปิดเผยให้คุณทราบไม่ได้ ไม่ด้วยวิธีนี้ ตอนประทับจิต ลูกศิษย์
ของฉันทุกคนเรียนรู้ วิธีการท่องดินแดนเหล่านี้ และไปสู่อาณาจักรแห่ง จิตวิญญาณใหม่ของฉัน ฉันเรียกมันว่า "อาณาจักรใหม่ Tim Qo Tu (ทิมโควทู)" บางคนเรียกมันว่า “นิวแลนด์” มันไม่ใช่ดินแดน นั่นอยู่เหนือระดับที่
สิบเหนือระดับที่สิบเอ็ด ระดับที่ห้า อยู่ระหว่างนั้น เราสามารถเดินทางผ่านมันได้ ถ้าเรารู้หนทางสู่ อาณาจักร
แห่งจิตวิญญาณใหม่ แต่ไม่มีใครสามารถทำได้ – ยกเว้นคนที่เรียกว่า ศิษย์ที่ดีของฉัน
ตอนนี้ ฉันอธิษฐานต่อพระเจ้า ผู้ทรงฤทธานุภาพด้วยสุดใจ และสุดกำลังในการบูชาของฉัน และความจริงใจ
ทั้งหมดของฉัน ขอให้มวลมนุษยชาติ มนุษย์ที่แท้จริง สามารถพบกับนักบุญคนใดคนหนึ่ง เพื่อกลับไปสู่ระดับ
ที่สูงกว่า อย่างน้อยก็เหนือระดับที่สาม เช่น ระดับที่สี่ ดังนั้นหากคุณได้ไปถึง ที่นั่นแล้ว จิตวิญญาณของคุณ 
จะไม่ถูกประณามหรือลดระดับ ลงสู่ระดับที่ต่ำกว่าอีกเลย คุณสามารถไปที่ระดับที่ต่ำกว่าได้ เช่น ระดับ
โลกทิพย์ หรือระดับที่สอง เพียงเพื่อสอนสิ่งมีชีวิตอื่น ๆ ถ้านั่นคือสิ่งที่คุณต้องการทำ และหากพระเจ้าอนุญาต
เพื่อพบกับปรมาจารย์ขั้นสูงสุด ที่ปรากฎบนโลก ฉันไม่รู้ว่าคุณต้องได้รับบุญ มากแค่ไหน ฉันไม่สามารถนับได้ 
มันมากเกินไป มากเกินไป แต่มันไม่สำคัญ – ความจริงใจของคุณจะ ขับเคลื่อนสวรรค์และโลก และจะทำให้มัน
เกิดขึ้น ดังนั้นเพียงอธิษฐาน เพียงจริงใจ บูชาพระเจ้า พระเจ้าผู้ทรงฤทธานุภาพเป็น เพียงผู้เดียวที่คุณควรบูชา 
บูชาองค์ผู้สูงสุดซึ่ง เป็นพระเจ้าผู้ทรงฤทธานุภาพ และสรรเสริญด้วย ขอบคุณพระองค์ด้วยที่พระองค์ทรง 
ส่งพระบุตรองค์เดียวของพระองค์ ลงมาสู่โลกแห่งความทุกข์ทรมานนี้ เพื่อช่วยเหลือคุณ ถ้าคุณเคยพบกับ
พระองค์หนึ่ง ดังนั้น ปรมาจารย์ขั้นสูงสุดคือ พระบุตรองค์เดียวของพระเจ้า และผู้ที่ปรากฏ บนโลกก่อนหน้านี้ 
คือพระเยซูคริสต์ และพระองค์ทรงเป็นพระบุตร ของพระเจ้าอย่างแท้จริง แต่เราทำอะไรกับพระองค์? โอ้ 
ฉันไม่อยาก คิดแล้ว เพราะฉันจะร้องไห้ ฉันจะรู้สึกแย่มาก
ฉันรู้สึกแย่มากตั้งแต่ ยังเด็กเมื่อได้ยิน เรื่องราวของพระเยซู และฉันก็ร้องไห้อยู่เรื่อย ๆ จนกระทั่งฉันโตขึ้น 
แม้ว่าฉันจะออกไป บรรยายแล้วก็ตาม ทุกครั้งที่ฉันพูดถึง พระเยซูคริสต์ หรือเมื่อมีคนถามถึงเรื่องนี้ 
ฉันก็น้ำตาไหลอีกครั้ง เจ็บปวดมากที่ คนโหดร้าย ไร้หัวใจ ไร้วิญญาณ... โอ้ พระเจ้า... เพื่อทรมาน ผู้ศักดิ์สิทธิ์
เช่นนั้น แม้ว่าพวกเขาไม่เชื่อ ว่าพระเยซูทรงบริสุทธิ์ แต่ถ้าเป็นเพียงคนธรรมดา คุณไม่ทำอย่างนั้น! พระองค์
ไม่ได้ทำอะไรผิด กับใครเลย แค่สอนมนุษย์ ถึงสิ่งที่แท้จริง และวิธีที่จะเป็นอิสระ ถ้าทุกคนบนโลกฟัง พระเยซู 
พบกับพระเยซูในเวลานั้น ฟังคำสอนทั้งหมดของพระองค์ และปฏิบัติตามนั้น ทุกประเทศก็จะ [มีความ] 
สงบสุขเหมือนสวรรค์ และเราจะมีทุกสิ่ง อย่างมากมาย เราจะไม่มีวันได้รับ ความทุกข์ทรมานใด ๆ ทั้งสิ้น 
และโลกนี้ก็จะกลายเป็น สวรรค์ชั้นยอดในตอนนี้
โอ้ เราช่างเป็น วิญญาณที่โชคร้ายเหลือเกิน โปรดอธิษฐานอย่างสุดกำลังของคุณ ต่อพระเจ้าผู้ทรงฤทธานุภาพ 
เพื่อที่คุณจะได้พบนักบุญท่านหนึ่ง ที่ได้รับมอบหมายจากพระเจ้า หรือผู้ที่ดีที่สุดเท่าที่เคยมีมา พระบุตร แต่หนึ่ง
ในนักบุญ ระดับที่สี่เช่นกัน ก็สามารถปลดปล่อยคุณได้ เพราะถ้าคุณ อยู่ในระดับที่สี่ คุณจะไม่ ถูกประณาม
อีกเลย เพราะคุณหลุดพ้น ระดับใดก็ตามที่อยู่ เหนือสามโลกเป็นสถานะที่ รับประกันว่าคุณ จะไม่มีวันทนทุกข์
ไม่ต้องเกิดใหม่หรือตาย หรือเจ็บป่วยในโลกที่ต่ำต้อย และทุกข์ทรมานอีกต่อไป พวกเขาไม่ได้พูดถึงนรก 
คุณจะไม่มีวัน รู้เรื่องนี้อีกต่อไป
จากนั้น คุณสามารถเรียนรู้เพิ่มเติมอย่างช้า ๆ กับปรมาจารย์ที่สูงกว่า และ คุณขึ้นไปถึงระดับที่ห้า ซึ่งเป็นระดับที่รุ่งโรจน์ที่สุด ที่คุณสามารถเข้าถึง ได้จากอาณาจักรทางกายภาพนี้ ระดับอื่น ๆ ระดับที่หก ที่เจ็ด ที่แปด ที่เก้า 
ไม่ใช่สำหรับมนุษย์ – ด้วยคุณภาพและระดับของมนุษย์ ที่จะเข้าถึงหรือมีชีวิตอยู่ได้ ระดับที่ห้ามีความรุ่งโรจน์ 
สวยงาม มีความสุขตลอดไป ตลอดไปแล้ว มีบุญคือวิญญาณของใครก็ตามที่ สามารถติดตามอาจารย์ท่านใด 
เพื่อไปถึงระดับนั้นได้ มันไม่ง่ายเลยแม้แต่ ในร่างกายนี้ ที่แม้แต่จะไปถึงระดับนั้น แต่กับอาจารย์ของคุณ ถ้าเขา
/เธอมาจากระดับที่ห้า หรือถึงระดับ ที่ห้าแล้ว คุณจะไปที่นั่นอย่างแน่นอน อาจจะไม่ใช่ในทันที แต่อาจารย์
จะพาคุณ ขึ้นไปที่นั่นอย่างช้า ๆ สักวันหนึ่ง หลังจากที่คุณ ออกจากดาวเคราะห์กายภาพดวงนี้
แม้แต่ปรมาจารย์ระดับสี่ คุณควรสรรเสริญ และคุณควรติดตาม และคุณควรจะรู้สึกขอบคุณ และขอบคุณ ในใจ
เสมอถ้าคุณพบสักท่าน แน่นอนว่าเป็นเรื่องยากสำหรับ คุณที่จะรู้ว่าใครเป็นใคร เรามีปรมาจารย์ระดับสูง 
เพียงสามท่านบนดาวเคราะห์นี้ และพวกท่านจะไม่ดูเหมือน อย่างที่คุณคาดหวัง พวกท่านไม่ได้อยู่ในกลุ่ม 
ศาสนาใด ๆ หรือโบสถ์ หรือวัดที่มีชื่อเสียง หรือองค์กรทางศาสนาใด ๆ เมื่อโชคดีเท่านั้นที่ คุณจะได้เจอ
พวกท่าน โปรดอธิษฐานเพื่อสิ่งนั้น ไม่มีอะไรอีกแล้ว อธิษฐานเพื่อสิ่งนั้น เพราะนั่นคือหลักประกัน สำหรับการ
หลุดพ้นตลอดกาลของคุณ ไปสู่ชีวิตหลังความตาย อันแสนสุขและโลกมหัศจรรย์ ที่จะรอคุณอยู่ หากคุณมี
อาจารย์เช่นนี้ นั่นย่อมเป็นความหลุดพ้นอย่างแน่นอน
สิ่งอื่นใดที่ คุณอาจปรารถนา คุณอาจอธิษฐาน คุณอาจหวัง แต่ปราศจากอาจารย์ นักบุญและนักปราชญ์จาก 
ระดับที่สี่หรือจากระดับที่ห้า คุณจะไม่มี "หลักประกัน" นี้ คุณอาจไปถึงสวรรค์ ที่สูงกว่า เช่น อาจจะเป็น
โลกทิพย์ แล้วจึงไปถึงระดับที่สอง หรือระดับพระพรหม แต่นั่นจะหมุนเวียน คุณกลับไปกลับมาสู่ ดินแดน
ทางกายภาพและ คุณอาจล้มอีกครั้ง แม้แต่คน ที่มีบุญเพียงพอ ในชีวิตบนโลกนี้ และอุบัติเหตุบางอย่าง
ก็นำพวกเขา ไปสู่ระดับโลกทิพย์ พวกเขาก็รู้สึกถึงความรัก อันยิ่งใหญ่แล้ว พวกเขาพบกับนักบุญ 
และนักปราชญ์ที่นั่นและ พบกับคนที่ดูเหมือน พระเยซู หรืออาจเป็น การปรากฏของพระเยซู บนดาวดวงนั้น
สำหรับ พวกเขา และพวกเขา รู้สึกถึงความรัก อันยิ่งใหญ่อย่างที่ ไม่เคยมีมาก่อนบนโลกนี้
นั่นคือสาเหตุที่ผู้คน ที่เรียกว่าตายในช่วงสั้น ๆ และไปสวรรค์ – แม้แต่สวรรค์ระดับโลกทิพย์ – พวกเขามีผาสุก
มาก มีความสุขมาก พวกเขาไม่ต้องการกลับมา ยังดาวเคราะห์นี้อีกเลย ฉันไม่ตำหนิพวกเขา ไม่มีสิ่งใดที่นี่
สามารถ เปรียบเทียบกับสิ่งนั้นได้ แม้แต่สวรรค์ระดับโลกทิพย์ที่สูง – เนื่องจากบุญของพวกเขาในอดีต
แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าพวกเขา จะได้รับการหลุดพ้นตลอดไป มันเป็นไปได้ถ้าในชาติที่แล้ว พวกเขาทำความ
ดีหรือได้ พบอาจารย์ที่ดี แล้ว บุญนั้นก็จะ ติดตามพวกเขามา แล้วอาจารย์คนนั้นจะทักทายพวกเขา อีกครั้ง
ในระดับโลกทิพย์ และสอนพวกเขามากขึ้น เรื่อย ๆ จนกระทั่งพวกเขา ไปถึงระดับความสำเร็จ ทางจิตวิญญาณ
ขั้นสูงกว่า ที่ได้รับการหลุดพ้น
จริง ๆ แล้ว อาจารย์ผู้มีชีวิตอยู่ย่อมเป็นหลักประกัน ที่แน่นอนสำหรับคุณ ฉันจึงขออธิษฐานเผื่อพวกคุณทุกคน 
ถ้าคุณอยากกลับบ้าน ถ้าคุณต้องการหลุดพ้นโลกที่ ทุกข์ทรมานนี้ตลอดไปอย่างแท้จริง คุณต้องหาอาจารย์ – 
อาจารย์ที่ยังมีชีวิตอยู่ ไม่ใช่คนที่จาก ไปสวรรค์แล้ว เพราะพลังจิตวิญญาณของพวกท่าน ไม่อยู่บนดาวเคราะห์
ของเราแล้ว ถ้าพวกท่านจากโลกกายภาพนี้ ไปนานแล้ว
อาจารย์คนล่าสุด เป็นไปได้ ถ้าพวกท่านออกจาก ดาวเคราะห์ทางกายภาพของเรา ไปประมาณสองร้อยปีก่อน 
ไม่มากก็น้อย บางทีเรายัง สามารถสืบทอดพลังงาน พลังทางจิตวิญญาณของพวกท่านได้ และเรายังคง
อธิษฐานต่อพวกท่านได้ และพวกท่านยังสามารถ ช่วยเราได้ ผ่านการเชื่อมต่อของ พลังงานทางจิตวิญญาณ 
ที่เหลืออยู่บนโลกหรือ ผ่านทางสาวกของพระองค์ ถ้าสาวกเหล่านั้น อยู่ในพลังงาน ของอาจารย์แล้ว มิฉะนั้น 
ถ้าอาจารย์ท่านใด จากไปนานเกินไปและขึ้นสู่ สวรรค์ที่สูงกว่าแล้ว พวกท่านก็จะไม่เชื่อมต่อกับเรา พวกท่านไม่สามารถให้การประทับจิต และการหลุดพ้นโดยสิ้นเชิงแก่เรา จะต้องหาอาจารย์ที่ยังมีชีวิตอยู่ เพื่อการนั้น 
เรายังคงสรรเสริญพวกท่าน ขอบคุณพวกท่าน และ สรรเสริญพวกท่านได้ แต่ก็ไม่แน่นอนเท่ากับ ถ้าคุณพบ
อาจารย์ที่ยังมีชีวิตอยู่
ดังนั้นโปรดมองหา อธิษฐานและมองหาเพื่อตัวเอง ฉันไม่ได้พยายาม ที่จะโฆษณาอะไร ฉันแค่พูดอะไรออกไป
เพียง เพื่อประโยชน์ของคุณเอง แน่นอนว่าประตูของฉันยังเปิดอยู่ สำหรับพวกคุณทุกคน ที่ไว้วางใจ เชื่อ และ 
ขอความช่วยเหลือจากฉันอย่างจริงใจ ฉันสัญญาว่าฉันจะช่วย แต่นั่นไม่ได้หมายความว่า คุณต้องตามหาฉัน 
คุณสามารถหาอาจารย์คนใดก็ได้ พยายามสวดภาวนาอย่างจริงใจ แล้วอาจารย์จะพบคุณ ก็จะหาคุณเจอ 
หรือคุณจะมีคำใบ้ หรือหนังสือ หรือความเชื่อมโยงบางอย่าง ข้อมูลบางอย่างที่คุณจะรู้ ว่าที่พระเจ้าส่งมานี้ 
เพื่อให้คุณพบอาจารย์ท่านนั้น ผ่านทางความเชื่อมโยงนั้น หรือผ่านหนังสือเล่มนั้น หรือผ่านวิธีใดก็ตามที่ 
คุณอาจพบ 
ฉันขออวยพรให้คุณโชคดี ในพระคุณแห่งจิตวิญญาณ ของพระเจ้าผู้ทรงฤทธานุภาพ ของพระบุตรองค์เดียวของพระเจ้า และของนักบุญและนักปราชญ์ ทุกคนที่เสด็จขึ้นสู่สวรรค์เมื่อเร็ว ๆ นี้ และนักบุญและนักปราชญ์ ที่ยังมี
ชีวิตอยู่ในยุคปัจจุบันของเรา อาเมน ขอพระเจ้าคุ้มครองคุณจนกว่าจะถึงตอนนั้น ขอพระเจ้าเมตตาคุณจนถึง
ตอนนั้น ขอให้พระเจ้าอวยพร และรักคุณตลอดไป อย่างน้อยก็จนกว่าจะถึงตอนนั้น อาเมน ฉันรักพวกคุณทุกคน 
ในนามของพระเจ้าผู้ทรงฤทธานุภาพ
นำมาจาก www.suprememastertv.com
Be Vegan Meake Peace
22 พฤศจิกายน 2566 15:38 น.

วิธีคัดคน

คีตากะ

ณ โรงเรียนแห่งหนึ่ง ผอ.โรงเรียนได้เชิญครูจบใหม่ท่านหนึ่งที่เพิ่งเข้ามาบรรจุที่โรงเรียนได้ไม่กี่เดือนขึ้นไปพบ
ที่ห้อง ครูบรรจุใหม่สอนอยู่ชั้นอนุบาลหนึ่งมีชื่อว่าครูอิ้งรูปร่างหน้าตาสะสวย โดยภาพรวมแล้วน่าจะไปเป็นดารา
นักแสดงมากกว่าจะมาเป็นครูสอนเด็กปฐมวัยที่พูดจาไม่รู้เรื่องและยังอ่านไม่ออกเขียนไม่ได้อีกด้วย 
การสนทนาระหว่าง ผอ.กับครูอิ้งเป็นดังนี้
ผอ. : ผอ. ตรวจสมุดประเมินพัฒนาการของครูแล้ว ปรากกฎว่าเด็กอนุบาลหนึ่งทุกคนได้เกรดเท่ากันหมด 
หมายความว่าอย่างไรครับครู?
ครูอิ้ง : หนูคิดว่าเด็กอนุบาลหนึ่งอายุ 3- 4 ขวบเอง เราไม่ควรจะใช้เกรดมาตัดสินเด็กค่ะ เพราะไม่ใช่เด็ก
วัยเรียน แต่นี่คือเด็กวัยเล่นค่ะ ก็เลยให้คะแนนเด็กทุกคนเท่ากัน
ผอ. : ผมเข้าใจครูนะ แต่หลักสูตรและมาตรฐานการศึกษาที่เขากำหนดให้ใช้กันทั่วประเทศ ครูในฐานะที่เรียนมา
ทางด้านนี้ ก็เข้าใจดีอยู่แล้ว ครูจะว่าอย่างไร?
ครูอิ้ง : แม้หลักสูตรและมาตรฐานการศึกษาของเด็กปฐมวัยจะกำหนดมาเป็นแนวทางให้ใช้ในการจัดการเรียน
การสอนก็จริง แต่สำหรับเด็กปฐมวัยการเรียนการสอนไม่จัดเป็นรายวิชาเหมือนระดับประถมหรือมัธยม หลักการ
ก็คือส่งเสริมพัฒนาการด้านร่างกาย อารมณ์-จิตใจ สังคม และสติปัญญาเป็นพื้นฐาน ซึ่งส่วนใหญ่ก็เป็นการ
บูรณาการผ่านการเล่นทั้งสิ้น หนูเห็นว่าไม่เป็นธรรมกับเด็กที่วัยนี้ต้องมาวัดกันที่เกรดหรือคะแนนตามหลัก
วิชาการค่ะ
ผอ. : ครูเรียนจบมาทางด้านการศึกษา เรื่องการประเมินผลเด็ก มีวัตถุประสงค์เพื่ออะไรครับ?
ครูอิ้ง : ตามความเข้าใจหนู ก็เพื่อวัดผลการศึกษาของเด็ก ระดับพัฒนาการของเด็ก ความสามารถในการ
ถ่ายทอดความรู้ของครู บรรยากาศในชั้นเรียน สื่อที่ใช้ในการเรียนการสอน การบริหารจัดการสถานศึกษา 
รวมถึงความใส่ใจของผู้ปกครอง และสภาพแวดล้อมรอบตัวเด็กค่ะ
ผอ. : ครูลืมไปเรื่องหนึ่ง
 
ครูอิ้ง : เรื่องอะไรค่ะ ผอ.?
ผอ. : การปรับปรุงพัฒนา!
ครูอิ้ง : อ๋อค่ะ
ผอ. : การวัดผล การประเมิน หรือให้คะแนนนั้น เป็นการวัดตามมาตรฐานที่กำหนดมา นั้นคือตามหลักสูตร
เขากำหนดชัดเจนแล้วว่าเด็กวัยนี้ อ่านไม่ออกและเขียนไม่ได้ แต่ครูมีหน้าที่เตรียมความพร้อมเด็กจากวัยเล่น
ไปสู่วัยเรียนไม่ใช่หรือ? การวัดผลเป็นเครื่องมือที่ใช้สำหรับปรับปรุงและพัฒนาเด็กจากที่เป็นอยู่ให้ดีขึ้น 
ถ้าครูให้คะแนนเด็กเท่ากันหมด แล้วครูจะรู้ได้อย่างไรว่าเด็กคนไหนควรปรับควรแก้อย่างไร มีพัฒนาการสมวัย
หรือเปล่า? รวมถึงภาพรวมตามที่ครูบอกมาทั้งหมดนั้นแหละ จะปรับจะแก้อย่างไร? ถ้าทุกคนคะแนนเต็มเท่ากัน?
ครูอิ้ง : ครูผู้สอนก็รู้จักเด็กทุกคนดีอยู่แล้วค่ะ และสนิทกับผู้ปกครองของเด็กด้วย เพราะเด็กวัยนี้มาโรงเรียนเอง
ไม่ได้ จำเป็นต้องมีผู้ปกครองมารับ มาส่งด้วยทุกครั้ง ครูจึงมีโอกาสใกล้ชิดกับผู้ปกครองของเด็กมากกว่าเด็ก
ที่โตแล้ว เรื่องการปรับปรุงแก้ไขครูก็ดำเนินกันอยู่แล้วค่ะ ไหนจะมีโครงการเยี่ยมบ้าน ที่ครูต้องลงพื้นที่
ไปพบผู้ปกครองของเด็กทุกคน ก็เพื่อเก็บข้อมูล และร่วมมือกับผู้ปกครองในการส่งเสริมพัฒนาการเด็กค่ะ
ผอ. : แต่หลักฐานล่ะ? โอเครในส่วนโครงการเยี่ยมบ้าน ผมก็เห็นรายงานผลโครงการอยู่ แต่โรงเรียนเรา
จัดโครงการนี้ปีหนึ่งไม่เกิน 2 ครั้ง หรือเทอมละครั้ง คงไม่ทันกับการส่งเสริมพัฒนาเด็ก! อีกอย่างตามหลักสูตร
เขาก็กำหนดชัดเจนแล้วว่า คุณลักษณะที่พึงประสงค์ สภาพที่พึงประสงค์ คือสิ่งที่นักวิชาการทั้งหลายร่วมกัน
คิดมาแล้วว่าต้องการให้เด็กวัย 3 ขวบทำอะไรได้บ้าง เราเรียกมันว่ามาตรฐาน ครูก็แค่ให้คะแนนไปตามนั้น 
เช่น เด็กชาย ก สามารถกระโดดสองขาขึ้นลงอยู่กับที่ได้ ครูก็ให้คะแนนไปซิ ดี พอใช้ หรือปรับปรุง
เกรด 1 2 หรือ 3  ไม่เห็นจะยากเลย? หรือครูเกรงใจผู้ปกครอง?
ครูอิ้ง : เปล่าค่ะ เพียงแต่ครูอาจจะใช้การสังเกตเด็กแต่ละคนเป็นหลัก เห็นว่าพอทำได้ก็ให้คะแนนเต็มไปเลย 
ส่วนใหญ่จะอยู่ในดุลยพินิจของครูเองด้วยล่ะค่ะ แต่หนูก็คิดว่าที่ ผอ.พูดก็มีเหตุผลค่ะ เพียงแต่การวัดผล
เด็กเล็กนี้ไม่สามารถนั่งทดสอบกลางภาคหรือปลายภาคเหมือนเด็กโตได้ เพราะเนื่องจากยังไม่ใช่วัยที่อ่านออก
เขียนได้ จึงต้องใช้การทดสอบแบบส่งเสริมพัฒนาการที่ต้องใช้อุปกรณ์ในแต่ละด้าน เช่น ด้านร่างกาย 
การใช้กล้ามเนื้อมัดเล็ก ก็ต้องให้เด็กทดลองร้อยลูกปัดให้ดูแล้วจึงจะประเมินได้ ว่าดี พอใช้ หรือปรับปรุง 
ซึ่งก็คงต้องแยกเป็นเรื่องของการประเมินโดยเฉพาะ ถ้ามองว่าเป็นการวัดระดับพัฒนาการของเด็กเพื่อการ
ปรับปรุง พัฒนา หรือฝึกฝนให้ดีขึ้น หนูก็เห็นว่าตามที่ ผอ.พูดก็ถูกต้องค่ะ!
ผอ. : ผอ. ไม่ซีเรียสเรื่องผลการเรียนของเด็กวัยนี้อะไรนักหรอก เพียงแต่การที่เด็กชั้นเดียวกันคะแนนเท่ากัน
หมดทุกคน มันขัดกับความรู้สึกในเรื่องการประเมินผล เรามีมาตรฐานการศึกษา มีหลักสูตร มีกฎ มีระเบียบ 
ก็เพื่อคัดกรองคน วัดระดับสติปัญญา ทักษะ ความรู้ พฤติกรรม เจตนาก็เพื่อนำไปเป็นข้อมูลในการปรับปรุง
พัฒนาให้ดีขึ้น ถ้าเราไม่รู้ว่าปัจจุบันเรายืนอยู่ตรงไหน? แล้วเราจะเดินต่อไปในทิศทางไหน? เราจึงต้องมี
เป้าหมายที่ชัดเจน มีตัวชี้วัดความสำเร็จ เพื่อให้เรารู้จักตัวเอง จะได้แก้ไข ปรับปรุง หรือพัฒนาให้ดีขึ้น 
นี่คือกระบวนการวิเคราะห์ เราไม่ได้ให้เกรดเด็กเพื่อให้เกิดการแข่งขัน ชิงดีชิงเด่นกัน หรือใครเก่งกว่าใคร 
บางคนอาจเก่งในการเรียน แต่อาจล้มเหลวในชีวิตครอบครัว หรือชีวิตทำงาน บางคนไม่เก่งในการเรียน
แต่ชีวิตกลับประสบความสำเร็จ สรุปก็คือ วัด ก็เพื่อนำไปปรับปรุงพัฒนาหรือแก้ไขให้ดีขึ้นแค่นั้น!
ครูอิ้ง : เข้าใจแล้วค่ะ ผอ. เดี๋ยวหนูจะไปแก้ไขสมุดพัฒนาการเด็กแต่ละคนใหม่ ประเมินตามความเป็นจริง 
และวัดด้วยเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพมากกว่าแค่การสังเกตค่ะ
ผอ. : เฮ้อ! มันก็คือการคัดกรองเด็ก แยกแยะ วัดระดับ ปรับปรุง แก้ไข พัฒนา โดยมีมาตรฐานเป็นตัวกำหนด
ปริมาณวัดง่าย คุณภาพวัดยาก ในโรงงานการตรวจสอบคุณภาพผลิตภัณฑ์ที่ทำการผลิตเป็นสิ่งสำคัญมาก 
ตัวเลขทุกตัวสำคัญ ยิ่งถ้าเป็นการผลิตอาหารและยา ถ้าวัดคุณภาพผิดพลาด ผู้บริโภคนำไปบริโภคแล้วเสียชีวิต 
โรงงานก็อาจถูกสั่งปิดได้ง่ายๆ โรงงานก็มีมาตรฐานของโรงงาน บ้านเมืองก็มีกฎหมายควบคุมพฤติกรรม
กี่มาตราล่ะ ใครทำผิดก็ต้องถูกลงโทษตามกฎหมายแพ่งหรืออาญา ทุกอย่างเป็นการคัดคน คนดี(ตามกฎหมาย)
ก็ใช้ชีวิตอิสระเสรี คนไม่ดีก็อยู่ในคุก ในเรือนจำ กฎระเบียบก็ล้วนแล้วแต่มีไว้ปราบพวกทะลึ่ง กฎสวรรค์ 
คือกฎแห่งกรรมก็เป็นเหมือนกัน ใช้สำหรับคัดกรองคน พวกคนบาปก็ไปเป็นสัตว์นรก เปรต อสุรกาย 
และสัตว์เดรัจฉาน พวกคนดีมีศีลธรรมก็ไปแดนทิพย์แดนธรรม สวรรค์ นิพพาน เป็นต้น ถ้าเป็นปัจจุบันที่เขา
จะคัดคนที่คู่ควรกับโลกนี้เอาไว้ แล้วจัดการกำจัดพวกขยะออกไปล่ะ ใครควรอยู่ใครควรไป?...
1.ห้ามฆ่าและจ้างวานฆ่า 2.ห้ามลักทรัพย์ 3.ห้ามประพฤติผิดในกาม 4.ห้ามพูดเท็จ 5.ห้ามดื่มสุราและ
ของมึนเมา....
ครูอิ้ง : ผอ.ค่ะเป็นอะไรไปค่ะ ?
ผอ.พูดจบก็พล็อยหลับไปคล้ายเมามายไม่ได้สติ อาจเป็นเพราะเมื่อคืนดึกไปหน่อยไม่ได้นอน 
คงตรวจสมุดพัฒนาการของครูอิ้งจนรุ่งสาง ครูอิ้งเห็นแบบนั้นจึงเก็บสมุดของเด็กทั้งหมด นำกลับไปแก้ไข
ตามคำสั่ง ผอ. โดยค่อยๆ ย่องออกจากห้องแบบเงียบที่สุด เกรงว่า ผอ.จะตื่นขึ้นมาอีกครั้ง..........
Be Vegan Make Peace
www.supreme MasterTV.com
16 กันยายน 2566 12:50 น.

มหัศจรรย์แห่งน้ำ

คีตากะ

ความดีอันสูงสุดนั้นคล้ายกับน้ำ
น้ำให้คุณแก่สรรพสิ่ง มิแย่งชิงสิ่งใด
น้ำตั้งตนอยู่ในที่ต่ำ อันทุกคนรังเกียจเหยียดหยาม
ดังนั้นจึงนับว่าได้เข้าไปใกล้กับเต๋า
เหลาจื่อ...
ในท่ามกลางฤดูหนาววันหนึ่ง อากาศรายรอบเหน็บหนาวเย็นยะเยือก หิมะกำลังตกโปรยปราย นับเป็นภาพ
ที่งดงามตราตรึงเพียงใด ขณะที่ทุกคนกำลังหลับใหล ดร.มาซารุ เอโมโตะ นักวิจัยชาวญี่ปุ่นที่กำลังเหม่อมอง
หิมะที่ส่องประกายแวววาวด้วยความเพลิดเพลินอยู่นั้น พลันบังเกิดความคิดขึ้นว่า เกล็ดหิมะส่องประกาย 
ไม่มีเกล็ดใดที่เหมือนกัน 
ถึงแม้หิมะจะร่วงหล่นบนพื้นโลกมานับพันนับหมื่นปี แต่ละเกล็ดนั้นมีลักษณะเฉพาะตัวที่ไม่เหมือนกัน 
ถ้าเป็นอย่างนี้ หากนำน้ำมาทำให้แข็งตัวและศึกษาผลึกของมัน บางทีอาจจะพบโฉมหน้าที่แตกต่างกัน
ของน้ำก็ได้ เขารำพึงรำพันกับตัวเอง โดยนิสัยของเขา เขาเป็นคนที่คิดแล้วต้องลงมือทำเลย และได้เริ่ม
การทดลองที่ไม่เคยมีมาก่อน 
เขาเริ่มต้นด้วยการเช่ากล้องจุลทรรศน์ที่มีกำลังขยายสูง จากนั้นก็นำน้ำไปแช่แข็งในตู้เย็นเพื่อให้แข็งตัว
เป็นน้ำแข็ง แต่เพราะต้องถ่ายรูปกันในอุณหภูมิห้อง น้ำแข็งจึงละลายเร็วมาก ผลก็คือเขาไม่สามารถถ่ายภาพ
ผลึกน้ำได้เลย ด้วยเหตุนี้เขาจึงหมั่นเชิญเพื่อนนักวิจัยมาทานข้าวที่บ้านทุกวันปลุกเร้าไม่ให้ท้อ ไม่ว่าอย่างไร
เขาก็จะต้องทำให้สำเร็จ หลังจากพยายามอยู่สองเดือน ในที่สุดก็สามารถถ่ายภาพผลึกน้ำภาพแรกได้ 
มันเป็นผลึกน้ำหกแฉกที่สวยงามมาก ทั้งตัวเขาและเพื่อนนักวิจัยต่างตื่นเต้น 
คราวนี้เพื่อความสะดวกในการสังเกตผล เขาจึงทำห้องเย็นขนาดใหญ่ไว้ในห้องทดลอง ตั้งอุณหภูมิไว้ที่
ลบ 5 องศาเซลเซียส มีอุปกรณ์ติดตั้งพร้อมทุกอย่างสืบเนื่องมาจากผลสำเร็จครั้งแรกโดยแท้ ความพยายาม
นำมาซึ่งผลสำเร็จ ทุกอย่างล้วนขึ้นกับความตั้งใจของเขาและเพื่อนๆ หลังจากนั้นการถ่ายภาพผลึกน้ำ 
ไม่เพียงแต่อธิบายความเป็นไปของโลกทั้งมวล แต่ยังแฝงด้วยปรัชญาอันลึกซึ้ง ผลึกน้ำที่คงรูป เมื่อพบกับ
อุณหภูมิที่สูงขึ้น มันจะละลายไปภายในไม่กี่สิบวินาที ภายในห้วงเวลาสั้นๆ นั้นเอง สัจธรรมของจักรวาล
ที่ปรากฏให้เห็นกับตา ก็ค่อยๆ เลือนหายไปด้วย ในชั่วพริบตา เราจะได้เห็นโลกที่ไม่เคยได้เห็นมาก่อน 
วิธีการถ่ายภาพผลึกน้ำของเขามีขั้นตอนดังนี้ เริ่มแรกนำตัวอย่างน้ำประเภทเดียวกันมาหยดแบ่งใส่จานแก้ว
ที่มีฝาปิด 50 ใบ จากนั้นก็เอาไปแช่ในห้องแช่แข็งอุณหภูมิลบ 20 องศาเซลเซียสเป็นอย่างน้อย 
ใช้เวลา 3 ชั่วโมง หยดน้ำในจานแก้วจะเกิดแรงตึงผิว เห็นเป็นแผ่นน้ำแข็งกลมๆขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง
ราว 1 เซนติเมตร เมื่อใช้แสงส่องไปที่ผลึกน้ำแข็งแล้วใช้กล้องจุลทรรศน์ขยายภาพดู ก็จะเห็นภาพผลึกน้ำ
แน่นอนว่า น้ำในจานทั้ง 50 ใบไม่เกิดผลึกแบบเดียวกันทั้งหมด ในบางตัวอย่างก็ไม่พบผลึกเลย เมื่อทำสถิติ
ไว้ว่า มีกี่ใบที่เกิดผลึกได้ กี่ใบที่ไม่สามารถเกิดผลึก และมีกี่ใบที่ให้ผลึกไม่สมบูรณ์ แล้วนำมาสรุปเป็นกราฟ 
ก็จะทำให้เข้าใจคุณสมบัติของน้ำมากขึ้น 
ตอนแรกเขานำน้ำประปาจากเมืองใหญ่มาทดลอง ปรากฏว่าน้ำประปาจากโตเกียวนั้นแย่ที่สุด แทบจะถ่ายภาพ
ผลึกน้ำสวยๆ ไม่ได้เลย นั่นอาจเป็นเพราะน้ำในญี่ปุ่นใช้คลอรีนฆ่าเชื้อ ทำให้ไม่สามารถเกิดผลึกสวยงาม
ตามธรรมชาติได้ ตรงกันข้าม ขอเพียงเป็นน้ำจากธรรมชาติ ไม่ว่าจะมาจากแหล่งใดผลึกของน้ำจะออกมา
สวยงามแปลกตา เช่น น้ำพุ น้ำบาดาน ธารน้ำแข็ง แม่น้ำช่วงต้นน้ำ (แม่น้ำช่วงปลายซึ่งเป็นน้ำเสียที่ชาวบ้าน
ปล่อยออกมา มักจะไม่เห็นผลึกน้ำ) ไม่ว่าจะเป็นน้ำจากส่วนใดของโลก ขอเพียงให้เป็นน้ำตามธรรมชาติ
ที่ไม่มีการเจือปน ก็จะสามารถเห็นผลึกได้ ด้วยเหตุนี้เอง การถ่ายรูปและการวิจัยผลึกน้ำจึงเริ่มต้นขึ้น
อย่างเป็นเรื่องเป็นราว นำไปสู่การถ่ายภาพผลึกน้ำที่ได้ฟังเพลงประเภทต่างๆ 
หลังจากลองผิดลองถูกหลายต่อหลายครั้ง ในที่สุดเขาก็ใช้วิธีวางขวดที่มีน้ำไว้ตรงกลางระหว่างลำโพง
สองตัว และเปิดเพลงให้น้ำฟัง เสียงดังเท่ากับที่คนฟังโดยปกติ และน้ำที่นำมาใช้ในการทดลองแต่ละครั้ง
ต้องเป็นน้ำจากแหล่งเดียวกัน ดังนั้นพวกเขาจึงตัดสินใจใช้น้ำกลั่นที่ขายตามร้านขายยามาทดลอง
ให้ฟังเพลงผลที่ได้นั้นน่าอัศจรรย์มาก น้ำที่ได้ฟังเพลง Pastoral ของบีโธเฟ่นผลึกจะใสเป็นประกาย
สวยงามและสมบูรณ์มาก ส่วนน้ำที่ได้ฟังซิมโฟนีหมายเลข 40 ของโมสาร์ท จะได้ผลึกที่งดงามอย่างวิจิตร
ที่สวยที่สุดคือเพลง Farewell Song (เพลงลาจาก) ของโชแปงผลึกที่ได้จะเล็กๆ น่ารัก เผยให้เห็นความรู้สึก
ของการลาจาก (ซึ่งต่อมาภายหลัง เขาเพิ่งทราบว่าที่จริงแล้ว Farewell Song ไม่ใช่ชื่อดั้งเดิม อย่างไรก็ตาม
ดูเหมือนว่าสิ่งที่น้ำรับรู้จากท่วงทำนองเพลงนั้นจะตรงกับความรู้สึกของคนที่ตั้งชื่อเพลงนี้) น้ำที่ได้ฟังเพลง
คลาสสิคที่ไพเราะจะให้ผลึกออกมาสวยงามมีรูปลักษณ์แตกต่างกันออกไป ตรงกันข้าม หากให้น้ำฟังเพลง
เฮฟวี่เมทัล ที่เต็มไปด้วยความความกราดเกรี้ยว อีกทึก ผลึกที่ได้จะออกมาขาดๆ เกินๆ ไม่สมบูรณ์ 
ต่อมาเขาก็เกิดความคิดแผลงๆ ขึ้นอีกว่า น่าจะลองให้น้ำอ่านตัวหนังสือดูบ้าง เขาเริ่มทดลองโดยเทน้ำ
ใส่ในขวด เขียนตัวอักษรที่ต้องการลงบนกระดาษและนำด้านที่มีตัวอักษรปะติดแนบกับขวด สิ่งที่เขาต้องการ
รู้ก็คือ หากน้ำได้เห็นคำว่า “ขอบคุณ” กับ “ไอ้บ้า” ผลึกน้ำจะออกมาแตกต่างกันอย่างไร การให้น้ำอ่านตัว
หนังสือ โดยเชื่อว่าน้ำจะเข้าใจความหมายและเปลี่ยนรูปผลึกได้ หากพูดกันโดยตรรกะแล้ว เรื่องนี้อาจฟังดู
เพ้อเจ้อไร้เหตุผลสิ้นดี แต่หลังจากที่ทดลองให้น้ำฟังเพลงแล้ว เขาไม่สงสัยในความคิดนี้ของเขาเลย
แม้แต่น้อย เขารีบทำการทดลองทันที การทดลองครั้งนี้เหมือนการเดินหลงเข้าไปในป่าลึก เขารอคอยผล
การทดลองอย่างใจจดใจจ่อ ผลที่ออกมานั้นเหนือความคาดหมายอย่างมาก น้ำที่อ่านคำว่า “ขอบคุณ” 
จะปรากฏเป็นผลึก 6 แฉกที่งดงามแปลกตา ตรงกันข้าม น้ำที่อ่านคำว่า “ไอ้บ้า” จะให้ผลึกคล้ายกับน้ำ
ที่ฟังเพลงเฮฟวี่เมทัล คือเป็นผลึกที่ไม่สมบูรณ์ ผิดรูปผิดร่าง เช่นเดียวกัน เมื่อน้ำอ่านคำว่า
“พวกเรามาร่วมมือกันนะ!” ผลึกน้ำจะออกมาสดใสและสมบูรณ์ แต่เมื่ออ่านคำว่า “อย่ามายุ่ง!” 
กลับไม่เกิดผลึกใดๆ เลย
การทดลองนี้แสดงให้เห็นว่า คำพูดที่เราพูดๆ กันในชีวิตประจำวันนั้นมีความสำคัญมากเพียงใด 
คำพูดดีๆ จะมีพลัง ทำให้ทุกอย่างเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดี หากเป็นคำที่เลวร้าย ก็จะนำทุกสิ่งไปสู่
ความเลวร้ายเช่นกัน การศึกษาเรื่องน้ำให้ลึกซึ้งเป็นการท้าทายพอๆ กับการตามหาที่มาของจักรวาล 
ผลึกน้ำนำทางไปสู่ข้อมูลที่ไม่เคยมีมาก่อน จากการได้ถ่ายรูปผลึกน้ำออกมาครั้งแล้วครั้งเล่า หลายครั้งที่
ทำให้เขาได้ก้าวเข้าไกล้สัจธรรมที่ลึกลับของจักรวาลโดยไม่รู้ตัว มีภาพผลึกน้ำภาพหนึ่งที่ทำให้เขา
ถึงกับตะลึง เพราะเขาไม่เคยพบอะไรที่สวยงามเท่านี้มาก่อน นั่นคือผลึกของน้ำที่ได้อ่านคำว่า
 “รักและขอบคุณ” ที่ให้ความรู้สึกราวกับว่า น้ำมีความสุขเบิกบานอย่างเต็มที่และเผยตนออกมาเป็นผลึก
ที่งดงามราวกับดอกไม้ผลิบาน งามมากพอที่จะเปลี่ยนแปลงชีวิตเขาทั้งชีวิต จากผลึกน้ำที่อ่านคำว่า
 “รักและขอบคุณ” น้ำบอกเราว่า ใจของคนเรานั้นมีพลังมากพอที่จะเปลี่ยนแปลงโลกทั้งโลกได้
ตั้งแต่โบราณ ชาวญี่ปุ่นมีความเชื่อว่า ภาษามีวิญญาณสิงสถิตอยู่ กล่าวคือ ภาษาโดยตัวมันเองมีพลัง
สามารถเปลี่ยนแปลงโลกได้ ภาษามีอิทธิพลต่อความรู้สึก ดังนั้นเราจึงควรจะพยายามสื่อภาษา
ที่มีความหมายดีๆ ออกมา เพื่อเรื่องราวทุกอย่างจะเป็นไปอย่างราบรื่นด้วยดี จิตใจก็จะเบิกบาน 
ดังมีคำกล่าวว่า “จิตใจดีจะทำให้ร่างกายดีไปด้วย” ภาษาคือการแสดงออกของจิตใจ และความรู้สึก
ในจิตใจสามารถเปลี่ยนน้ำที่มีอยู่ 70% ในร่างกายคนได้ (ร่างกายประกอบด้วยน้ำ 70%) และมีผลโดยตรง
ต่อร่างกาย คนที่มีร่างกายแข็งแรงแสดงว่าจิตใจต้องแข็งแรงด้วย 
ตอนที่เริ่มวิจัยเรื่องน้ำช่วงแรกๆ เขามีแรงบันดานใจที่ต้องการหาวิธีทำให้ทุกคนมีสุขภาพที่ดี จากการวินิจฉัย
โรคให้กับหลายๆ คนที่ประสบโรคภัยที่ร้ายแรง เขาเริ่มเชื่อว่าโรคภัยต่างๆ เหล่านี้ไม่ใช่ปัญหาเฉพาะบุคคล
แต่เกิดจากสังคมที่บิดเบี้ยว เขามีความเชื่อว่า หากเราไม่เปลี่ยนแปลงโลกที่บิดเบี้ยวนี้ ไม่เพียงแต่คนที่พบ
โรคภัยไข้เจ็บจะไม่ลดน้อยลง คนที่เจ็บป่วยทางใจก็จะมากขึ้นด้วย โลกที่บิดเบี้ยวเกิดจากอะไร? คำตอบก็คือ
เกิดจากใจคนเรานี่เอง จิตใจที่บิดเบี้ยวมีผลต่อทั้งจักรวาล เช่นเดียวกันน้ำเพียงหยดเดียวที่หยดลงบนผิวน้ำ
ย่อมทำให้เกิดระลอกคลื่นแผ่ขยายออกไปอย่างไมจำกัด เพียงจิตใจคนๆ เดียวที่บิดเบี้ยว ก็จะทำให้สิ่งรอบข้าง
ทั้งหลายทั้งปวงบิดเบี้ยวไปด้วย และจะส่งผลต่อโลกทั้งโลก แต่ขอให้ทุกคนจงวางใจ สิ่งที่เป็นไปเหล่านี้
มีทางแก้ไข ด้วยคำว่า “รักและขอบคุณ” โลกของเรากำลังรอคอย เพื่อจะเปลี่ยนแปลงไปเป็นโลกที่สวยงาม
เฝ้ารอคอยวันที่งดงามที่สุด 
ขอให้เรากลับไปคิดที่กล่าวไว้ในตอนต้นว่า คนเราเกิดมาจากน้ำ เมื่อได้เห็นผลึกของน้ำ น้ำในร่างกาย
จะต้องเกิดการเปลี่ยนแปลง และการเปลี่ยนแปลงที่งดงามที่สุดนั้น เกิดขึ้นเมื่อเราเห็นผลึกน้ำที่รับรู้คำว่า
“รักและขอบคุณ” นี่กระมังที่เป็นที่มาของศาสนาทุกศาสนา หากสามารถมี “ความรักและขอบคุณ” 
ในใจทุกคนได้ กฎหมายก็จะไม่ใช่สิ่งจำเป็นอีกต่อไป ตอนนี้เราคงรู้คำตอบแล้วว่า “ความรักและขอบคุณ” 
จะเป็นหัวใจสำคัญที่จะชี้นำโลกแห่งอนาคต น้ำนำทางชีวิตเรา ตำนานทุกบทที่พรรณนาถึงน้ำล้วนแต่
เป็นสิ่งที่เชื่อมต่อกันกับจักรวาลที่ไม่สิ้นสุด...
ขอบคุณผู้แปล ดาดา สำนักพิมพ์โลกสวย และผู้เขียน ดร.มาซารุ เอโมโตะ 
มาซารุ เอโมโตะ เกิดที่โยโกฮาม่าในปี ค.ศ. 1943 จบการศึกษาทางด้านมนุษยศาสตร์และวิทยาศาสตร์
จากมหาวิทยาลัยโยโกฮาม่า ในปี ค.ศ. 1986 ได้ก่อตั้งสถาบันวิจัย IHM ขึ้นที่กรุงโตเกียว
และในปี ค.ศ. 1992 ได้รับประกาศนียบัตรแพทย์ทางเลือกจาก Open International University 
ผลงานวิจัยเรื่องน้ำในระดับอนุภาคที่เล็กกว่าอะตอม นำไปสู่ความเข้าใจน้ำในมิติใหม่ 
ทำให้รู้ว่าที่จริงน้ำมีพลังชีวิตที่สามารถรักษาโรคได้....
10 มีนาคม 2566 13:46 น.

การเตรียมพร้อมในภาวะสงคราม

คีตากะ

        โลกเพิ่งผ่านการแพร่ระบาดของโรคโควิด – 19 ทำให้ประชากรของโลกจำนวนหลายล้านคนต้องเสียชีวิต
และอีกหลายล้านต้องมีสุขภาพแย่ลงเนื่องจากผลจากการติดเชื้อดังกล่าว (long covid) การอุบัติใหม่
ของโรคที่ยังไม่มียารักษาและการป้องกันที่ด้อยประสิทธิภาพจากภาวะฉุกเฉิน ส่งผลให้วัคซีนที่นำมาใช้
ยังไม่ผ่านกระบวนการทางการค้นคว้าวิจัยตามช่วงเวลาที่ควรจะเป็น ทำให้ไม่เพียงการสูญเสียชีวิตจากการ
ติดเชื้อลงปอด สุขภาพที่ย่ำแย่ลงจากการติดเชื้อ มนุษย์ยังต้องมาเผชิญกับภัยร้ายจากผลกระทบจากการ
ใช้วัคซีนในภาวะฉุกเฉิน แม้หน่วยงานทางด้านสาธารณสุขจะได้พยายามปฏิบัติงานอย่างเต็มที่
ในช่วงเวลาที่จำกัดนี้ สำหรับโรคอุบัติใหม่ที่ไม่เคยรู้จัก แต่ผลกระทบในระยะยาวก็ยังคงอยู่ 
ยังไม่มีผลวิจัยยืนยันอย่างแน่ชัดสำหรับผู้ที่เคยติดเชื้อว่าจะมีผลอย่างไรต่อสุขภาพต่อจากนี้ไป 
โควิดจะกลับมาแพร่ระบาดหนักอีกเมื่อไหร่ยังไม่มีใครสามารถคาดการณ์ได้อย่างแน่ชัด ขณะที่
การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่ทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ คอยเป็นภัยซ้ำเติมชีวิต ทรัพย์สิน เศรษฐกิจ 
และกระทบต่อความมั่นคงในการดำรงชีวิตอยู่ของมนุษย์อย่างต่อเนื่อง และเมื่อทรัพยากรมีอยู่อย่างจำกัด 
และสูญเสียไปจากผลกระทบดังกล่าว ในที่สุดมนุษย์ก็ใช้วิธีการแย่งชิงทรัพยากรจากเพื่อนร่วมโลก
ความขัดแย้ง ความรุนแรงต่างๆ จึงตามมา ซึ่งก็อาจลุกลามบานปลายเป็นสงครามโลกได้ในที่สุด
       ในฐานะพลเมืองตัวเล็กๆ คนหนึ่งต่อจากนี้ไปจะดำรงชีวิตอยู่อย่างไร ในโลกที่ดำรงชีวิตอยู่ยากขึ้นทุกที
เราคงไม่หวังจะให้ผู้นำ นักการเมืองคนใดมาช่วยเหลือได้ในช่วงเวลานี้ เพราะนี่คือปัญหาระดับโลก 
แม้ผู้นำมหาอำนาจยังไม่มีนโยบายอะไรที่เป็นรูปธรรมในการรับมือกับภัยพิบัติต่างๆ เหล่านี้ 
นอกจากวางดอกไม้ท่ามกลางหลุมฝังศพ และยืนรำลึกเสียใจชั่วขณะเพื่อไว้อาลัยให้กับพลเมือง
ของตนเท่านั้น ภาพชินตาเหล่านี้ทำให้เรา ควรมาทบทวนให้มากขึ้นในเรื่องของการพึ่งพาตัวเอง
ให้มากที่สุด ทันที่อาวุธนิวเคลียร์ถูกนำมาใช้ในสงครามผลกระทบที่ตามมาคืออะไร หรืออาวุธเคมี 
อาวุธชีวภาพ เราควรจะรับมืออย่างไร ถ้าเรายังอยากรอดชีวิต ท่านอนุตราจารย์ชิงไห่ได้ให้แนวทาง
ผ่านทางสถานีโทรทัศน์สุพรีมมาสเตอร์ ด้วยภูมิปัญญาอันสูงส่งของท่านพอสรุปได้คร่าวๆ ดังนี้
1. ไฟฟ้าอาจดับ จึงจำเป็นต้องมีพลังงานทางเลือกอย่างโซล่าเซลล์เตรียมพร้อมเช่น 
ติดตั้งระบบแผงโซล่าเซลล์ อุปกรณ์ที่ใช้กับระบบโซล่าเซลล์ เช่น ไฟฉายพลังงานแสงอาทิตย์ 
หลอดไฟแสงสว่าง หรืออุปกรณ์ไฟฟ้า DC หรือถ้าใช้อุปกรณ์ไฟฟ้า AC ก็ต้องใช้เครื่องแปลงไฟ
/เครื่องชาร์ตไฟ Power bank เป็นต้น
2. สำรองอาหารแห้งและน้ำดื่ม/น้ำใช้ กรณีน้ำและพืชผักปนเปื้อนสารกัมมันตภาพรังสี 
ไม่สามารถรับประทานได้ เช่น พวกข้าวสาร ถั่ว งา ธัญพืช เกลือ บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป อาหารกระป๋อง
เส้นก๋วยเตี๋ยวแห้ง อาหารสัตว์ นม ฯลฯ
3. เครื่องกรองน้ำ ในกรณีน้ำประปาเกิดการปนเปื้อน
4. กรณีที่มีการแพร่ของสารกัมมันตภาพรังสี ถ้าร่างกายไปสัมผัสเข้าให้รีบล้างออกด้วยน้ำสะอาดทันที
ถอดเสื้อผ้าทั้งชุดทิ้งไม่นำกลับมาใช้อีก และควรอาศัยอยู่ในสถานที่หลบภัย ห้องใต้ดิน หรือในบ้าน
ไม่ออกไปข้างนอก เพื่อลดความเสี่ยงในการถูกสารกัมมันตภาพรังสี โดยเฉพาะบริเวณที่มีระเบิดนิวเคลียร์
ตกในบริเวณใกล้เคียง
5. ควรปลูกผักสวนครัวเอาไว้บริเวณบ้านหรือห้องว่างเล็กๆ ในกรณีที่ไม่สามารถออกไปซื้อผัก      
นอกบ้านหรือร้านค้าต่างๆ ปิดตัวลง 
6. กรณีไฟฟ้าใช้งานไม่ได้อาจจำเป็นต้องใช้เตาถ่าน เชื้อเพลิงจากไม้ น้ำมัน และอื่นๆ 
เพื่อประกอบอาหารหรือต้มน้ำ
7. ควรเก็บเมล็ดพันธุ์ที่จำเป็นในการบริโภค ในกรณีที่ขาดแคลนอาหาร และไม่สามารถหาซื้อได้    
เพื่อป้องกันการขาดแคลนอาหารในภาวะสงคราม เช่น ถั่วเขียวใช้เพาะถั่วงอก คะน้า ผักบุ้ง 
กะหล่ำปลี ผักกาด ฯลฯ 
8. อุปกรณ์ไฟฟ้าที่ใช้แบตเตอรี่ จึงต้องสำรองแบตเตอรี่เอาไว้เวลาฉุกเฉินด้วย
9. จัดเตรียมยาเวชภัณฑ์ที่จำเป็น โดยเฉพาะยาต้านรังสี ติดบ้านเอาไว้
10. ติดตามข่าวสารต่างๆ อย่างใกล้ชิด ปริมาณในการสำรองสิ่งต่างๆ ดังกล่าวขึ้นอยู่กับผลกระทบ
ที่ได้รับจากสงครามว่ายาวนานแค่ไหน อาจเป็น 1 เดือน หรือ 1 ปี แล้วแต่พื้นที่ที่อาศัยอยู่ว่าเป็นพื้นที่
เสี่ยงแค่ไหน
วีแก้น = เรือโนอาห์
www.suprememastertv.com
2 ธันวาคม 2565 17:33 น.

รหัสลับดับตะวัน...

คีตากะ

ณ กองช่างของ อบต. แห่งหนึ่ง
“ผอ.ค่ะ งวดนี้ออกอะไรค่ะ” หญิงสาวแรกรุ่นหน้าตาสะสวยคนหนึ่งถามขึ้นวันหนึ่งซึ่งเป็นวันหวยออก
เธอเป็นลูกจ้างของ อบต. ตำแหน่งพนักงานธุรการประจำกองช่าง ทั้งกองช่างมีเพียง 2 คน คือเธอกับ ผอ.
เธอชื่อมิ้น โต๊ะทำงานของเธออยู่หน้าห้องของ ผอ. ส่วนพนักงานกองช่างจริงๆ มีประมาณ 10 กว่าคน 
ส่วนใหญ่ก็ตระเวนทำงานไปทั่ว ทั้งในส่วนของ อบต. และในเขตชุมชน หลักๆ ก็มีตัดหญ้า ตัดกิ่งไม้ 
และให้บริการซ่อมแซมทั่วไปตามที่ผู้บังคับบัญชามอบหมาย...
“เลขเขาบอกกันไม่ได้ มันจะเคลื่อน” ผอ.ทำท่าเอานิ้วชี้ปิดที่ปากตัวเอง เป็นสัญญาณบอกให้เงียบ 
ก่อนจะเขียนตัวเลขใส่กระดาษและยื่นส่งให้ลูกน้องคนสนิทไป และจะกำชับว่า...
“เล่นเฉพาะสลากกินแบ่งรัฐบาลเท่านั้นนะ ช่วยอุดหนุนรัฐ จะได้เอาเงินไปช่วยเหลือคนจน”
“รับทราบค่ะ ผอ. ขอบคุณค่ะ” มิ้นรับกระดาษมา ในขณะที่ดวงตากลอกกลิ้งไปมา มีพิรุธ 
มิ้นถูกหวยมาหลายงวดแล้ว ก็เพราะได้อานิสงค์จาก ผอ. คนนี้แหละ คนทั้งตำบลเรียกแกว่า “เซียน”
ตั้งแต่ ผอ.ย้ายมาที่ อบต. แห่งนี้ มิ้นก็รู้สึกว่าชีวิตมีความหวังมากขึ้น และถูกหวยเกือบจะแทบทุกงวด 
จะผิดบ้างก็ตรงแทงบนออกล่าง แทงล่างออกบนเท่านั้น แต่ยังไงตัวเลขก็ไม่เคยพลาดมาก่อน 
นี่ก็เจ็ดงวดติดต่อกันแล้วที่เธอยังไม่พลาดเลย เธอไม่รู้ว่า ผอ.เล่นหวยหรือเปล่า เธอรู้แต่เพียงว่า 
ผอ.เป็นนักคำนวณ และชอบตัวเลขเป็นชีวิตจิตใจ...
ในสายตาของ มิ้น ผอ.เป็นคนตรงฉิน แกทำงานเป๊ะมาก เป็นคนละเอียด ทำให้แกมักจะมีปัญหากับผู้รับจ้าง
ทำถนนบ่อยๆ เพราะผู้รับจ้างก็มักจะทำงานลวกๆ ให้งานเสร็จๆไป คุณภาพงานไม่ค่อยได้ พอทำถนนเสร็จ
ไม่นาน ยังไม่ทันไรก็ชำรุดอีกแล้ว ผอ.จะเข้าไปจำจี้จ้ำไชกับผู้รับเหมาให้ทำตามแบบที่ได้ตกลงกันไว้
ก็เพื่อรักษาผลประโยชน์ของส่วนรวม ชาวบ้านไม่ร้องเรียน ซึ่งในมุมมองของผู้รับจ้างก็จะไม่ชอบเป็นธรรมดา....
ภาพ ผอ.ในสายตาของมิ้น จะเป็นคนเรียบง่าย ดูติดดิน คนภายนอก อบต.ที่ไม่รู้จักจะไม่มีทางคิดว่า 
แกเป็น ผอ.กองช่าง แกอาจจะเป็นคนแปลกๆ ยากแกการเข้าใจ แกจะผ่อนคลายกับทุกเรื่องยกเว้น
เรื่องงานเท่านั้นที่แกค่อนข้างจะซีเรียส เอาจริงเอาจัง บางทีก็มากจนเกินไป และก็ทำให้ลูกน้องกดดันไปด้วย..
บ้าน ผอ.อยู่ไม่ไกลกับ อบต. แกเช่าบ้านอยู่ สมัยก่อนแกขี่จักรยานมาทำงานทุกวัน 
แต่ปัจจุบันแกขี่มอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าแบบที่แม่บ้านใช้ไปจ่ายตลาดกันนั่นแหละ วันแรกที่มิ้นเห็นรถคันใหม่
ของ ผอ.ถึงกับกลั้นหัวเราะไม่ออก แต่ก็ต้องเก็บอาการเอาไว้ กลัว ผอ.จะเสียใจ มิ้นเคยถาม ผอ.ว่า
เงินเดือน ผอ.ก็สูง ทำงานมาก็นานทำไมไม่ขับรถเก๋งมาทำงานเหมือน ผอ.คนอื่นๆ บ้าง
เธอได้รับคำตอบสั้นๆ ว่า “ผอ.ขับรถยนต์ไม่เป็น” เธอก็ได้แต่ทำหน้างงๆ ผอ.เคยเล่าถึงรถคันนี้ให้ฟังว่า
ครั้งหนึ่ง แกขี่มอเตอร์ไซค์แม่บ้านคันนี้ อยู่ดีๆ บนถนน พอมาถึงไฟแดง ขณะที่ติดไฟแดงอยู่นั้น
ก็มีรถมอเตอร์ไซค์วัยรุ่น 2 คน ตามาทัน ร้องถามแกว่า…
“ พี่ๆ ทำไม่รถพี่เร็วจัง ผมขับตามมาความเร็วเกือบร้อยยังตามไม่ทัน พี่ไปซื้อที่ไหนมา ผมจะไปซื้อมั่ง”
“ อ๋อ รถผมแต่งมาครับ” ผอ.ร้องบอกไป เพราะต้องสู้กับเสียงมอเตอร์ของวัยรุ่น 2 คนนั้น
“วิ่งได้เร็ว เท่าไหร่ครับเนี่ย” วัยรุ่นคนขับถามต่อ
“ น่าจะประมาณ 120 ครับ” ผอ.ตอบด้วยใบหน้าเรียบเฉย
“ โอ้โห้พี่ รถรุ่นนี้วิ่ง 60 ก็ถือว่าเก่งมากแล้ว พี่ไปแต่งยังไงครับ ผมจะไปทำมั่ง”
“ก็แค่เปลี่ยนฮับมอเตอร์ใหม่ แผงควบคุมใหม่ และเพิ่มแบตครับ ถ้าให้ดีมอเตอร์สักประมาณ 5 พันวัตต์
ขึ้นไปกำลังดี”
 ผอ.ตอบกลับไป ยังไม่ทันที่วัยรุ่นจะถามต่อให้หายสงสัย เพราะไม่เคยเจอรถแม่บ้านราคาไม่กี่พัน
จะวิ่งเร็วขนาดนี้ ที่สำคัญไม่มีเสียงดังอีกด้วย รวมทั้งไม่ใช้น้ำมัน พอไฟเขียว รถแม่บ้านสีชมพูคันนั้น
ก็วิ่งหายจนลับตาไปแล้ว....  สร้างความตื่นตระหนกให้กับวัยรุ่นจนตาค้าง เหมือนไม่เชื่อสายตาตัวเอง 
ดังราวถูกผีหลอกกลางวันแสกๆ ก็ปาน…
ถึงแม้ ผอ.จะได้ชื่อว่า “เซียนหวย” และรักตัวเลขเป็นชีวิตจิตใจ ที่ผ่านมาสูตรคำนวณของแก
ไม่เคนพลาดมาก่อน เมื่อก่อน ผอ.ไม่เคยสนใจเรื่องหวย แกเคยเล่าว่า ตอนสมัยเรียนอยู่มัธยม 
แกมีอาจารย์ที่เคารพมากอยู่คนหนึ่ง เป็นครูสอนคณิตศาสตร์ ที่เคยอบรมสั่งสอนแกมา 
มักจะเน้นย้ำเสมอว่า “นักคณิตศาสตร์จะไม่เล่นหวย เพราะเรื่องความน่าจะเป็นสอนว่าโอกาส
ที่จะถูกรางวัลน้อยมากจนแทบเป็นไปไม่ได้ เช่น รางวัลที่ 1 โอกาสมีเพียง 1 ในล้านเท่านั้นที่จะถูก 
หรือ เลขรางวัล 2 ตัว ก็มีโอกาสที่จะถูกแค่ 1 ในร้อยเท่านั้น” คำสอนอันนี้ถูกปลูกฝังอยู่ในสมอง
ของ ผอ.มาจนปัจจุบัน ทำให้ ผอ. ไม่เคยเล่นหวยเลย จุดเปลี่ยนมันอยู่ตรงที่ แม้ ผอ.จะไม่เล่นหวย
และไม่ชอบการเสี่ยงโชค ซึ่งแกก็รู้ตัวดีว่า แกไม่มีโชคทางนี้ แต่เพื่อนร่วมงานรอบๆ ตัวแกไม่เหมือนกัน 
พอถึงวันที่หวยจะออก มันคือความหวังของมนุษย์เงินเดือนเลยทีเดียว ผอ.มาสนใจตัวเลขหวย 
ก็เพราะมิ้นนี่แหละ มักจะมาบ่นว่าไม่ถูกหวยให้ฟังบ่อยๆ เวลาหวยออก ทำให้ ผอ.เริ่มสนใจตัวเลข
พวกนี้มาอีกครั้ง แกศึกษากับเซียนหวยหลายๆ คน ทดลองสูตรนี้ สูตรโน้น จนไม่ได้หลับไม่ได้นอน
กันเลยทีเดียว เคยมีข่าวมาว่า ผอ.ถูกหวย 9 งวดติดต่อกัน ตั้งแต่แกเริ่มสนใจเรื่องพวกนี้ จริงหรือเปล่า 
ก็ไม่ทราบได้ อาจจะเป็นแค่ข่าวลือ ผอ.เคยพูดเปรยๆ กับมิ้นว่า....
“ สำหรับคนมีโชค เลขจะมาหาเอง สำหรับคนไม่มีโชค เอารางวัลที่หนึ่งมาให้ก็ยังไม่เอา”
“เลขเหล่านี้ เป็นเลขเร้นลับ และไม่ใช่คณิตศาสตร์จะอธิบายได้” ผอ.ใช้คำว่าเลข “ลาภะ”
ไม่ใช่ได้มาโดยง่าย เพราะอาจทำให้คนธรรมดากลายเป็นเศรษฐีได้ในชั่วข้ามคืน ที่สำคัญ 
เมื่อเลขอาจไม่มีที่มาที่ไป เวลาได้เงินมาก็อาจละลายไปโดยไม่มีที่มาที่ไปด้วยเช่นกัน 
ไม่เหมือนการทำธุรกิจ ที่รู้ที่มาที่ไปของเงิน จึงง่ายในการควบคุม เวลาเล่นหวยจึงต้องใช้สติและปัญญา
ให้มาก อาจหมดตัวได้ง่ายๆ ถ้าผีพนันเข้าสิง...
และในท้ายที่สุดหลังจากที่มิ้นถูกหวยมาหลายงวดติดต่อกันจากเลขที่ ผอ.ให้ วันหนึ่งมิ้นก็เดินเข้าห้อง
มาหา ผอ.และบ่นว่า..
“ ผอ.ค่ะ ตัวเลขที่ ผอ.ให้งวดนี้ไม่เข้าเลยค่ะ หนูถูกกินไปเยอะทีเดียว” ผอ.ทำหน้างุนงง ราวกับว่า
จะเชื่อมั่นในเลขตัวเอง ก่อนจะพูดขึ้นว่า
“ น่าจะมีอะไรผิดพลาดนะ เดี๋ยว ผอ.ขอทบทวนสูตรก่อน” 
แม้ตัวเลขจะมีเข้ามีออก ผิดพลาดเป็นเรื่องธรรมดาสำหรับคอหวย แต่สำหรับ ผอ. กลับไม่ใช่ 
ผอ.ใช้เวลาอยู่หลายวันถึงตัวเลขที่ให้กับลูกน้องไป และพบว่า นี่ไม่ใช่ตัวเลขหวย แต่เป็น 
“รหัสวันสิ้นโลก” ในตัวเลขนั้นได้แจ้งถึงวันพิพากษามนุษย์ในอีก 2 เดือนข้างหน้า 
เนื่องจาก ผอ.เป็นคนที่รักตัวเลขเป็นชีวิต จึงศึกษาทางด้านโหราพยากรณ์จากตัวเลข 
และรู้ถึงที่มาที่ไปของตัวเลข แม้ในสูตรการคำนวณหวยขั้นพื้นฐานจะต้องเริ่มที่เลขกำลังวัน 
รวมถึงห้วงเวลาในวันที่หวยออก วันอะไรและข้างขึ้นหรือข้างแรมประกอบด้วยก็ตาม 
แต่ตัวเลขในงวดนี้ได้บ่งบอกความลับบางอย่างออกมา หลังจากที่ ผอ.ได้รู้ถึงข้อมูลเหล่านี้ 
ทำให้ ผอ.นึกถึงภาพยนตร์เรื่อง “รหัสลับวินาศโลก” ที่ นิโครัส เคส เป็นผู้แสดงนำ 
ผอ.เก็บความตื่นตระหนกเอาไว้อยู่คนเดียว และคิดว่า จะต้องหาพระผู้มีอภิญญา ล่วงรู้อนาคต
มาช่วยยืนยัน ผอ.นึกถึงหลวงพ่อเขียน ที่เล่าลือว่าท่านทำนายหวยไว้ล่วงหน้า 20 งวด 
และเลขก็ออกตามนั้น จนท่านมีชื่อเสียงโด่งดัง แต่ปัจจุบันท่านได้มรณะภาพไปแล้ว 
จนกระทั่ง ผอ.ได้พบกับพระผู้ทรงอภิญญา ท่านหนึ่งที่ล่วงรู้วาระจิตของ ผอ.ได้ 
โดยที่ยังไม่ได้กล่าวอะไร พระชราท่านนั้นก็เอ่ยขึ้นลอยๆ ว่า...
“อย่างที่โยมเข้าใจ นั่นแหละ ถูกแล้ว ไม่ใช่เลขหวย”
“แล้วผมจะทำยังไงต่อไปดีครับหลวงตา” ผอ.ถามด้วยความตื่นตระหนกยิ่งกว่าเดิม
“ทำใจ โยม ทุกคนก็ต้องตาย มรณะสติไง” โยมก็เข้าใจดีนี่
“ไม่มีทางรอดอื่นอีกเหรอครับหลวงตา” ผอ.ยกมือพนมขอความคิดเห็นจากพระชรา
“ไม่มี โลกนี้ไม่ใช่ที่อยู่แล้ว” พระชราส่ายหน้าตอบ พร้อมกับหลับตาเข้าสมาธิ
“ตายกันหมดเลยหรือครับ” ผอ.ยังอยากได้คำตอบจากพระที่ฟังสบายใจกว่านี้
“มีทางเดียว” พระชราพึมพำตอบ คล้ายกำลังสวดมนตร์
“ทางไหนครับ” ผอ.รีบถามก่อนที่ท่านจะเข้าณาญไปจริงๆ
“ไปอยู่ดาวดวงอื่น! “ พระชราตอบเสียงแผ่วเบา เสมือนหนึ่งได้ยินมาจากที่ไกลโพ้น 
ก่อนที่ท่านจะเงียบไปและไม่พูดอะไรอีกเลย...
ผอ.กลับมาจากวัดพร้อมกับแผนการในสมองเป็นขั้นเป็นตอน ก่อนจะกลับไปดูหนัง
เรื่องรหัสลับวินาศโลกอีก 3 รอบ เผื่อว่าครอบครัวของแกจะได้รับการคัดเลือกให้เป็นผู้รอด
ในภัยพิบัติครั้งนี้ เหมือนในหนัง ซึ่งก็ได้แต่ภาวนา...
.............................................................................
ไม่มีข้อความส่งถึงคีตากะ